เสียงลมพัดดังขึ้นมาหนึ่งเสียง องครักษ์เงารุดจากไปอย่างรวดเร็ว
ฮวาเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ยามที่นางขโมยดอกบัวพันปีของเจียงจื่อเฮ่า นางมิได้เผยพิรุธใดๆ ดังนั้นแม้ว่าอีกสักประเดี๋ยวเจียงจื่อเฮ่าจะตามมา นางเพียงแต่ต้องปฏิเสธอย่างเอาเป็เอาตายก็พอแล้ว
ใช่แล้ว ให้เป็เช่นนั้น
ตราบใดที่นางไม่ยอมรับก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเื่นี้อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของตี้หลิงหานกล่าวขึ้นอีกครั้ง “มู่อันเหยียน เ้าสามารถปฏิเสธได้ แต่จงอย่าได้แสดงพิรุธใด เปิ่นกงจะสืบถามจากบุตรชายของเ้าด้วยตนเองก่อน แต่หากเปิ่นกงรู้ว่า เ้าบังอาจหลอกลวงเปิ่นกง เปิ่นกงจะทำให้เ้าได้รู้ซึ้งถึงชะตากรรมของผู้ที่บังอาจหลอกลวง”
น้ำเสียงของตี้หลิงหานนั้นนิ่งเรียบยิ่งนัก แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นะเื เมื่อบวกรวมกับกลิ่นเืรุนแรงที่ลอยอยู่ในอากาศ และชายที่ถูกถลกหนังก็ยังถูกแขวนอยู่ตรงนั้น นางลืมไปได้อย่างไรว่าตี้หลิงหานที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้เป็บุรุษที่หัวใจที่วิปริตผิดเพี้ยน
หยวนเป่าอยู่ในมือของพวกเขา ตอนที่แบ่งดอกบัวพันปีให้หยวนเป่ากิน นางเป็คนบอกกับหยวนเป่าเองว่าเจียงจื่อเฮ่ามอบดอกบัวพันปีให้ เพียงแค่ตี้หลิงหานเริ่มซักถามเื่ราวกับหยวนเป่า ความจริงก็จะถูกเปิดเผยทันที
สีหน้าของฮวาเหยียนมืดครึ้มลงทันที การแสดงออกของตี้หลิงหานเผยให้เห็นว่าเขามั่นใจยิ่งนัก ว่าดอกบัวพันปีถูกนางขโมยไป
ดังนั้น นางไม่สามารถนั่งรอต่อไปได้แล้วและต้องคิดหาวิธีหยุดยั้งตี้หลิงหาน เพื่อที่นางจะไม่ถูกลากเข้าสู่จุดจบแห่งความพ่ายแพ้
แต่จะทำอย่างไร?
นางเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นที่หนึ่งแต่เขาเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับจอมยุทธ์ขั้นเซียน ไม่ต้องพูดถึงกำลังในการต่อสู้ นางไม่มีความหวังที่จะชนะได้เลย
แล้วรูปลักษณ์ความงามล่ะ? แม้ว่านางเองจะงดงามยิ่งนัก แต่ตี้หลิงหานคนนี้ก็เป็บุรุษที่หล่อเหลาจนน่าทึ่งเช่นกัน เขาหล่อเหลาจริงๆ เขาแค่มองตัวเองในกระจกก็ถูกดึงดูดพอแล้ว ดังนั้นใช้เล่ห์ความงามย่อมไม่เกิดผล!
เทียนสีแดงค่อยๆ มอดไหม้ไปทีละนิด ฝ่ามือของฮวาเหยียนมีเหงื่อผุดซึม ทันใดนั้นพลันเกิดแสงแวบเข้ามาในหัวของนาง...
“องค์รัชทายาทเพคะ”
“ทำไม เ้าจะยอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ? ”
ตี้หลิงหานถาม
ฮวาเหยียนส่ายหัว "เื่ที่ไม่ได้ทำ จะให้ยอมรับอะไรเล่าเพคะ? "
ตี้หลิงหานเม้มริมฝีปากบาง เขารู้สึกว่าฮวาเหยียนที่อยู่ตรงหน้าเป็ปากเป็ดที่ตายแล้วจริงๆ [1]
“หม่อมฉันแค่มีเื่ที่้าจะบอกพระองค์...”
"พูด"
ตี้หลิงหานกล่าวคำที่แสนจะเ็าออกมาเพียงคำเดียว
"คือว่า ที่นี่มืดยิ่งนัก อากาศก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไร พวกเราออกไปรอข้างนอกกันดีหรือไม่เพคะ? "
น้ำเสียงของฮวาเหยียนนั้นสมานฉันท์ยิ่งนัก นางพูดอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน ความหยิ่งผยองที่เคยกางเล็บ แยกเขี้ยว [2] ใส่ก่อนหน้านี้ล้วนถูกเก็บไว้อย่างหมดจด
"ไม่ได้"
น้ำเสียงเ็าเอ่ยออกมาสองคำ และปฏิเสธออกมาโดยตรง
ฮวาเหยียนก่นด่าคนผู้นี้ในใจ ทว่าครู่ต่อมานางกลับเบิกตากว้าง พลางชี้มือไปทางชายเืท่วมตัวที่แขวนอยู่ข้างหลังตี้หลิงหาน นางกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวทันที "กรี๊ด..."
แน่นอนว่าตี้หลิงหานต้องหันศีรษะกลับไปมอง ทำให้เกิดเป็ช่องโหว่ ดวงตาของฮวาเหยียนเฉียบคมและมองเห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน นางพลันใช้มีดในมือโจมตีโดยตรงไปที่ตี้หลิงหานทันที
แต่ดูเหมือนว่าตี้หลิงหานจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฮวาเหยียนมานานแล้ว เขาหันศีรษะกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นมือออกไปและคว้าข้อมือของฮวาเหยียนเอาไว้
การลอบโจมตีถูกจับได้ทันที ฮวาเหยียนเบิกตากว้าง มองไปยังดวงตาสีเข้มที่สั่นไหวของตี้หลิงหาน
ฮวาเหยียนสูดลมหายใจเต็มปอด นางไม่ต้องคิดอะไรต่อ นางพุ่งเข้าหาตี้หลิงหานและใช้แรงที่มีกดเขาลงไปที่พื้นด้วยความงรุนแรง...
ไม่ว่าอย่างไรตี้หลิงหานก็คาดไม่ถึงว่าฮวาเหยียนจะกล้าทำเช่นนี้ ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ใบหน้าที่หล่อเหลาเ็าราวกับน้ำแข็งนั้นพลันแสดงความรังเกียจออกมาให้เห็น
"ไสหัวออกไป"
เสียงที่คำรามแผดออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ หลังคาคุกมืดสั่นะเืรุนแรงทันที
หลังจากนั้นลมปราณในร่างกายของตี้หลิงหานก็หลั่งไหลออกมาทันควัน พลังรุนแรงะเิโต๊ะและเก้าอี้โดยรอบ ผนังพลันลอกออกและมีเสียงะเิดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฮวาเหยียนใ นางเป็ผู้เคราะห์ร้ายที่โดนแรงปะทะเข้าโดยตรง ตอนนี้นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในของนางกำลังถูกบีบอัด ร่างกายของนางถูกแรงกระแทกจนแทบจะปลิวกระเด็น ทว่านางกลับกอดตี้หลิงหานเอาไว้แน่นโดยไม่ยอมวางมือ
"ไม่เจียมตัว"
ตี้หลิงหานโกรธยิ่งนัก
มือคู่นั้นกำลังจะยกขึ้นแต่ตาของฮวาเหยียนนั้นไวกว่า นางคว้าแขนของเขาเข้าเอาไว้ พุ่งเข้าไปข้างหน้าและกดเขาลงกับพื้นทันที การเคลื่อนไหวนั้นรุนแรงยิ่งนัก แรงที่พุ่งเข้าไปข้างหน้าและกดตี้หลิงหานไว้ใต้ตัวนางนั้นพาให้ใบหน้าทั้งสองชนกัน ริมฝีปากสีแดงของนางประกบเข้ากับริมฝีปากของตี้หลิงหานทันที
ฮวาเหยียนตื่นตะลึง นี่เป็อุบัติเหตุ! จูบแรกของนาง ฮือฮือฮือ...
ทว่าการตอบสนองของแม่นางฮวาเหยียนผู้นี้รวดเร็วยิ่งนัก พอลิ้นเล็กเริ่มขยับ ในวินาทีนั้นนางสอดลิ้นตัวเองเข้าไปในปากของตี้หลิงหาน อาจจะเพราะว่าเขาได้รับความตื่นตระหนกใจนมากเกินไป จึงไม่ได้กัดลิ้นของนาง หลังจากนั้น...
ฮวาเหยียนส่งน้ำหวานจากปากของนางเข้าไป...
ใช่แล้ว ในยามนั้นตี้หลิงหานตกตะลึงโดยสมบูรณ์
เขารู้สึกได้เพียงร่างเล็กบอบบางร่างหนึ่งหล่นกระแทกเข้ามาในอ้อมกอดของเขา ตามด้วยริมฝีปากนุ่มๆ ที่แนบชิดติดเข้ากับริมฝีปากของเขา จากนั้นลิ้นเรียวก็สอดแทรกเข้ามา สิ่งที่เย็นเฉียบกว่านั้นถูกส่งเข้ามา ก่อนจะละลายอยู่ในปากของเขา!
ทั้งร่างพลันแข็งทื่อ!
หัวสมองว่างเปล่า
เกิดอะไรขึ้น?
แสงเทียนฉายวาบ ทำให้เห็นใบหน้าที่เ็าของตี้หลิงหานที่ในยามนี้ถูกย้อมจนกลายเป็สีแดง เป็ความเขินอายหรือขุ่นเคืองกัน? แต่ที่สำคัญคือเขาลืมที่จะต่อต้านนาง
องค์รัชทายาทผู้สูงส่งสง่างาม ถูกล่วงเกิน? ถูกบีบบังคับจุมพิต?
หน้าอกของตี้หลิงหานสั่นกระเพื่อม เขาได้ยินเสียงของสตรีที่ดังอยู่ข้างหูของเขา
“อย่าขยับเชียว สิ่งที่หม่อมฉันส่งเข้าไปคือยาพิษลำไส้ มีเพียงหม่อมฉันคนเดียวเท่านั้นที่มียาแก้พิษ ถ้าพระองค์อยากตายก็ลงมือจัดการหม่อมฉันได้เลยเพคะ”
ฮวาเหยียนนอนอยู่บนร่างของตี้หลิงหาน ริมฝีปากสีแดงก่ำของนางขยับไปมา
นางภาคภูมิใจในตนเองเป็อย่างยิ่ง คำเรียกที่ว่าสตรีผู้มีพร์นั้นถูกเรียกอย่างเสียเปล่าหรือ? แม้ว่านางจะเสียจูบแรกไปแต่ตี้หลิงหานก็รับน้ำลายของนางเข้าไปเช่นกัน นางจะไม่ยอมถูกเอาเปรียบ อีกทั้งยังสามารถใช้เื่นี้เพื่อข่มขู่ตี้หลิงหานได้ ตราบใดที่เขายังไม่อยากตาย ชีวิตของนางก็จะไม่เป็อันใดเช่นกัน
ในที่สุดตี้หลิงหานหายจากอาการใแล้ว ดวงตาที่เ็าของเขาเต็มไปด้วยสีของโลหิต
คุกมืดที่ไร้แสงมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่สั่นไหวไปมา
สตรีที่นอนอยู่บนร่างของเขานั้นงดงามมีเสน่ห์ยั่วยวนชวนเคลิบเคลิ้ม ดวงตาของนางราวกับสุนัขจิ้งจอก เปล่งประกายด้วยเฉลียวฉลาดแต่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา นางไม่กลัวเลยแม้แต่นิด อีกทั้งนางยังแสดงความมั่นใจออกมาเต็มเปี่ยม
นั่นเป็เพราะนางสามารถป้อนยาพิษให้เขาได้สำเร็จ ยาพิษที่เป็ของเหลวเย็น ไร้สี ไร้กลิ่น!
ชายผู้สง่างามสูงส่งแห่งต้าโจวถูกสตรีผู้ใช้อุบายกับเขาทันทีที่เขาหันกลับมา วันนี้ในคุกมืดแห่งนี้ ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายด้วยจุมพิตเมื่อครู่
ใบหน้าของตี้หลิงหานนั้นดูไม่ได้เลยสักนิด ยามนี้มันเยือกเย็นกว่าน้ำแข็งในฤดูหนาว ดวงตาคู่นั้นดุร้ายราวกับหมาป่า เต็มไปด้วยความลึกลับพิศวง ทันใดนั้นเขาพลันเงยหน้าขึ้น กัดเข้าที่คอของฮวาเหยียนครั้งหนึ่ง
“โอ้ย... เจ็บ เจ็บนะ ปล่อยนะ ตี้หลิงหาน ไอ้สารเลว พระองค์เป็หมาหรือ ปล่อยสิ...! ”
ฮวาเหยียนไม่ทันได้ป้องกันตัวจากการโจมตีในครั้งนี้ของตี้หลิงหาน ผู้ที่ถูกกัดร้องเสียงดัง นางรู้สึกเพียงหลอดเืแดงใหญ่กำลังจะถูกกัดขาด ไม่อาจทนเรียกฝ่าาได้อีกแล้ว นางโพล่งชื่อออกไปตรงๆ ทันที
การลงมือของตี้หลิงหานโเี้ยิ่งนัก ฮวาเหยียนทุบตีเขา หยิกเขา ทว่าชายผู้นี้กลับไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าเขากำลังดูดกลืนเืของนางอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคอของนางชาไปครึ่งซีก ตี้หลิงหานที่อยู่ข้างใต้ถึงยอมปล่อยนางออกมา เขาถอนหายใจและจ้องมองมาที่ฮวาเหยียนอย่างเ็า
“เ้า เ้ากล้ากัดข้า...”
ฮวาเหยียนจ้องมองด้วยความโกรธเคือง ตอนนี้นางมีอาการปวดที่ข้อมือและคอซ้ายเป็อย่างยิ่ง แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ นางเห็นตี้หลิงหานดึงแขนที่ถูกนางบีบออกมาอย่างรวดเร็ว เขาคว้าจับเข้าที่หลังคอของนางและออกแรงโยนร่างของนางพุ่งขึ้นไปในอากาศทันที
ย้ำอีกครั้ง มันคือการโยนออกไป
ฮวาเหยียน รู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังโบยบิน...
เชิงอรรถ
[1] ปากเป็ดที่ตาย อุปมาหมายถึงคนปากแข็งที่ไม่ยอมรับในความผิดของตนเอง อีกทั้งเป็ดที่ตายแล้วแม้ว่าจะเอาไปต้ม ผัด แกง ทอดก็ไม่อาจเปลี่ยนรูปร่างได้ เป็คนปากแข็งจนถึงที่สุด
[2] กางเล็บ แยกเขี้ยว การบรรยายถึงสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว อ้าปาก โบกกรงเล็บของมัน นอกจากนี้ยังเป็คำอุปมาสำหรับความบ้าคลั่งและความชั่วร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้