หลินฟู่อินเม้มปากเล็กน้อย เพชรในตมเช่นนี้ การนำไปฝึกฝนให้ดีถึงจะดีที่สุด แม้สุดท้ายจะไม่ได้ออกมาเป็คนโดดเด่น แต่ก็คงไม่มีชีวิตที่แย่แน่
“ถ้าเช่นนั้น…” หลินฟู่อินคิดครู่หนึ่ง “ความฝันอยากเรียนของท่านไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ แต่เงินที่ต้องใช้ในการไปเรียนท่านคงต้องเป็คนหามาเอง เพราะต่อให้บ้านท่านมีใจอยากส่ง ก็คงไม่มีปัญญาส่งเสียท่านอีกคนได้แน่”
หลินซานหลางตะลึงไป แล้วมองหลินฟู่อินอย่างเหม่อลอย
“ท่านจะว่ายังไง?” หลินฟู่อินถามย้ำ
หลินซานหลางยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองอย่างเอียงอาย เขาติดอยู่กับปัญหานี้มาหลายปี แต่นาง… กลับแก้ไขได้ในพริบตาเดียวเลยหรือ…?
เมื่อเห็นท่าทีตอบรับเช่นนี้ หลินฟู่อินจึงถอนหายใจออกมา นางรู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่มีใครสั่งสอนมา การตอบสนองช้าเช่นนี้คงเป็เื่ปกติ
เทียบไม่ได้กับอาเฟินและอาฟางของบ้านสองเลย
คู่สามีภรรยาจ้าวซื่อและหลินต้าซานนี่เป็คนบาปจริงๆ คู่สามีภรรยาปู่ย่าหลินเองก็เหมือนกัน
“แล้ว… ต้องทำยังไงต่อ?” ในสมองของหลินซานหลางปั่นป่วน เขาไม่ได้ใช้สมองคิดอะไรอื่นมากว่าสิบปีแล้ว ในตอนนี้เขารู้แค่เพียงว่าอยากออกไปเรียนเพื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเอง แต่เื่วิธีที่จะพาไปให้ถึงจุดนั้นนั้น เขายังไม่รู้
แม้แต่วันนี้ เขาก็ยังเพียงนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ จนโดนแม่ทุบตีจนตื่น แล้วบิดหูลากมายังบ้านของหลินฟู่อินพร้ะกร้าไม้ไผ่ในมือ
หลินฟู่อินคงช่วยเขาได้แน่…
เมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยของเขาแล้ว หลินฟู่อินจึงจดจำลงในใจอีกครั้งว่าบ้านหลินทำบาปแบบไหนลงไป
“หลังๆ มานี้ได้เจออาเฟินและอาฟางบ้างหรือไม่?” หลินฟู่อินถามเขา
หลินซานหลางพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าให้พวกนางไปขุดหาผักป่ามาให้ข้า…” เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของฟู่อินแล้ว เขาจึงหยุดคิด ก่อนกล่าว “ก็เห็นพวกนางทำเช่นนั้นอยู่บ้าง พวกนางตั้งใจทำด้วยความละเอียดยิ่งนัก แต่พวกชาวบ้านกลับหัวเราะเยาะใส่พวกนาง…”
ละเอียดเป็ภาษาพูดของแถวนี้ แปลว่าจริงจัง ซึ่งหลินฟู่อินรู้อยู่แล้ว
นางพยักหน้ารับ หลินซานหลางผู้นี้ใส่ใจรายละเอียดดี
แล้วนางจึงกล่าวต่อ “ข้าบอกให้พวกนางไปทำเอง แลกกับค่าจ้าง ตอนนี้พวกนางกำลังจะสร้างบ้านใหม่”
“กำลังจะสร้างบ้าน… สร้างบ้านหรือ?” หลินซานหลางมองหลินฟู่อิน แล้วเผยยิ้มออกมาทันที “เป็ไปไม่ได้ บ้านพวกเขายากจนนัก ทั้งลุงรองยังกลัวย่ายิ่งกว่าอะไร ไม่มีทางมีเงินเหลือในมือแน่ และต่อให้มีก็จะถูกย่าชิงไป เงินขนาดที่จะสร้างบ้านได้น่ะ ไม่มีทางหรอก”
ใช่ นี่เป็เื่ที่รู้กันดีอยู่แล้ว
หลินฟู่อินหัวเราะออกมา “แน่นอน และนั่นก็เป็เงินที่อาเฟินและอาฟางหามาด้วยตัวเอง ย่าจะไถเงินหลานสาวด้วยหรือไง? คงไม่ทำใช่หรือไม่?”
นางกำลังทดสอบหลินซานหลาง ว่าเขาจะคิดได้หรือไม่
หลินซานหลางนั้นยังพอมีสมองอยู่ เขาจึงมองหลินฟู่อินด้วยดวงตากระจ่างใส “เ้าจะบอกว่า ถ้าเป็เงินที่ข้าหามาได้เอง ข้าก็สามารถเก็บไว้เองได้อย่างนั้นหรือ? เ้าหมายความว่าเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
แม้หลินซานหลางจะไม่มั่นใจนักตอนกล่าวออกมา แต่หลินฟู่อินก็พยักหน้ารับ “ถูกต้อง หากท่านอยากไปเรียนจริงๆ แล้วละก็ ข้าก็จะทำเหมือนกับที่ช่วยอาเฟินและอาฟางไว้ ข้าช่วยท่านได้ เพราะพวกนางเป็ญาติของข้า และท่านเองก็เป็ญาติของข้า จะทางไหนต่างก็เป็ครอบครัวของข้า ดังนั้นแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่ข้าจะช่วยพวกนางแต่ไม่ช่วยท่าน แต่นั่นก็ต่อเมื่อท่านคู่ควรกับความช่วยเหลือของข้าเท่านั้นนะ!”
“แต่ข้า… แม่ของข้าทำกับเ้าไว้แบบนั้นแท้ๆ นะ” หลินซานหลางก้มหน้าลง พูดอะไรไม่ออก เขาไม่สบายใจมาก
“ท่านก็คือท่าน นางก็คือนาง”
นอกจากนี้ มันยังมีเหตุผลอื่นที่ทำให้นางอยากช่วยหลินซานหลาง เพราะตอนนี้นางช่วยบ้านรองจนสร้างบ้านได้ไปแล้ว หากจ้าวซื่อรู้เข้าก็ต้องมาสร้างปัญหาให้พวกนาง ต้องมาเพื่อต่อปากต่อคำกับนางเป็แน่
เช่นนั้นแล้ว นางก็จะใช้ประโยชน์จากการอยากเรียนของหลินซานหลางแล้วช่วยเขาซะ เท่านี้จ้าวซื่อก็จะพูดอะไรไม่ได้อีก ปู่หลินเองก็ชอบคนมีการศึกษา เขาไม่มีทางขวางแน่
ถึงอย่างไรปู่ก็ยังนับเป็ผู้นำตระกูล ขอเพียงปู่อนุญาต ปัญหาของนางก็จะน้อยลงไป
ส่วนเื่ที่หลินซานหลางจะเป็คนได้หัวแล้วลืมหางหรือไม่นั้น นางจะยังไม่เก็บมาคิด
“ถ้าอย่างนั้น… ฟู่อิน เ้าจ้างข้าทำงานด้วยได้หรือไม่? ข้ามีเรี่ยวแรง และข้าทำงานละเอียดเช่นอาเฟินและอาฟางได้นะ…” หลินซานหลางเหลือบมองหลินฟู่อิน ดวงตาสีดำดวงโตคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ได้แน่นอน เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ไปให้อาเฟินสอนงานเสีย บอกนางไปว่าข้าบอกให้ท่านทำแค่นั้นก็พอ” หลินฟู่อินเม้มปากแล้วคลี่เป็รอยยิ้ม เด็กคนนี้เป็คนว่าง่ายแบบที่นางชอบเลย
หลินซานหลางรับปากอย่างเริงร่า
เมื่อส่งหลินซานหลางกลับไปแล้ว หลินฟู่อินจึงไปอาบน้ำ แล้วพาเ้าตัวน้อยทั้งสองเข้านอน
ผลจากการดื่มนมแม่มาตลอด เป็ผลให้เ้าตัวน้อยทั้งสองโตขึ้นมาด้วยผิวที่ขาวสะอาดและแก้มที่ตุ้ยนุ้ย ใบหน้าเล็กๆ นั้นขยายกว้างออก ดูน่ารักน่าชังนัก
หลินฟู่อินกางมุ้งกันยุง แล้วห่มผ้าปูเย็นๆ ให้ทั้งสอง จากนั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นที่ว่างระหว่างทั้งสอง เพื่อหอมแก้มเ้าตัวเล็ก
“อย่าส่งเสียง!”
ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นจากเสี่ยวเป้ย มือใหญ่ก็ยื่นมาจากด้านข้างเตียง แล้วตรึงคอของนางไว้
หลินฟู่อินกลืนเสียงร้องลงไป
มือของคนผู้นี้มีเส้นเืปูดโปน แรงที่ส่งมาในมือก็มากจนเหมือนจะหักคอนางได้ทันทีหากส่งเสียงร้อง
“ข้าเป็เพียงสาวชาวบ้าน ท่านผู้แข็งแกร่ง ถ้าแค่อยากหาของกินก็ไปโรงเตี๊ยม [1] เสียไม่ดีกว่าหรือ” หลินฟู่อินใจเต้นแรง พยายามกล่อมผู้บุกรุกพลางอดกลั้นความกลัวตายไม่ให้พุ่งพล่าน แสดงท่าทางออกมาด้วยความนิ่งสงบ
“ล่วงเกินแม่นางหลินแล้ว!” เสียงของบุรุษผู้นั้นทุ้มต่ำ แล้วจึงตวัดมือซัด ่ชิงสติของหลินฟู่อินไป
เมื่อหลินฟู่อินตื่นขึ้นมา นางกำลังอยู่ในกระท่อมไม้ แต่นางก็หลับตาไปอีกครั้ง
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีเสียงลมหายใจอยู่รอบๆ นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เพดานของตัวบ้านมีกิ่งไม้เลื้อย แสงแดดส่องผ่านหมู่ไม้เ่าั้เข้ามาแยงตานาง น่ารำคาญนัก
นางได้ยินน้ำเสียงหม่นหมอง จึงรีบหลับตาทันที
“พี่หก ไปดูซิว่าแม่นางหลินตื่นแล้วหรือยัง!”
“ได้ ไปเดี๋ยวนี้!” อีกเสียงดังขึ้นตอบรีบ
ใจหลินฟู่อินตกไปอยู่ตาตุ่ม
“ไอ้โง่ เด็กผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชายแข็งแรงผิวกร้าน ซัดให้เบากว่านี้ไม่ได้หรือไงกัน? เกิดนางตายในกระบวนท่าเดียวขึ้นมา แล้วใครจะรักษานายท่านกัน!” เสียงตะคอกไม่พอใจของชายคนหนึ่งดังขึ้น
ผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่หกเข้ามาดูหลินฟู่อินใกล้ๆ เมื่อเห็นว่านางยังหลับตาอยู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ก็ข้าไม่รู้ว่าผู้หญิงทางใต้จะบอบบางขนาดนี้! นี่ข้าก็ยั้งมือแล้วนะ แต่พอคิดว่าถ้าตอนนั้นเผลอหวดพลาดเข้าไปขึ้นมาแล้วก็…”
“ไอ้โง่!” เสียงก่นด่ายิ่งหนักขึ้นอย่างหมดความอดทน “สตรีทางใต้น่ะบอบบางราวบุปผา ยิ่งกระดูกนี่ราวกับก้านดอกไม้ แต่นี่เป็ดอกไม้ช่วยชีวิต!”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินคำที่ว่ากระดูกบอบบางเหมือนก้านดอกไม้ ก็เกือบกลั้นขำไม่อยู่
แต่เสียงของคนผู้นี้ เหมือนนางเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่านะ
เขาบอกว่าจะช่วยนายท่าน นายท่านของเขาเป็อะไรไป
แล้วที่เรียกนายท่านนี่อีก นั่นเป็คำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีความสำคัญ…
“ไอหยา แม่นางหลิน รีบๆ ตื่นแล้วมาช่วยนายท่านเถอะ ไม่อย่างนั้นนายท่านคงได้ฉีกข้ากับพี่หกเป็ชิ้นๆ แน่!” ชายผู้เข้ามาดูอาการหลินฟู่อินส่งเสียงคร่ำครวญ
------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] โรงเตี๊ยม หมายถึง ร้านค้า ร้านอาหาร หรือโรงแรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้