หลินฟู่อินมองเสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็รู้ว่าสถานะคงไม่ธรรมดา จึงได้ก้าวหลบโดยไม่รู้ตัว
เพราะนางหลบเขานี่เอง บุรุษในชุดผ้าไหมผู้นี้จึงได้ถลาไปชนป้ายไม้รูปซาลาเปาจนมันกระแทกหน้าผากเขาดังตึง
คิ้วของหลินฟู่อินขมวดเล็กน้อย
จากนั้นก็ได้ยินเสียงบุรุษผู้นั้นะโอย่างเกรี้ยวกราด “นางเด็กนี่จะหลบทำไมกัน ข้าเจ็บนะ!”
หลินฟู่อินขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม แต่คิดว่านางแค่มาทำธุระ ไม่วุ่นวายย่อมดีกว่า จึงไม่ใส่ใจอีกฝ่าย
“เถ้าแก่ ขอซาลาเปาลูกใหญ่แปดลูกกลับบ้านเ้าค่ะ” หลินฟู่อินสั่ง “เท่าไรเ้าคะ?”
เถ้าแก่ร้านซาลาเปามองบุรุษในชุดน้ำเงิน จากนั้นก็ตอบหลินฟู่อินอย่างระมัดระวัง “แม่นาง ซาลาเปาลูกใหญ่สองลูก แปดลูกสี่อีแปะ”
“เพ้ย นางเด็กนี่ไม่ทราบชื่อนายน้อยผู้นี้ใช่หรือไม่? ยังกล้าซื้อซาลาเปาอยู่อีก หา?” บุรุษชุดน้ำเงินยังคงกุมหน้าผากตัวเอง มืออีกข้างกระชากคอเสื้อหลินฟู่อินอย่างแรง
หลินฟู่อินยกแขนขึ้นปัดมืออีกฝ่ายออก จากนั้นนางก็พลิกฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วกระแทกเข้าตรงหน้าอกของอีกฝ่ายด้วยท่าทางพลิ้วไหวในทันที
บุรุษผู้นั้นถูกผลักจนล้มโครมลงพื้น เขาะโลุกขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่ยินยอม “เพ้ย! เ้าทำข้าเจ็บแทบตายแล้ว… เป็นางเด็กป่าเขาจากที่ใด นายน้อยผู้นี้ย่อมไม่ปล่อยเ้าไปแน่!”
หลินฟู่อินรับซาลาเปาแปดลูกที่ห่อด้วยกระดาษไขมาโดยไม่มองอีกฝ่ายแม้แต่หางตา แล้วเดินออกจากร้านไป
ทว่าทันใดนั้น นางก็ได้ยินเหล่าผู้ที่เห็นเหตุการณ์ชี้มายังตนพร้อมเสียงฮือฮา
“แม่นางน้อยผู้นี้มาจากหมู่บ้านไหนกัน เรี่ยวแรงเยอะจริงๆ…”
“สุดยอดจริงๆ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“ใช่แล้ว คุณชายใหญ่หลิวกับพวกนักเลงหัวไม้ต่างเรียกกันว่าพี่น้อง พากันอาละวาดไปทั่วเมือง แม่นางน้อยผู้นั้นคงไม่รู้ชื่อเขา เช่นนี้…”
ทันใดนั้น คุณยายท่านหนึ่งในชุดขาวกับเสื้อตัวนอกสำหรับหน้าร้อนสีฟ้าอ่อนก็เข้ามาดึงมือหลินฟู่อินเอาไว้ด้วยสีหน้าอดทนไม่ไหว แล้วพูดกับนาง “ไอ้หยา คนผู้นี้คือลูกชายคนโตของเถ้าแก่ภัตตาคารหลิวจี้นา แม่นางน้อยเ้าล่วงเกินท่านผู้นี้ก็เรียกว่าโชคร้ายแล้ว!”
หลินฟู่อินฟังคำของท่านยายผู้นี้ ดวงตานางทอประกายขึ้นมาทันที ภัตตาคารหลิวจี้หรือ?
ภัตตาคารหลิวจี้นี้เป็ภัตตาคารที่ใหญ่เป็อันดับสองของเมือง ค้าขายเป็รองเพียงภัตตาคารเยว่เค่อเท่านั้น
นางฟังจากที่ลุงหลิวคนขับเกวียนเล่า เห็นว่าภัตตาคารหลิวจี้ไม่เพียงค้าขายได้ดี ผู้คนเองก็ดีเช่นกัน เถ้าแก่มีเส้นสายกว้างขวางในเมืองแห่งนี้รวมไปถึงเมืองหลวง นับเป็งูั์ผู้มีอิทธิพลประจำถิ่นเลยก็ว่าได้
สาเหตุที่ภัตตาคารหลิวจี้ค้าขายเป็รองภัตตาคารเยว่เค่อนั้นล้วนเป็ความตั้งใจของบ้านสกุลหลิว ด้วยว่าถึงอย่างไรเ้าของภัตตาคารเยว่เค่อก็มีเื้ัยิ่งใหญ่กว่าตนเอง
ภัตตาคารหลิวจี้ค้าขายเป็รองภัตตาคารเยว่เค่อก็จริง แต่ธุรกิจกลับด้อยกว่ากันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เื่นี้นับว่าเป็ความสามารถ
ไม่เพียงแต่ทำกำไรได้ ทว่ายังไม่ล่วงเกินผู้อยู่เื้ัของภัตตาคารเยว่เค่อด้วย
“นางเด็กหน้าเหม็น เ้ากล้าหนีหรือ?” คนรุ่นสองของสกุลหลิวเลิกคิ้ว ก้าวเข้ามาขวางหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินหาได้เกรงกลัว นางยิ้มบาง มองหน้าคนรวยรุ่นสองที่ยืนขวางแล้วออกปากถาม “ท่านเป็คุณชายใหญ่ลูกชายเ้าของภัตตาคารหลิวจี้หรือเ้าคะ? พอดีเลย ข้าคิดจะไปภัตตาคารหลิวจี้พอดี เช่นนั้นขอให้คุณชายช่วยนำทางเป็ยังไง?”
ความประทับใจที่มีต่อภัตตาคารเยว่เค่อของนางนับว่าย่ำแย่ ทั้งยังทราบว่าอีกฝ่ายหาใช่เ้าถิ่นแต่อย่างไร แท้จริงนางตั้งใจจะร่วมมือในระยะยาวกับภัตตาคารหลิวจี้ต่างหาก
นั่นก็เื่หนึ่ง แต่ก่อนที่นางจะพบคนภัตตาคารเยว่เค่อก็ยังมีหวังในร้านนั้นอยู่บ้าง
คุณชายหลิวไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน วันนี้เพียงตั้งใจจะมาซื้อซาลาเปาเ้าอร่อยไปให้น้องสาวจึงไม่ได้พาคนมาด้วย ทว่ากลับโดนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผลักจนล้มซ้ำยังไม่กล่าวขออภัย เมื่อเผยตัวตนออกไปแล้วเด็กคนนี้ไม่เพียงไม่ร้องไห้ ทว่ายังสั่งให้เขานำทางไปยังภัตตาคารหลิวจี้อีก
เด็กหน้าเหม็นคนนี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
“หมายความว่ายังไง ทำเช่นนี้เ้า้าอะไรกันแน่?” คุณชายใหญ่หลิวถลึงตามองหลินฟู่อิน “เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร? ยังกล้าสั่งให้ข้านำทาง ช่างกล้านัก!”
แม้คุณชายใหญ่สกุลหลิวผู้นี้จะมีท่าทีดังนักเลงโต แต่ดวงตาของเขามีสีดำสนิทดูสดใส ธรรมชาติของคนที่มีดวงตาเช่นนี้ย่อมไม่เลวร้าย
“คุณชายใหญ่หลิว ข้ามีข้อเสนอดีๆ ให้กับภัตตาคารของท่าน” หลินฟู่อินยิ้มมองเขา ไม่เกรงกลัวท่าทีดุร้ายของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“เื่ค้าขายหรือ?” คิ้วของคุณชายหลิวขมวดเข้าชั่วครู่ น้ำเสียงลากยาวเล็กน้อยขณะมองนาง
หลินฟู่อินพยักหน้าพูดต่อเสียงเบา “ข้าเพิ่งเสร็จธุระเล็กๆ น้อยๆ จากภัตตาคารเยว่เค่อก็มาทางนี้”
เมื่อหลินฟู่อินพูดจบก็ตั้งใจมองหน้าอีกฝ่ายที่มีสีหน้าครุ่นคิด
คนที่มุงรอดูเื่ตื่นเต้น เห็นว่าวันนี้คุณชายหลิวดูไม่เหมือนเคยก็พากันกระซิบกระซาบ
ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ คุณชายผู้นั้นจะเงยหน้าหัวเราะลั่น แล้วมองหลินฟู่อิน “ไอ้หยา ไม่ควรมาทะเลาะกันจริงๆ ที่แท้ก็เป็เ้านี่เอง! ไปๆ ไปที่ภัตตาคารบ้านข้าแล้วมาคุยรายละเอียดกัน เ้ามีใครตามมาด้วยหรือไม่?”
หลินฟู่อินยิ้ม “สิ่งที่ข้าแบกอยู่คือสินค้าที่ขายให้แก่ภัตตาคารเยว่เค่อ มีทั้งหมดสามตะกร้าเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ กลับร้านหลิวจี้ด้วยกันเลย” คุณชายใหญ่หลิวท่าทีเร่งร้อน เห็นเช่นนี้แต่เขาก็คุ้นชินกับการรับมือผู้คนไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้นสายตามองคนย่อมต้องมี
แม้หลินฟู่อินจะเป็เพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แต่วิธีพูดของนางเนิบช้าดูสงบนิ่ง มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่านางไม่ใช่เด็กบ้านนอกธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้น กิจการภัตตาคาร่หลังก็เริ่มย่ำแย่ลงแล้ว
ั้แ่องค์หญิงใหญ่แห่งต้าเว่ยขึ้นสำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ าก็สงบลง ผู้คนเริ่มตั้งตัวทำงานด้วยความสงบสุข ร้านอาหารในเมืองผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
หากไม่มีสูตรอาหารก้นครัวย่อมไม่อาจรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ได้…
ในเมื่อจิ้งจอกเฒ่าภัตตาคารเยว่เค่อนั่นค้าขายกับเด็กหน้าเหม็นนี่ บิดาเขาย่อมต้องสนใจค้าขายกับนางด้วยเช่นกัน!
หลินฟู่อินพาคุณชายใหญ่หลิวไปพบพี่ๆ ทั้งสามคนที่รอนางด้วยท่าทีร้อนใจ
เมื่อคุณชายใหญ่หลิวเห็นทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน บนหลังแบกตะกร้าไม้ไผ่สานหนักอึ้งก็เชื่อมั่นในตัวหลินฟู่อินยิ่งขึ้น
หลินฟู่อินสรุปความให้พี่ทั้งสามคนฟัง จากนั้นจึงพากันเดินตามคุณชายหลิวไปยังภัตตาคาร
เมื่อคนในภัตตาคารหลิวจี้เห็นคุณชายใหญ่พาเด็กวัยกำลังโตจากบ้านนอกสี่คนเข้าร้านมาด้วยตัวเอง คราวแรกต่างก็ประหลาดใจ ต่อมาก็ยิ้มต้อนรับพวกหลินฟู่อินอย่างอบอุ่น
ครั้งนี้ผู้ดูแลร้านเองก็ยิ้มทักทายนางเช่นกัน
ภัตตาคารหลิวจี้แห่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจมากกว่าจริงๆ
“ยกน้ำชามา อย่าให้ร้อนเกิน” คุณชายใหญ่หลิวสั่งเสี่ยวเอ้อร์ ก่อนจะพูดกับหลินฟู่อิน “ข้าจะไปตามท่านพ่อ พวกเ้านั่งรอสักประเดี๋ยว”
หลินฟู่อินพยักหน้า “เชิญคุณชายหลิว ข้ารอได้เ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้