เล่มที่ 1 บทที่ 2 กระบี่ระลึกตน
“ยังจะมาโกหกอีก”
“ในฐานะที่เป็ศิษย์ของหุบเขาเทียนสิง คงจะรู้ว่าการทำอะไรก็ต้องมีหลักฐาน ท่านหาว่าข้าแอบฝึกกระบี่พิฆาตเซียนมารอย่างนั้นหรือ พอดีเลย ไหนท่านลองบอกมาสิ ว่าเห็นกับตาจริงหรือไม่”
“ก็ตอนที่เข้ามา ข้าเห็นเ้าถือคัมภีร์กระบี่พิฆาตเซียนมารอยู่ชัดๆ”
“อ๋อ” หลินเฟยเข้าใจทันที
“ที่แท้แค่ถือคัมภีร์ไว้ในมือก็ถือว่าแอบดูเสียแล้ว เพราะฉะนั้นเดือนที่แล้วตอนข้าไปเมืองเย่โจว การถือป้ายคำสั่ง ก็แปลว่ามีใจคิดละโมบในตำแหน่งผู้าุโของหุบเขาอวี้เหิงอย่างนั้นหรือ”
“แก้ตัว แก้ตัวชัดๆ”
“ความจริงก็คือ เดือนที่แล้วข้าทำภารกิจสำนักลุล่วงไปเจ็ดอย่าง ทำให้มีสิทธิ์เข้าหอดาบมาเลือกคัมภีร์สักเล่ม นอกจากสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชาแล้ว ข้าจะเลือกเล่มไหนก็ได้ ดังนั้นข้าไม่ได้แอบเข้ามาโดยพลการ จุดนี้คาดว่าศิษย์พี่คงจะเข้าใจผิด ส่วนเื่แอบฝึกเคล็ดวิชาอะไรนั่น ข้าแค่บังเอิญทำคัมภีร์ร่วง จึงเก็บขึ้นมาเท่านั้น หรือว่าปกติเวลาศิษย์พี่เดิน ไม่เคยพลาดชนอะไรเลย”
“เ้า...” ซ่งเทียนสิงพูดไม่ออก
“อีกอย่าง การจะเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมารก็ไม่ใช่เื่ยาก”
“ว่าอย่างไรนะ” ซ่งเทียนสิงรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ทำไม หรือว่าศิษย์พี่ไม่เชื่อ”
“ก็ต้องไม่เชื่อใยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นจะลองดูหน่อยไหม”
“อ๊า” ซ่งเทียนสิงชะงัก ‘ลองดูนี่มันหมายความว่าอย่างไร’
“ศิษย์พี่หาว่าข้าแอบฝึกวิชา ก็เพื่อหาจุดอ่อนของวิชากระบี่พิฆาตเซียนมาร เช่นนั้นแล้ว หากข้าใช้เพียงวิชากระบี่ระลึกตนเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมาร ก็ถือว่าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้แล้วสินะ”
“กระบี่ระลึกตน?”
นั่นมันวิชาพื้นฐานของพวกเพิ่งเข้าสำนักไม่ใช่หรือ? จู่ๆซ่งเทียนสิงก็คิดว่าตัวเองหูฟาด แต่พอลองคิดอีกที ก็พบว่าไม่ผิด ฉับพลันในหัวก็มีคำคำหนึ่งผุดขึ้นมา ‘บ้าเอ๊ย เ้านี่กำลังล้อข้าเล่นหรืออย่างไร’
ซ่งเทียนสิงไม่ได้ตื่นตระหนกไปเอง เพราะไม่ว่าใครก็ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่จะคิดเหมือนกันทั้งนั้น
กระบี่ระลึกตนเอาชนะสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชา ช่างน่าขำสิ้นดี หากมีคนทำได้จริงๆ แล้วศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนจะพยายามแย่งชิงเข้าเป็ศิษย์สำนักในเพื่ออะไร แค่ไปซื้อคัมภีร์กระบี่ระลึกตนที่ตลาดมาก็ไร้เทียมทานแล้ว!
“เ้า...เ้าไม่ได้เพี้ยนใช่ไหม” ไม่ทันขาดคำ แม้แต่ซ่งเทียนสิงยังรู้สึกน้ำเสียงที่เขาพูดมานั้น ดูไม่น่าเกรงขามเท่าไรนัก รู้สึกประหลาดเหลือเกิน วันนี้หลินเฟยมีท่าทีราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน ทั้งเข้าไม่ถึงแล้วก็ดูไม่ออก
“หากไม่ลอง ข้าไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน!” ซ่งเทียนสิงไม่ยอม โอกาสทองลอยมาทั้งที หากไม่ทำให้เ้านี้ไปต้องโทษกักบริเวณแล้วล่ะก็ ที่ทำมาคงเสียแรงเปล่า
ต่อให้จะเพี้ยนก็ตาม ไม่มีทางที่กระบี่ระลึกตนจะเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมารได้หรอก ขอแค่ทำเหมือนครั้งก่อน ก็สามารถจบทุกอย่างในกระบวนท่าเดียว ต่อให้มีแผนชั่วอะไรก็หยิบมาใช้ไม่ทัน แต่เมื่อคิดอีกที ซ่งเทียนสิงกลับไม่วางใจ จึงได้เอ่ยขึ้น
“อย่าหาว่าข้ารังแกเ้าแล้วกัน”
“ไม่หรอกๆ” หลินเฟยรอไม่ไหวแล้ว ชักกระบี่ออกมา หันปลายกระบี่ลงพื้น ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ซ่งเทียนสิงเพื่อเป็การส่งสัญญาณ
“เข้ามา”
“โอหัง!” การหันปลายกระบี่ลงพื้น ถือเป็ท่วงท่าของผู้าุโชี้แนะผู้อ่อนวัย ดูท่าเ้านี่คงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาจริงๆ
ในหอดาบค่อนข้างมืด ไม่ทันใดก็มีแสงสว่างของกระบี่วาบขึ้น และนี่ก็คือกระบวนท่าพิฆาตยมบาล
ครั้งก่อน ตอนซ่งเทียนสิงสำเร็จวิชากระบี่พิฆาตเซียนมาร กระบวนท่าที่เอาชนะหลินเฟยก็คือกระบวนท่านี้ เขาใช้มันอีกครั้ง ทว่าพลังทำลายล้างของมันดูเหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน แสงของกระบี่แฝงไปด้วยสีเื ซึ่งสิ่งนี้ก็คือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผู้ฝึกได้เข้าถึงแก่นวิชากระบี่พิฆาตเซียนมารโดยแท้จริง…
ในความเป็จริง ซ่งเทียนสิงเองก็รู้สึกพอใจกระบวนท่าที่ฟันออกไป เพราะในสิบสามกระบวนท่านั้น เขาใช้ได้คล่องเพียงแค่สามกระบวนท่าเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือท่าพิฆาตยมบาล ต่อให้อยู่ในสภาพเยี่ยมยอดที่สุด ในการสะบั้นกระบี่ออกไปสิบครั้ง จะมีเพียงสามครั้งที่มีแสงสีแดงเช่นนี้แฝงอยู่
หลังจากกระบวนท่าพิฆาตยมบาลถูกส่งออกไป ซ่งเทียนสิงมั่นใจว่าตนเองต้องชนะแน่
หลินเฟยไม่แม้แต่โคจรพลังปราณ เขาทำแค่เพียงวาดกระบี่ออกไป
กระบวนท่านี้ในสายตาของซ่งเทียนสิง มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย กระบี่พิฆาตยมบาลของเขา แม้แต่ศิษย์พี่ขั้นย่างหยวนยังไม่กล้าต้านรับตรงๆ แต่เ้านี่กลับกล้าดีนัก คงไม่รู้คำว่าตายเขียนอย่างไรกระมัง
ในตอนนั้นเอง ซ่งเทียนสิงเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา
‘หรือควรหยุดเท่านี้ดี ที่นี่คือหอดาบ ถึงแม้จะมีหน้าที่เฝ้าเวร แต่หากมีคนตายขึ้นมาคงจะไม่ดี ’
หลังจากพินิจชั่วครู่ ซ่งเทียนสิงก็ตัดสินใจไม่หยุด พลางคิดว่าจะหยุดทำไม เ้านี่มันน่ารังเกียจ ถือโอกาสนี้สั่งสอนเสียหน่อย วันหน้าจะได้ไม่กล้าเหิมเกริม เอาแบบนี้ ข้าจะไม่ส่งพลังปราณเข้าไปแล้วกัน จะได้ไม่ถึงตาย ส่วนเื่าเ็น่ะ คนในสำนักงานประลองกัน พลาดพลั้งไปบ้าง จะโทษข้าได้อย่างไร
‘ช้าก่อน นั่นอะไรน่ะ!’
ตอนที่ซ่งเทียนสิงกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็พบว่าแสงกระบี่ของตัวเองเริ่มแปรปรวน ขณะอยู่กลางอากาศนั้น รู้ตนเองรู้สึกตาลายไปหมด
‘เกิดอะไรขึ้น?’
นาทีต่อมา ซ่งเทียนสิงถึงได้ปรับสายตาได้ ลำแสงกระบี่จากที่ใดไม่รู้ สอดแทรกเข้ามาในลำแสงกระบี่พิฆาตยมบาล แสงกระบี่นั้นทั้งคดงอและเชื่องช้า แต่กลับค่อยๆผสานเข้าไปรวมกับลำแสงของกระบี่พิฆาตยมบาล เพียงสะกิดเบาๆ ลำแสงกระบี่พิฆาตยมบาลก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ
“บ้าน่า!” ซ่งเทียนสิงรู้สึกถึงลางไม่ดี แต่จะเปลี่ยนกระบวนท่าอื่นก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ยืนมองลำแสงประหลาดนั้นทำลายลำแสงกระบี่พิฆาตยมบาล ทันใดนั้นมือก็เกิดกระตุก ทำให้กระบี่ร่วงหลุดออกไป
'เคร้ง!' เสียงกระบี่ร่วงลงกับพื้น
ครานั้นภายในหอดาบก็เงียบสงบลง
“นั่น...นั่นไม่ใช่กระบี่ระลึกตน!” ผ่านไปหนึ่งเค่อ*เต็มๆ ซ่งเทียนสิงค่อยเอ่ยออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ
(*หนึ่งเค่อ หมายถึง 15 นาที)
“ธรรมะยืนยง นี่คือหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของกระบี่ระลึกตน หากศิษย์พี่ไม่รู้ ก็มาศึกษาที่หอดาบ วิชานี้ไม่อยู่ในสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชา ไม่ถือว่าแอบฝึกหรอก”
เมื่อสิ้นเสียง หลินเฟยก็เก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะหันหลังเดินออกจากชั้นสามของหอดาบไป
“เป็ไปได้อย่างไร กระบี่ระลึกตนน่ะหรือ ไปหลอกผีเสียเถอะ ธรรมะยืนยงอย่างนั้นหรือ รอข้าหาคำตอบให้ได้ก่อนเถอะ ข้าจะเปิดโปงคำโกหกของเ้าเอง” ในหอดาบที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงซ่งเทียนสิง กำลังขบเขี้ยวลุกขึ้นจากกองคัมภีร์
หลังจากที่ออกจากหอดาบ หลินเฟยก็ลืมเื่ที่เกิดขึ้นทันที สำหรับเขาแล้ว การใช้กระบี่ระลึกตนเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมารถือว่าเป็เื่เล็ก
ในอดีต ตอนที่อาศัยอยู่ที่หอดาบ ได้พบเจอศิษย์พี่ที่มีพร์เป็อย่างมาก พวกเขาสามารถใช้วิชากระบี่ระลึกตนทำเื่สะท้านฟ้าดินมากมาย การเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมารไม่ใช่เื่ยาก พวกนั้นเหมือนคนวิปลาส ถึงขนาดคิดใช้กระบี่ระลึกตนเอาชนะทัณฑ์์ ทว่าสุดท้าย พวกเขาก็สูญสลายไปพร้อมเหวทมิฬ…
---------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้