“สาวน้อยเธอช่างสวยจริงๆ มิน่าล่ะน้องชายฉันถึงสู้จะเป็จะตายเพื่อเธอ วันนี้เขาต่อยกับกู้ไค่คนนั้นอยู่ในโรงเรียน แต่ก็เสียเปรียบไปไม่น้อย และยังถูกตีหัวจนเืออก นี่ก็ล้วนเพื่อเธอ เธอไม่รู้สึกว่าตอนนี้เธอใจดำไปหน่อยหรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปลอบใจน้องชายฉันสักหน่อย”
นักเลงที่ย้อมผมสีเหลือง ในเวลานี้เดินเข้ามาแล้ว เขาพาคนมากลุ่มหนึ่งทำให้พวกนักเรียนทยอยกันหลบออกไปอย่างใกลัว
เขาพูดและเดินเข้ามาหาจู้ซินซินแล้ว ดวงตาที่ลามกคู่หนึ่งสังเกตไปที่ตัวของจู้ซินซินอย่างไม่หยุด ตอนที่พูดยังเลียริมฝีปาก ความปรารถนาอันป่าเถื่อนออกมาจากั์ตาของเขา
“พี่ชาย เป็เ้านั่น!”
เพิ่งจะพูดจบ ทางด้านหวางหยางก็พบกู้ไค่ที่เดินออกมาจากในโรงเรียนแล้ว เขาชี้ไปที่อีกฝ่าย
เ้าผมเหลืองเบ้ปาก โบกมือ นักเลงปลายแถวสิบกว่าคนเดินตามหวางหยางออกมา พวกเขาตรงเข้าใส่กู้ไค่ และยื่นมือออกไปจัดการเขา
ทางด้านพวกกู้ไค่สามคนถูกพวกเขาสิบคนไล่จัดการ ทั้งต่อยทั้งวิ่ง ในที่สุดก็ยังถูกไล่ตามทัน และกดลงกับพื้น จัดการจนหัวแตกเืนอง จนทำให้นักเรียนหญิงที่อยู่โดยรอบกรีดร้องไม่หยุด นักเรียนชายทยอยกันหลีกหนี
หวางหยางยังพูดอีกว่า “ไอ้น้อง ฉันจะบอกแกไว้ ต่อไปจู้ซินซินเป็ของฉัน หากนายยังกล้าตามตอแยเธออีก ฉันก็จะจัดการแก!”
ทางด้านกู้ไค่ถูกตีจนหัวแตกเืไหล ใบหน้าเขาไม่พอใจ และมองจู้ซินซินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ ราวกับคนรักของตัวเองถูกคนอื่นแย่งชิงไปแล้ว แต่เขากลับจนปัญญา
ส่วนหวางหยางก็กลับไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
แต่น่าเสียดาย ทั้งสองคนล้วนคิดว่าตนเองเป็ตัวเอก แต่นางเอกกลับไม่สนใจเื่นี้อย่างเห็นได้ชัด และก็ไม่ได้เหมือนในหนังที่รีบพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งยังหลั่งน้ำตาปกป้องกู้ไค่ ยิ่งไม่มีการกระทำที่กอดหวางหยางไว้ด้วยใบหน้าที่เลื่อมใส เธอแค่มองทุกสิ่งอย่างเยือกเย็นพลางขมวดคิ้วแล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า “พอแล้ว ตอนนี้พวกนายต่อยกันเสร็จแล้ว เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉันแล้วใช่ไหม รบกวนพวกนายหลีกทางหน่อย ฉันจะไป”
“ว่าอย่างไรนะน้องสาว? หมายความว่าอย่างไร? พวกพี่มาสู้กันจะเป็จะตายเพราะเื่ของเธอ เธอพูดแค่ประโยคเดียวว่าไม่เกี่ยวกับเธอ แล้วก็จะจากไปหรือ? ช่างไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว?”
แต่เ้าผมเหลืองก็ไม่ได้ให้จู้ซินซินสมปรารถนา เมื่อฟังคำพูดของจู้ซินซินแล้ว คิ้วก็กระตุก เขามองจู้ซินซินกับเซียวหลานหลานที่อยู่ตรงหน้าอย่างแปลกประหลาดพลางพูด
“อย่างนั้นนาย้าอะไร?”
จู้ซินซินก็ไม่ได้โง่ สายตาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดีนัก ตอนนี้ยิ่งพูดอย่างนี้กลับทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งพลางพูด
เธอเริ่มครุ่นคิด ควรจะเผยชื่อของหวงเทียนฉวนออกไปดีไหม ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่ายากที่จะถอยได้
แต่ไม่นานเธอก็ล้มเลิกความคิดนี้แล้ว ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหวงเทียนฉวนร้ายกาจ แต่อีกฝ่ายเหมือนจะเป็คนกูซู ในเทียนตูน่าจะไม่มีอำนาจอะไร หากพูดออกมาจะกลับตาลปัตรหรือไม่ ก็คงจะพูดไม่ได้
สำหรับเจียงไป๋ เธอก็ไม่เคยคิดที่จะพูดถึง
ถึงแม้หวงเทียนฉวนจะประจบประแจงเจียงไป๋อยู่ตลอด และยังส่งเธอให้เจียงไป๋ แต่ในจิตใต้สำนึกของจู้ซินซิน เจียงไป๋ก็เป็แค่คนหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อย ถึงจะเป็คนใหญ่คนโตคนหนึ่งก็ตาม แต่ก็น่าจะมีเงินมาก หรือว่ามีอำนาจเป็อย่างมาก เป็ไปได้อย่างไรที่จะมาลงมือต่อยกับคนอื่น?
สำหรับนักเลงตามท้องถนนพวกนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ลึกๆ แล้วจู้ซินซินไม่อยากให้เจียงไป๋รู้เื่นี้ กลัวว่าเจียงไป๋จะมีความคิดอะไรต่อเธอเพราะเื่นี้
“ไม่้าอะไร เฮ้ยๆ ก็แค่อยากให้เธอและเพื่อนของเธอไปทานข้าว ร้องเพลง เที่ยวเล่นเป็เพื่อนพวกเราสักหน่อยเท่านั้น” เ้าผมเหลืองหัวเราะ พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่ชาย ผมจริงใจกับจู้ซินซิน เธอไม่เต็มใจพี่ก็ปล่อยเธอไปเถอะ อย่างไรวันนี้พวกเราก็มาหาเ้ากู้ไค่กัน!” หวางหยางเห็นว่าจู้ซินซินปฏิเสธ เขาเลยรีบเดินเข้ามาพูดกับเ้าผมเหลือง
“หวางหยาง พี่ช่วยนายออกหน้า นายก็อย่าเก็บไว้กินคนเดียวสิ สาวน้อยคนนี้ก็แบ่งๆ กันสักหน่อยดีไหม?”
เ้าผมเหลืองยื่นมือออกไปดึงหวางหยางเข้ามาแล้วใช้แขนรัดคออีกฝ่ายไว้พลางพูดอย่างยิ้มแย้ม ตอนที่พูดก็เลียริมฝีปาก และมองจู้ซินซินั้แ่หัวจดเท้า ั์ตาแทบจะบ้าคลั่ง
“จะทำอย่างนี้ได้อย่างไร!” หวางหยางพูดคัดค้าน
“ทำไมจะไม่ได้?” เ้าผมเหลืองพูดอย่างรุนแรง และจ้องหวางหยางอย่างเยือกเย็น แขนที่รัดคอเขาไว้นั้นออกแรงเล็กน้อย สีหน้าหวางหยางก็เขียวขึ้นมาทันที
“แน่นอนว่าไม่ได้!”
ในเวลานี้ เสียงที่อบอุ่นก็ดังขึ้น
วินาทีต่อมา จู้ซินซินรู้สึกว่าแขนที่อบอุ่นแขนหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังคว้าตัวเธอไปโอบไว้จนทำให้เธอใสะดุ้ง เธอเพิ่งจะหันตัวไปต่อต้าน แต่กลับเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นเข้าทันที
หากไม่ใช่เจียงไป๋จะเป็ใครไปได้?
“พี่ชาย พี่มาได้อย่างไร?”
ใบหน้าของจู้ซินซินมีอาการดีใจ เธอพูดอย่างตื่นเต้น ต่อมาสีหน้าก็ซีดเป็ไก่ต้ม
เธอดีใจที่วันนี้ได้ส่งข้อความให้เจียงไป๋บอกว่าสอบเสร็จแล้ว เจียงไป๋ก็รีบมาทันที
พิสูจน์ว่าภายในใจของเจียงไป๋เธอยังมีที่ยืนอยู่ ไม่ว่าจะเป็เพราะความรู้สึกสดใหม่หรือว่าสาเหตุอะไร ก็ล้วนทำให้เธอดีใจมาก
แต่ต่อมา เธอก็นึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้ชายสองคนต่อยตีกันเพื่อเธอ และยังเรียกนักเลงตามท้องถนนมาอีก เขาจะคิดว่าเธอเป็ผู้หญิงที่นอกลู่นอกทางหรือไม่?
แค่ฉับพลันคิดไม่ถึงว่าจู้ซินซินจะไม่เป็เดือดเป็ร้อน และยอมให้เจียงไป๋โอบเธอไว้แน่น เธอไม่สนใจว่าจะเป็หน้าประตูโรงเรียนหรือไม่ จนทำให้คนที่อยู่รอบๆ ทยอยกันมามองดู
เซียวหลานหลานก็ตะลึงงัน และมองจู้ซินซินที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งโอบไว้ในอ้อมอกอย่างนี้ และยังไม่ต่อต้าน
ไม่ใช่แค่เธอ ในโรงเรียนจู้ซินซินเป็คนที่มีชื่อเสียงแน่นอน คนมากมายต่างก็รู้จักเธอ เป็ธรรมดาเื่ที่ดาวโรงเรียนถูกคนโอบไว้ในอ้อมอกจะได้รับความสนใจเป็พิเศษ คนที่เดิมทีชอบดูเื่สนุกที่อยู่ไกลๆ ก็ตะลึงงันเหมือนกับเซียวหลานหลาน
“ไอ้น้อง แกเป็ใคร? กล้ายุ่งเื่ชาวบ้านหรือ?”
เมื่อเห็นเด็กสาวสวยที่เมื่อครู่ตนเองยังมีความคิดชอบพออยู่ถูกคนอื่นโอบไว้ในอ้อมอกด้วยท่าทางสนิทสนม เ้าผมเหลืองก็โมโหเป็ฟืนเป็ไฟ พลางพูดอย่างไม่เป็มิตร
“แกเป็ใคร ปล่อยจู้ซินซินเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของหวางหยางที่อยู่ข้างๆ ก็แปรเปลี่ยนพลางพูดด้วยความโกรธอย่างสุดขีด
เมื่อเห็นเทพธิดาที่ตนเองรำพึงรำพันหาแทบทุกวันถูกผู้ชายคนอื่นโอบไว้ในอ้อมอก แค่ฉับพลันหวางหยางก็ลืมเื่มองหน้ากันไม่สนิทกับเ้าผมเหลืองในก่อนหน้านี้ไปแล้ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงโมโห และ้าให้เจียงไป๋ปล่อยจู้ซินซิน
น่าเสียดายที่คำพูดของเขา เจียงไป๋เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ พลางพูดกับจู้ซินซินอย่างยิ้มแย้มว่า “ตอนเช้าเธอไม่ใช่ว่าส่งข้อความมาว่าสอบเสร็จแล้วหรือ ฉันก็พักผ่อนอยู่พอดี ดังนั้นฉันจึงมาดูเธอสักหน่อย ไปทานข้าวด้วยกันไหม? อีกสองวันเธอปิดเทอม ฉันจะพาเธอไปเที่ยวดีไหม?”
“ค่ะ”
พูดตรงๆ เจียงไป๋พูดคำพูดที่คลุมเครืออย่างนี้ แถมยังโอบเธอต่อหน้าคนมากมาย ทำให้จู้ซินซินที่ได้สติมีอาการเขินอายอยู่บ้าง
แต่เธอก็ไม่ได้ดิ้นรนหรือปฏิเสธ และยอมให้เจียงไป๋โอบอย่างเชื่อฟัง เธอก้มหน้า และบิดชายกระโปรงสีฟ้าตัวนั้นของเธอไปมา ทำท่าทางราวกับสาวน้อยไร้เดียงสา และไม่สนใจผู้คนที่แทบจะเป็ลมล้มลงข้างๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้