เหลียงซื่อได้ยินแล้วจึงเงียบไป แต่ก็ยังมองหลินฟู่อินอย่างไม่เชื่อถือเท่าไรนัก
คงเพราะใน่อายุที่ยาวนานนั้น นางเชื่อมาตลอดว่าหากมีไข้จงห่มผ้าให้หนา เมื่อเหงื่อออกอาการจะดีขึ้นเอง
หลินฟู่อินไม่สนสายตาของเหลียงซื่อ พาเด็กเข้าบ้านก่อนจะบอกย่าหลี่ “ท่านย่า ไปต้มน้ำร้อนให้ข้าที ไม่ต้องร้อนมาก แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำและบิดมาให้ข้า”
ย่าหลี่พยักหน้า แล้วเข้าไปเตรียมทันที
หลินฟู่อินหันไปถามจูซื่อ “เด็กไอบ้างหรือเปล่า่สองวันนี้?”
“มีไออยู่” จูซื่อพยักหน้าทันที แล้วกล่าวต่อ “แต่ไม่บ่อยนัก แค่ไม่กี่ครั้งในตอนเช้า”
หลินฟู่อินพยักหน้า แล้วจึงเปิดปากเด็กเพื่อดูลิ้น เห็นว่ามันเป็สีแดงอมเหลือง มีเมือกติดที่ลิ้น
นี่เป็ไข้หวัดปกติที่พบได้ทั่วไป แต่ในต้าเว่ยโบราณนี้ แม้แต่ไข้หวัดธรรมดาก็นับเป็เื่ใหญ่
“ฟู่อิน เป็ยังไงบ้าง? อาการหนักหรือไม่?” จูซื่อเป็กังวลจนอยู่ไม่สุข
เป็ตอนนี้เองที่เด็กน้อยไอโขลกขึ้นมา หน้ายู่ลง
เมื่อจูซื่อเห็นดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากไม่หยุด
เหลียงซื่อเองก็มองหลินฟู่อินอย่างไม่สบายใจ
นี่เป็ลูกคนโตของบ้านรอง ทั้งยังเป็ลูกชายคนโต มันไม่ใช่เื่ล้อเล่น
“อาการป่วยค่อนข้างหนัก” หลินฟู่อินตอบตรงๆ แต่เมื่อเห็นท่าทางของจูซื่อแล้วนางก็ขมวดคิ้ว “แต่ป้าไม่ต้องเป็ห่วง ตอนนี้อดทนไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวท่านก็ต้องดูเด็กต่อ”
“ฟู่อิน เ้าทำได้แน่หรือ?” เหลียงซื่อไม่พอใจ “ไม่สิ พาไปหาท่านหมอหลี่ในเมืองเลยดีกว่า”
ตอนแรกเหลียงซื่อคิดจะให้หลินฟู่อินเป็คนดูอาการเพราะเป็คนข้างบ้าน และอย่างน้อยมันก็ช่วยประหยัดค่าดูอาการไปได้ แต่เมื่อเห็นนางเปิดปากหลานแล้วบอกว่าอาการหนักแล้ว นางจึงสงสัยฟู่อินขึ้นมาทันที
เสียงของนางดังมากจนเด็กตื่น
ทันทีที่เด็กตื่น เขาก็ร้องไห้ออกมาทันทีเพราะกำลังป่วยจนไม่สบายตัว
จูซื่อรีบอุ้มเด็กขึ้นมากล่อมทันที
ในระหว่างที่จูซื่อกำลังกล่อมเด็ก หลินฟู่อินก็เงยหน้าขึ้นมามองเหลียงซื่อด้วยั์ตาใสกระจ่าง แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าท่านย่าเหลียงไม่เชื่อข้า แล้วจะมาหาข้าทำไม?”
เมื่อเห็นว่าแม่สามีทำให้หลินฟู่อินอารมณ์เสีย จูซื่อจึงรีบปาดน้ำตาพลางกล่อมเด็ก แล้วกล่าวว่า “ฟู่อิน อย่าโกรธเลย พวกข้าเชื่อเ้านะ ท่านแม่แค่กังวลเกินไปเท่านั้น”
กล่าวจบ จูซื่อก็หันไปขยิบตาให้เหลียงซื่อ เมื่อได้เห็นสายตาเ็ปของสะใภ้ตัวเองแล้ว นางจึงเงียบไป
เป็ตอนนี้เองที่ย่าหลี่นำผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ มาให้
“ส่งเด็กมาให้ข้า” หลินฟู่อินรับเด็กมาจากมือจูซื่อ วางเขาลงบนเตียงเย็นๆ ก่อนจะห่มด้วยผ้าอุ่นๆ แล้วเช็ดตัวเด็กรอบหนึ่ง
เมื่ออุณหภูมิเด็กลดลง เสียงร้องไห้จึงเบาลง แต่ยังคงส่งเสียงอืออาเพราะความไม่สบายตัวอยู่
จูซื่อเริ่มเป็กังวล “ฟู่อิน วิธีนี้จะรักษาต้าหลางได้จริงๆ หรือ?”
หลินฟู่อินเพียงลดอุณหภูมิร่างกายของเด็กลง นางจึงส่ายหน้า “ไข้หนัก ต้องกินยา”
เหลียงซื่อที่ฟังมาตลอดก้าวออกมาทันที แล้วะโใส่จูซื่อ “ถ้าอยากกินยา อย่างนั้นสะใภ้รอง เราต้องไปหาท่านหมอหลี่ในเมือง!”
หลินฟู่อินคิดไว้แล้วว่าเด็กตัวโตเช่นนี้ควรจะได้ยาแบบไหน แต่ถูกะโเข้าใส่แบบนี้นางก็ไม่พอใจนัก
แต่ตอนนี้ชีวิตเด็กสำคัญที่สุด นางจึงอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน “ย่าเหลียงซื่อ ต่อให้พาไปหาท่านหมอหลี่ เด็กก็ต้องกินยาอยู่ดี ทั้งระยะทางไปถึงเมืองยังไกล และเด็กยังกินอะไรไม่ได้ด้วย”
ย่าหลี่เองก็ลุกขึ้นมากล่าว “เหลียงซื่อ ฟังหลินฟู่อินซะ เดี๋ยวนางจะจัดยาให้เอง”
“ถ้ายังไงก็ต้องทานยาอยู่แล้ว ไม่สู้ข้าพาไปหาท่านหมอหลี่เลยดีกว่า” เหลียงซื่อกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “อีกทั้งเด็กคนนี้ยังเล็กมาก ตอนนี้แม้แต่นมยังไม่กิน แล้วจะกินยาได้ยังไง? รู้เช่นนี้ข้าไม่มาหาเ้าหรอก”
พาไปหาหมอหลี่ยังดีเสียกว่า บางทีอาจจะใช้เข็มรักษาได้ก็ได้
หลินฟู่อินหันไปมองจูซื่อ นางเป็แม่ นางต้องเป็คนตัดสินใจ
“ฟู่อิน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ข้าต้องฟังท่านแม่…” จูซื่อกล่าวอย่างอยู่ไม่สุข
หลินฟู่อินพยักหน้าเข้าใจ สะใภ้ส่วนมากในยุคนี้ต้องทำตามแม่สามี ต่อให้จูซื่ออยากรักษาเด็ก นางก็ไม่กล้าหือกับการตัดสินใจของแม่สามีแน่
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพาเด็กไป แล้วอย่าเขียมเงิน ใช้รถม้าซะ ถ้าหารถม้าไม่ได้ก็ใช้เกวียนวัวแทน แล้วไปให้ไว” หลินฟู่อินคิดแล้วสั่งการ
นางพูดในสิ่งที่ต้องพูดแล้ว แต่เหลียงซื่อก็ยังไม่เชื่อใจนาง นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
แต่จูซื่อพยักหน้าด้วยสายตาซาบซึ้ง
“แล้วเช็ดตัวเด็กด้วย” หลินฟู่อินกล่าวเสริม “เอาน้ำกับผ้านี่ไป แล้วเช็ดไปด้วยระหว่างทาง เื่นี้ต้องทำ!”
จูซื่อพยักหน้าไม่หยุด
แต่เหลียงซื่อยังส่งเสียงครางในลำคอด้วยความไม่เชื่อใจ
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว มองนางก่อนกล่าว “ย่าเหลียงซื่อ ระวังตัวไว้ไม่เสียหาย ถ้าไม่มีใครอยากให้เด็กเป็อะไรไปก็ทำตามที่ข้าบอกซะ”
จูซื่อลูบเด็กแล้วรีบเข้ามาขัด “ไม่เป็ไร ข้าจะทำตามที่เ้าบอก วันนี้ข้ารบกวนเ้ามากแล้ว”
หลินฟู่อินส่ายหน้า
จูซื่ออุ้มเด็กขึ้นมา แล้วเหลียงซื่อจึงยกถังไม้ตามนางออกจากบ้านหลินฟู่อินไปแม้ไม่อยาก
“หวังว่าเด็กจะปลอดภัยนะ หน้าเขาเริ่มแดงแล้วด้วย” ย่าหลี่กล่าว แล้วมองหลินฟู่อินเพื่อปลอบโยน “ฟู่อิน พวกนางแค่กังวล เ้าอย่าใส่ใจเลย”
“ข้าสงสารเด็ก” หลินฟู่อินกล่าวเสียงเบา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่นี่เองที่ทำให้นางตั้งมั่นอีกครั้ง ว่านางจะเปิดโรงหมอเพื่อสร้างชื่อให้ตัวเอง
แม้สังคมต้าเว่ยจะไม่ยอมรับการที่ผู้หญิงเปิดโรงหมอเพื่อทำเงินก็ตาม
แต่นางคิดว่าขนาดเด็กเล็กอย่างลูกของจูซื่อ ยังต้องป่วยไปสองวันโดยที่ไม่ได้รับการรักษา ทั้งๆ ที่การมาบ้านนางมันง่าย แต่ก็ไม่มาเพียงเพราะความไม่เชื่อใจ จนมาช้าไปเป็วัน อาการจึงยิ่งหนักขึ้น
หากเด็กไม่มีภูมิต้านทาน ป่านนี้จะเป็อย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้
อย่างเดียวที่ทำให้หลินฟู่อินพอจะวางใจได้ คือการที่เด็กยังอายุไม่เกินหกเดือน และได้ดื่มนมแม่มาตลอด ภูมิต้านทานจึงค่อนข้างดี
แล้วที่อาการหนักได้ขนาดนี้ ก็คงเป็เพราะผู้ใหญ่ในบ้านห่มผ้าให้หนาเกินไป
ในระหว่างที่หลินฟู่อินกำลังห่วงเด็กอยู่ เฟิงซื่อก็เข้ามาพร้อมอาเฟินและอาฟาง
หลินฟู่อินต้อนรับเฟิงซื่อและพี่ๆ นึกถึงเื่บ้านก่อนจะปรึกษากับเฟิงซื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้