พวกนางใช้เวลาพูดคุยกันถึงหนึ่งชั่วยาม[1]เต็ม นางหลิ่วไม่เพียงไม่สามารถโน้มน้าวเฉิงชิงให้เปลี่ยนความคิดได้ กลับเป็ฝ่ายถูกเฉิงชิงโน้มน้าวแทน
เฉิงชิงถามปัญหานางสองข้อ ข้อแรกคือการฝังศพเฉิงจือหย่วน ข้อที่สองคือจะแต่งพี่สาวทั้งสามออกไปอย่างไร
“หากข้าไม่เพิ่มคุณค่าให้ตนเอง ปัญหาทั้งสองข้อนี้ก็จัดการไม่ได้แล้ว คนในตระกูลไม่มีทางให้ความสำคัญพวกเรา หากการตายของท่านพ่อถูกตัดสินว่าเป็การฆ่าตัวตายหนีความผิด การพลิกคดีก็จะยุ่งยากแล้ว คนในตระกูลก็คงจะยอมรับไปตามนั้น!”
“มีเพียงข้าแสดงคุณค่าในตนเอง คนในตระกูลจึงจะยอมรับว่าข้าสามารถเลี้ยงดูสั่งสอนได้ จึงจะมีกำลังพอที่จะพลิกคดีเพื่อท่านพ่อได้อย่างแท้จริง”
“หรือว่าความเชื่อมั่นของท่านแม่ต่อท่านข้าหลวงใหญ่ผู้นั้นจะเหนือกว่าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋?”
“หากการตายของท่านพ่อถูกตัดสินว่าเป็การฆ่าตัวตายหนีความผิด ข้าก็จะกลายเป็บุตรชายของขุนนางต้องโทษ พี่สาวทั้งสามก็จะกลายเป็บุตรสาวของขุนนางต้องโทษ แม้ราชสำนักจะไม่เอาผิดกับพวกเรา แต่พวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร!”
นางหลิ่วตอบคำถามที่เฉิงชิงถามมาไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว
เมื่อยามเฉิงจือหย่วนจากไป นางหลิ่วก็ทำอะไรไม่ถูก นางรู้ดีว่าตัวนางมิอาจแบกรับเื่ราวใดๆ ได้ แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปถึงขั้นใด
หลังจากเงียบไปนาน นางก็เอ่ยปาก
“ใต้เท้าข้าหลวงใหญ่จางเป็คนดี หากเขาไม่เอ่ยปาก พวกเราก็คงไม่อาจเคลื่อนย้ายโลงศพของบิดาเ้ากลับมายังอำเภอหนานอี๋ บิดาเ้าปลิดชีวิตตนเอง ภายในอำเภอก็มีข่าวลือว่าบิดาเ้ายักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ คนในอำเภอล้วนหลีกเลี่ยงพวกเราราวกับงูกับแมงป่อง อีกทั้งเ้ายังป่วยหนัก หมอแต่ละที่ก็ไม่กล้ามารักษาถึงที่ หลังจากใต้เท้าจางทราบสถานการณ์ก็ใช้ชื่อตนเองเรียกหมอแทนเ้า แม่รู้สึกว่าใต้เท้าจางย่อมไม่มีทางเป็คนเลว”
เฉิงชิงพยักหน้า
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าหลวงใหญ่จางจะต้องเป็คนเลว เพียงแต่วิธีการบางอย่างของเขานั้นข้าไม่อาจเห็นด้วยได้ ท่านพ่อจะสามารถฝังร่างอย่างผู้ชำระมลทินแล้วได้หรือไม่นั้น ไม่จำเป็ต้องไปดูท่าทีของบ้านรองเลย กลับต้องดูกำลังของราชสำนัก… ไม่ว่าใต้เท้าจางจะเป็คนดีคนเลว ก็ยังคงนับว่าพวกเราฝากความหวังไว้ที่คนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ไม่สู้พึ่งพาความขยันหมั่นเพียรของตนเอง ไม่มีใครที่สามารถเป็ที่พึ่งให้กับพวกเราได้ตลอด!”
นางหลิ่วพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
นางมองเฉิงจือหย่วนผู้เป็สามีเป็ดั่งท้องฟ้าเหนือศีรษะ แต่สามีบทจะตายก็ตายจากไปเลย ไม่อาจอยู่คุ้มครองนางและบุตรสาวทั้งหลายได้ทั้งชีวิต
ความเป็จริงของโลกใบนี้ทำให้แม่ม่ายบุตรกำพร้ายากที่จะมีชีวิตที่สุขสบาย
โดยเฉพาะสตรี ก่อนออกเรือนก็ต้องดูสีหน้าคนที่บ้าน พอออกเรือนไปก็ต้องดูสีหน้าครอบครัวสามี บัดนี้ครอบครัวของนางตกต่ำลง บุตรสาวทั้งสามควรทำอย่างไรดี
บุตรสาวคนโตยังดี หมั้นหมายกับญาติผู้พี่ของตระกูลฉีั้แ่ยังเล็ก ตระกูลฉีอาศัยอยู่ที่อำเภอหลิน รอให้บุตรสาวคนโตไว้ทุกข์เสร็จก็จะแต่งนางเข้าตระกูลฉี ซึ่งก็คือบ้านท่านลุงของมารดาผู้ให้กำเนิดบุตรสาวคนโต เมื่อดูถึงความอาทรของตระกูลฉีที่มีให้ยามสามีด่วนจากไป ตระกูลฉีย่อมปฏิบัติต่อบุตรสาวคนโตอย่างดีเป็แน่
ส่วนบุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามนั้น เดิมมีตระกูลใหญ่ที่อำเภอเจียงหนิงมาสู่ขอ แต่พอเฉิงจือหย่วนจากไป ฝ่ายตรงข้ามก็ตัดขาดความสัมพันธ์ทันที
นางหลิ่วนึกมาถึงเื่ราวเหล่านี้ก็เหมือนมีเสียงหึ่งๆ ดังก้องในสมอง ภายในใจราวกับถูกหินใหญ่กดทับ พลิกตัวไปมาทั้งคืน ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ
เฉิงชิงไม่คิดว่าเพียงการพูดคุยครั้งเดียวจะสามารถเกลี้ยกล่อมนางหลิ่วได้
วันนี้นางวางแผนจะไปเยี่ยมคารวะผู้นำตระกูล นายท่านห้าเฉิง
ทางบ้านเดิมนั้น ท่านย่าเลี้ยงฮูหยินผู้เฒ่าจูมีทั้งฐานะและกลอุบาย ย่อมไม่มีทางที่จะให้ครอบครัวเฉิงชิงอยู่ในอำเภอหนานอี๋อย่างสุขสบาย
หากทางบ้านเดิม้าหาเื่ มีเพียงบ้านห้าที่จะสามารถกดข่มฮูหยินผู้เฒ่าจูเอาไว้ได้
การที่นายท่านห้าเฉิงสามารถนั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลได้นั้น นอกจากท่านจะเป็ผู้มีาุโสูงและจัดการเื่ราวอย่างยุติธรรมในรุ่นเดียวกันแล้ว ก็เป็เพราะนายท่านห้าเฉิงเป็พี่น้องท้องเดียวกับนายท่านหกเฉิง
นายท่านหกเฉิงเป็ขุนนางอยู่ที่เมืองหลวง ทั้งยังเป็ขุนนางชั้นสูงรั้งตำแหน่งขั้นสองเต็มขั้น ขณะนี้เป็ผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในบรรดาผู้ที่รับราชการในตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋
อาสองจอมเอาเปรียบของเฉิงชิงผู้นั้นเป็เพียงผู้ว่าการเขตพิเศษขั้นห้าครึ่งขั้น เมื่อเทียบกับนายท่านหกเฉิงผู้เป็ขุนนางขั้นสองเต็มขั้นก็ยังถือว่าห่างไกลกันมาก
ขุนนางส่วนใหญ่ของแคว้นเว่ยแม้จนถึงวันเกษียณอายุราชการ ก็มิอาจเติมเต็มช่องว่างตรงกลางระหว่างขั้นห้าครึ่งขั้นถึงขั้นสองเต็มขั้นได้
เฉิงชิงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเตรียมจะออกจากประตู นางหลิ่วก็เดินเข้ามาจากทางประตูหลัง ในมือถือกล่องขนมสองกล่อง
“เ้า้าจะไปเยี่ยมคารวะบ้านห้า จะไปมือเปล่าได้อย่างไร?”
นางหลิ่ว้าไปกับเฉิงชิงด้วย
เฉิงชิงยิ้มทันที “ข้าว่าแล้วว่าท่านแม่จะต้องสนับสนุนการตัดสินใจของข้า”
ถ้าไม่สนับสนุนแล้วจะให้ทำอย่างไร?
คำโกหกนี้คือสิ่งที่นางหลิ่วและเฉิงจือหย่วนกระจายออกไปด้วยกัน เดิมสองสามีภรรยาก็ไม่เคยปรึกษาความเห็นของเฉิงชิงมาก่อน บัดนี้เฉิงชิงมีความคิดเห็นเป็ของตนเองแล้ว เว้นเสียแต่ว่าตัวนางหลิ่วเองจะเปิดเผยความลับเื่เพศของเฉิงชิงต่อหน้าผู้คน มิเช่นนั้นนางก็ย่อมมิอาจขัดขวางเฉิงชิงให้ไปสอบเข้ารับราชการ
คนเป็มารดาไหนเลยจะให้บุตรตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก?
สุดท้ายนางจึงทำได้เพียงลงเรือลำเดียวกับเฉิงชิง!
บุตรสาวคนโตตระกูลเฉิงเห็นมารดาและน้องชายคลี่คลายความขัดแย้งกันได้ก็รู้สึกยินดีอย่างมาก เฉิงชิงและนางหลิ่วไปเยี่ยมคารวะบ้านห้า บุตรสาวคนโตก็ถลกแขนเสื้อขึ้น นำน้องสาวทั้งสองปัดกวาดทำความสะอาดห้องพักที่เช่าอยู่
“น้องชายอายุเพียงสิบสามปีก็ต้องช่วยเหลือครอบครัวอย่างยากลำบากแล้ว พวกเราผู้เป็พี่สาวก็ไม่อาจอยู่ว่างได้ ต้องช่วยจัดการเื่ราวภายในบ้านอย่างเต็มกำลัง น้องรอง น้องสาม หลังจากนี้บ้านเราไม่อาจจ้างคนรับใช้ได้แล้ว เื่งานบ้านอย่างซักผ้า ทำอาหาร พวกเราต้องทำด้วยตัวเองแล้ว พวกเ้ากลัวความลำบากหรือไม่?”
น้องรองและน้องสามรีบส่ายหน้า “พี่ใหญ่ยังไม่กลัว พวกเราก็ไม่กลัว!”
บุตรสาวคนโตเอ่ยคำว่าดีหลายครั้งติดต่อกัน
บิดาจากไปอย่างกะทันหันเกินไป ครอบครัวพวกนางล้วนเผชิญความยากลำบากทั้งจากภายในและภายนอก แต่เพียงใจคนไม่ออกหาก ครอบครัวนี้ก็จะยังคงอยู่!
เฉิงชิงและนางหลิ่วมาเยี่ยมคารวะถึงที่ นายท่านห้าเฉิงกลับไม่อยู่ที่จวน
ด้วยเพราะเป็ผู้นำตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ นายท่านห้าเฉิงจึงยุ่งมาก ทว่าเฉิงชิงยังไม่หมดหวัง นางได้พบกับฮูหยินหลี่ของนายท่านห้าเฉิงแล้ว
นางหลี่ผู้เป็ฮูหยินผู้นำตระกูลไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย ปฏิบัติต่อเฉิงชิงและนางหลิ่วอย่างเป็มิตร
เมื่อเอ่ยถึงเฉิงจือหย่วน นางหลี่ก็หลั่งน้ำตา ย่าฝ่ายบิดาท่านนี้แสดงความรักความเมตตาอย่างจริงใจเหนือกว่าฮูหยินผู้เฒ่าจูมารดาเลี้ยงผู้นั้นหลายเท่านัก
ในเมื่อคนอื่นแสดงความปรารถนาดี เฉิงชิงก็ย่อมตอบรับ
เื่ที่เฉิงจือหย่วนยังไม่อาจถูกฝังได้นั้น เฉิงชิงไม่ได้โทษคนในตระกูลเลยแม้แต่น้อย เมื่อนางหลี่เห็นสีหน้าของนางนั้นดูไม่เหมือนการเสแสร้ง ภายในใจก็ยิ่งทวีความพึงพอใจถึงสามส่วน
ย่อมไม่มีผู้ใดรังเกียจเด็กฉลาด
คราแรกนางหลี่กลัวว่าเมื่อออกมาพบหน้า เฉิงชิงสองแม่ลูกจะมาขายความสงสาร ใช้สถานะแม่ม่ายบุตรกำพร้ามาเรียกร้องกับคนในตระกูลเกินกว่าเหตุ
ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของนาง สองแม่ลูกไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย เมื่อเป็เช่นนี้ นางหลี่ก็ยินดีที่จะเป็ฝ่ายหยิบยื่นให้ก่อน หยิบจับสิ่งของที่พอจะช่วยเหลือได้ ถึงอย่างไรบ้านห้าก็คนเยอะ ทรัพย์สินตระกูลก็มากมาย
นางหลี่เห็นเฉิงชิงใบหน้าซีดเหลือง ร่างกายก็ผอมแห้งบอบบาง มองดูแล้วร่างกายอ่อนแอ จึงมอบสมุนไพรบำรุงร่างกายให้เฉิงชิงเป็จำนวนมาก ในจำนวนนั้นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดคือโสมอายุห้าสิบหกสิบปีหนึ่งต้น
เฉิงชิงจะปฏิเสธ นางหลี่ก็อ้างเหตุผลว่า “ผู้าุโมอบของให้ไม่ควรปฏิเสธ ” ยืนกรานให้นางรับไป
“พวกเ้ากลับมาที่หนานอี๋เป็ครั้งแรก หากได้รับความลำบากอะไรก็ให้รีบมาหาข้า”
เฉิงชิงยิ้มอย่างเขินอาย “มีเื่ที่ต้องรบกวนท่านย่าอยู่จริงๆ ขอรับ ข้าคิดจะเข้าศึกษาในสถานศึกษาประจำตระกูล ไม่ทราบว่ามีเงื่อนไขใดบ้างที่ต้องกระทำ?”
[1] ชั่วยาม หมายถึงหน่วยการวัดเวลาแบบจีนโบราณ 1 ชั่วยาม จะเท่ากับ 2 ชั่วโมงในปัจจุบัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้