เฉิงชิงไม่รู้ว่าภายใน่เวลาอันสั้น ตนเองกำลังได้รับความเห็นใจจากผู้อื่น
แต่ถึงรู้อย่างไรก็ไม่เสียดาย
ไม่ใช่ว่าใครก็มีคุณสมบัติมาเห็นใจว่านางดีหรือไม่ดี เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว นาง้าเพียงความเห็นใจจากบ้านห้าเท่านั้น
เมื่อกลับเข้าตัวอำเภอไปพร้อมกับนายท่านห้าเฉิง ก็ได้พบกับนางหลิ่วและพี่สาวทั้งสาม นางหลิ่วดวงตาบวมแดง เพียงดูก็รู้แล้วว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พี่สาวทั้งสามก็ห้อมล้อมมาถามไถ่เื่ราว แสดงถึงความวิตกกังวล
นางยิ่งเกลียดชังบ้านรองขึ้นอีกสองส่วน นางเคยกล่าวไว้แล้วว่าจะดูแลนางหลิ่วแทน ‘เฉิงชิง’ เป็อย่างดี ทุกครั้งที่เป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับบ้านรอง หากนางหลิ่วไม่าเ็ก็ต้องเสียน้ำตา!
นางหลี่พอได้ฟังเื่ราวแล้วก็เห็นใจเฉิงชิงเป็อย่างมาก ขนาดไปสอบดีๆ ยังถูกใส่ร้าย ไม่ใช่ภัยพิบัติแต่กลับเป็ภัยจากมนุษย์ เด็กคนนี้ได้รับความอยุติธรรมแล้ว
“พอได้ฟังที่ปู่เ้าพูดแล้ว เมิ่งไหวจิ่นของสถานศึกษาก็ยอมรับระดับของเ้าแล้ว ตัวเขาเป็ถึงเจี้ยหยวน ได้อันดับแรกในการสอบเข้ารับราชการระดับมณฑลในครั้งก่อน การสอบสวนช่างพิถีพิถัน… เ้าเด็กคนนี้มานะเล่าเรียน ไม่ท้อถอยต่อความยากลำบากเสียจริง”
เฉิงชิงหัวเราะ “ศิษย์พี่เมิ่งให้กำลังใจข้า ข้าก็ไม่กล้าจะอวดดี ต้องขอบคุณบุญคุณที่ท่านย่ามอบตำราให้ข้า หากไม่มีความช่วยเหลือของท่าน แม้ข้าจะคิดสอบเข้าสถานศึกษา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ใดดี!”
ในยุคนี้ สี่ตำราห้าคัมภีร์ที่มีอรรถาธิบายประกอบส่วนตัวไม่ใช่ของที่หาซื้อได้ทั่วไป เมื่อเทียบกับของที่เรียกว่า ‘ม้วนตำราลับ’ ของเมิ่งเจี้ยหยวน ที่เก็งข้อสอบซึ่งพี่สาวคนโตเป็คนซื้อกลับมาแล้ว ยังคงเป็ตำราที่นางหลี่มอบให้ที่ล้ำค่ากว่า
การท่องจำแบบตายตัวไม่ใช่แผนแรก อรรถาธิบายบนตำราต่างหากที่สามารถช่วยเฉิงชิงสร้างพื้นฐานความรู้ได้อย่างดี
นางหลี่ดีใจอย่างยิ่งที่เฉิงชิงเข้าใจถึงความพยายามของนาง น้ำเสียงก็ยิ่งอ่อนโยนลง แล้วเอ่ยปลอบประโลมเฉิงชิง ให้พวกนางกลับบ้านไปรอข่าวอย่างสบายใจได้
“เื่ใส่ร้ายวันนี้ ท่านปู่ของเ้าย่อมต้องกำชับพวกเ้าว่าครอบครัวพวกเ้าไม่ต้องกังวลจนเกินไป เฉิงชิง เ้าใน่นี้ก็ยังต้องทบทวนตำราต่อไป เพื่อรับมือการสอบเข้าศึกษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ อนาคตของเ้าทำได้เพียง่ชิงมาจากการสอบเข้ารับราชการเท่านั้น อย่าให้เื่ไม่ดีมากระทบกระเทือนจิตใจ!”
คำพูดนี้นับว่าเป็ความจริง
บ้านรองไม่้าให้นางโดดเด่นเหนือผู้อื่น ดังนั้นจึงขัดขวางนางในการสอบเข้าสถานศึกษาหนานอี๋ ยิ่งผู้อื่นไม่อยากให้นางทำสิ่งใด เฉิงชิงก็ยิ่งต้องทำสิ่งนั้น การสอบเข้ารับราชการเป็ทางตรง นางต้องได้อันดับที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็ความเป็ความตายหรือแค้นใหญ่หลวงก็ล้วนต้องหลีกทางให้กับการสอบเข้ารับราชการ… หากนางสอบผ่านก็เปรียบเหมือนปลาทะยานข้ามประตูั[1]แล้วจะมีความแค้นใดที่เอาคืนไม่ได้เล่า?
หากสอบไม่ผ่าน นางก็จะกลายเป็แมลงตัวน้อยที่โดนกลั่นแกล้งได้ตามใจชอบ แม้ถูกรังแกก็ไม่อาจตอบโต้ได้
เมื่อออกจากบ้านห้ามาถึงตรอกหยางหลิ่วแล้ว พอปิดประตูก็เหลือเพียงแค่คนในครอบครัวของตน เฉิงชิงก็กล่าวเช่นนี้กับนางหลิ่วและพี่สาวทั้งสาม
ั์ตาของบุตรสาวคนโตเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
“ในปีนั้น พวกเขาก็คงกดดันท่านพ่อเช่นนี้ มิฉะนั้นอยู่ดีๆ เหตุใดท่านพ่อจึงยกสมบัติตระกูลทั้งหมดให้แล้วไปจากหนานอี๋กันนะ? ตอนนี้พวกเขาก็ยังจะมาทำเช่นนี้กับน้องชายอีก ช่าง…”
บุตรสาวคนโตแค้นนักที่ไม่อาจไปตัดสินชี้เป็ชี้ตายกับพวกบ้านเดิมได้ เฉิงชิงซึ่งเป็ผู้เกี่ยวข้องกลับใจเย็นกว่ามาก
“พี่ใหญ่ ท่านพ่อก็คือท่านพ่อ ข้าก็คือข้า ข้ากับท่านพ่อนิสัยไม่เหมือนกัน วิธีการรับมือก็แตกต่างกัน หากพวกบ้านเดิมคิดจะใช้ลูกไม้เดียวกันก็ลองทำดูอีกครั้งสิ ลองหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”
ลูกไม้ของบ้านรองแม้จะไม่ได้เรียกว่ายอดเยี่ยมแต่ก็มีประสิทธิภาพ
วันนี้หากเมิ่งไหวจิ่นหาตัวผู้ที่ใส่ความไม่พบ เฉิงชิงต้องตกที่นั่งลำบากเป็แน่
ขนาดนางที่ยังไม่มีวุฒิใดๆ บ้านรองยังโเี้ไร้เมตตาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปีนั้นนางจูใช้เล่ห์เหลี่ยมไปเท่าใดในการขัดขวางเฉิงจือหย่วนไม่ให้โดดเด่นเหนือผู้อื่น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เฉิงจือหย่วนยังสอบได้เป็บัณฑิตจวี่เหริน ถือว่าลำบากมากเลยทีเดียว
เฉิงชิงคาดว่าใน่ที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ นางจูคงเก็บงำนิสัยที่แท้จริงเอาไว้ พอท่านปู่เสียชีวิต นางจูจึงใช้ ‘ความกตัญญู’ มากดดัน เฉิงจือหย่วนย่อมถูกขัดขวางจากทั่วทิศทาง
สิบเก้าปีก่อน ภายในตระกูลยังจัดการเื่ราวไม่ยุติธรรม เฉิงจือหย่วนไม่ได้หวังสมบัติตระกูล เขาหวังเพียงแยกบ้าน ภายในตระกูลกลับนำสมบัติของบ้านรองไปแบ่งให้นางจูและบุตรชายหญิงแท้ๆ ของนาง เช่นนี้ไม่เหมือนกับผลลัพธ์ของการจัดการตามปกติ ไม่แปลกเลยที่จิตใจของเฉิงจือหย่วนจะไม่สงบ ไปไกลจากบ้านเกิดและไม่คิดหวนกลับมาหนานอี๋อีก ในยามนั้น นายท่านหกเฉิงยังไม่ใช่ขุนนางชั้นสูง นายท่านห้าเฉิงก็ยังไม่ใช่ผู้นำตระกูล ผู้นำตระกูลคือนายท่านใหญ่เฉิงแห่งบ้านใหญ่
เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน นายท่านใหญ่เฉิงเสียชีวิตด้วยอาการหลอดเืสมองแตกเฉียบพลัน ตำแหน่งผู้นำตระกูลจึงเวียนมาถึงนายท่านห้าเฉิง
พูดไปก็ถือเป็การประชด นายท่านห้าและนายท่านหกเป็พี่น้องร่วมท้องเดียวกัน พี่น้องทั้งสองช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน นายท่านหกรับประกันความมั่นคงของตำแหน่งผู้นำตระกูลของนายท่านห้า นายท่านห้าก็รับประกันจะจัดหาทรัพยากรภายในตระกูลมอบให้นายท่านหก การกระทำเช่นนี้ถือว่าเห็นแก่ตัว แต่ก็แสดงถึงความรักใคร่ของพี่น้อง
นายท่านใหญ่เฉิงและปู่ของเฉิงชิงเป็พี่น้องร่วมท้องเดียวกัน เมื่อท่านปู่ของเฉิงชิงเสียชีวิต บ้านรองก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย นายท่านใหญ่เฉิงเป็ทั้งผู้นำตระกูลและเป็ลุงใหญ่แท้ๆ แต่กลับไม่ช่วยให้เฉิงจือหย่วนหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้าย นางคิดแล้วก็พลันหัวเราะอย่างเ็า
เื่ของเมื่อสิบกว่าปีก่อน นางไม่มีเรี่ยวแรงจะไปสืบเสาะ หลังจากนายท่านใหญ่เฉิงเสียชีวิต บ้านใหญ่ไม่เพียงเ็ปจากการสูญเสียตำแหน่งผู้นำตระกูล หลายปีมานี้จึงค่อยๆ เก็บตัวเงียบ ครอบครัวเฉิงชิงกลับมายังหนานอี๋ บ้านใหญ่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นางจึงไม่สนใจที่จะไปเยี่ยมเยียนบ้านใหญ่
บุตรสาวคนโตโกรธที่บ้านเดิมลงมือได้โเี้ บุตรสาวคนรองกลับรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“น้องชาย ครั้งนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะใช้ลูกไม้อะไรมาจัดการเ้าอีก!”
เฉิงชิงปลอบโยนเหล่าพี่สาว “วันนี้ข้าเห็นท่านปู่ห้าโกรธมาก เื่ขัดแย้งภายในตระกูลหลุดออกมาเป็ที่ขายหน้าผู้อื่น ลูกไม้ของบ้านเดิมฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านปู่ห้า ผู้าุโท่านอื่นในบ้านย่อมไม่อยู่เฉยแน่ พวกเราชมการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบไปก่อน ท่านย่าเองก็พูดถูก ข้าจำต้องสงบจิตใจเตรียมพร้อมสำหรับการสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้”
เมิ่งไหวจิ่นกล่าวว่านางอยู่ในระดับกลางขึ้นไปของในบรรดาผู้เข้าสอบ มีระดับความรู้พอที่จะสอบผ่านการสอบเข้าศึกษา แต่เมื่อยังไม่ถูกสถานศึกษารับเข้า เฉิงชิงก็ยังไม่อาจวางใจอยู่ดี
ยิ่งเป็เวลาแบบนี้ นางยิ่งอยากจะกำจัดเื่วุ่นวายที่มารบกวน
ณ บ้านรอง
ฮูหยินผู้เฒ่าจูพักผ่อนอยู่ในห้องหลักของที่พัก บรรดาสาวใช้ต่างถูกไล่ให้ออกไป ฮูหยินผู้เฒ่าจูนั่งอยู่บนตั่งไม่เอ่ยคำ แม่นมโจวคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
นางทำเื่ที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบหมายล้มเหลว!
เื่เล็กน้อยเช่นนี้กลับทำพลาด แม่นมโจวไม่กล้าเปิดปากรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่า
นางไม่ได้ใส่ยาพิษลงในน้ำแกงบำรุงของเฉิงชิง หากเฉิงชิงดื่มแล้วเกิดปัญหา ผู้คนจะหันมาประณามบ้านรองกันหมด น้ำแกงไม่มีพิษ ที่มีพิษคือใจคน คือการใส่ร้ายที่ไม่อาจป้องกันได้… อาจารย์หวงผู้คุมสอบแก่แล้วสายตาฝ้าฟาง ที่เฉิงชิงควรแก้ตัวได้ก็ไม่อาจแก้ตัว ผู้ใดจะรู้ว่าเมิ่งไหวจิ่นจะสอดมือเข้ามายุ่งและยังเปิดโปงตัวบัณฑิตที่แม่นมโจวจัดเตรียมไว้
ยังมีนายท่านห้าเฉิงอีก ไม่รู้ทำไมถึงไปได้รวดเร็วเช่นนั้น!
เดิมแม่นมโจวคิดว่าเื่ที่เฉิงชิงทุจริตจะได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว พอข่าวแพร่กลับไปถึงตัวอำเภอหนานอี๋ บ้านห้าอยากจะยุ่งก็สายไปแล้ว ทว่าเื่ราวไม่ได้เป็ไปตามที่นางคาดคิด แม่นมโจวทำอะไรไม่ถูกอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเมิ่งไหวจิ่นเปิดโปงบัณฑิตตกยากที่นางซื้อตัว แม่นมโจวก็ใจนใจเต้นไม่เป็ส่ำ ถึงแม้นางจะไม่ได้ติดต่อกับฝ่ายนั้นด้วยตนเอง จึงรีบจากมาไปด้วยจิตใจอันไม่สงบ
ฮูหยินผู้เฒ่าจูโกรธจนด่านางว่านางโง่
“ในเมื่อเ้าใช้ความห่วงใยเป็ข้ออ้างในการส่งน้ำแกง เหตุใดจึงไม่รอจนกระทั่งเฉิงชิงออกมาจากสนามสอบ? ไอ้แก่บ้านห้านั่นก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้มารังแกได้ง่าย คำพูดและการกระทำก่อนหน้าและหลังจากนั้นของเ้าไม่สัมพันธ์กัน ไอ้แก่นั่นย่อมต้องรู้ว่าอะไรเป็อะไรหมดแล้ว!”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูกระสับกระส่าย แม่นมโจวใจนโขกหัวปึงๆ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ คนที่ออกหน้าไปหาบัณฑิตคนนั้นคือบุตรชายคนรองของบ้านข้าเองเ้าค่ะ พอจัดการเื่นี้เรียบร้อยแล้ว ข้าก็ได้ส่งเขาไปกบดานที่เคหาสน์ในชนบท ถึงแม้นายท่านห้าจะสงสัยแต่ก็ไม่มีหลักฐาน เื่นี้ย่อมสาวไม่ถึงตัวฮูหยินผู้เฒ่าแน่เ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้นหยัน “ลูกชายเ้ากบดานอยู่ที่เคหาสน์ในชนบทก็ยังไม่ปลอดภัย ให้เขาไปหาจือซวี่ หลังจากนั้นก็ให้เขาอยู่ข้างกายจือซวี่คอยจัดการเื่ราว แล้วก็กลับหนานอี๋ให้น้อยหน่อย”
แม่นมโจวเข้าใจนิสัยและเล่ห์เหลี่ยมของฮูหยินผู้เฒ่ามากกว่าผู้ใด นี่ถือเป็ความกรุณาและการข่มขู่ แม่นมโจวไม่กล้าที่จะไม่พอใจ รีบโขกหัวขอบคุณทันที
[1] ปลาทะยานข้ามประตูั หมายถึงประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานสมกับที่เพียรพยามไว้ มีที่มาจากความเชื่อว่าเมื่อปลาหลีฮื้อข้ามประตูัได้ก็จะกลายเป็ั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้