“ท่านโหวหย่งซินผู้ยิ่งใหญ่้าจะหยาบคายเช่นไรหรือ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของท่านโหวหย่งซิน ใบหน้าของมู่เฉิงอินก็เปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความโกรธ ที่แท้แล้วบิดาเป็เช่นไรบุตรธิดาย่อมเป็เช่นนั้น ท่านโหวหย่งซินมีฐานะและตำแหน่งในราชสำนัก ดังนั้นจึงไม่สนแดงเขียวดำขาว อีกทั้งยังทำตามอำเภอใจ ไม่ถามเหตุผลก็คิดจะจับคน นี่มันจะมากเกินไปแล้ว
"เ้าคือใคร? "
เมื่อเห็นมู่เฉิงอินส่งเสียงออกมา ท่านโหวหย่งซินก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เ็า
มู่เฉิงอินกรีดยิ้มบางก่อนตอบ "ตระกูลมู่ นามมู่เฉิงอิน! " นางมองไปที่ท่านโหวหย่งซินอย่างเ็าและพูดต่อว่า "ก่อนที่ท่านโหวจะมาที่นี่ คุณชายตระกูลท่านไม่ได้แจ้งท่านอย่างชัดเจนถึงเหตุผลและความจริงของเื่ราวทั้งก่อนและหลังหรือ? ”
นางถามด้วยน้ำเสียงที่เ็า
ทันทีที่คำพูดถูกกล่าวจนจบ นางก็ถูกโจวเหอจ้องเขม็ง “มีอันใดน่าพูดกัน ข้ารู้เพียงว่าสตรีเลวทรามผู้นี้ทำร้ายนายน้อยเช่นข้า และสัตว์ร้ายที่อยู่ในมือของนางก็กัดหูของข้าด้วย”
"หือ…"
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของโจวเหอ มู่เฉิงอินก็เปร่งเสียงหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยอารมณ์เสียดสีเล็กน้อย ได้ยินเพียงนางที่กล่าวต่อว่า "ที่แท้แล้วจวนท่านโหวหย่งซินช่างจัดการวางแผนได้ดียิ่ง เริ่มแรกก็ขโมยของจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ หลังจากนั้นก็ดูถูกประชาชน ตอนนี้ยังพาคนรับใช้มาเพื่อทำร้ายและล้างแค้นอีก สามารถกลับดำเป็ขาวได้เยี่ยมยอดเช่นนี้ ทำให้ข้าน้อยได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิงอิน การแสดงออกบนใบหน้าของท่านโหวหย่งซินก็เริ่มไม่ชัดเจน เขาพ่นลมหายใจก่อนเปิดปากกล่าวว่า “แม่นางน้อยตระกูลมู่ เวลาจะกล่าวสิ่งใดควรระมัดระวังบ้าง ข้ารับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหออู๋ิแล้ว เพราะหญ้าิญญาลึกลับ เ้ามีข้อโต้แย้งเล็กน้อยกับลูกชายท่านโหวเช่นข้า ถือเป็เื่ปกติที่คนหนุ่มสาวจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เ้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายใคร”
ในตอนที่ท่านโหวหย่งซินพูดถึงตรงนี้ ในแววตาคมกริบก็ฉายประกายวาววับ
ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ตานี่ก็เป็จิ้งจอกเฒ่าเช่นกัน
ความเย่อหยิ่งและการกลั่นแกล้งรังแกไร้เหตุผลของลูกชายเขา เมื่อถูกพูดออกมาจากปากกลับกลายเป็การทะเลาะวิวาทในหมู่คนหนุ่มสาว
เื่ราวในตอนนี้กลับกลายเป็เื่การสอบสวนอาการาเ็ของโจวเหอที่ถูกฮวาเหยียนทำร้ายแทน
ท่านโหวหย่งซินยังพูดไม่ทันจบ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดขึ้น "ลูกชายข้าจากตระกูลโจวเพียงแค่ออกจากจวนเพื่อมาซื้อของ กลับถูกเตะจนหมดสติ ซี่โครงหักสองซี่ หูของเขาถูกกัดจนขาดครึ่ง เขาทำอันใดผิดถึงถูกปฏิบัติอย่างโเี้เช่นนี้? วันนี้ท่านโหวเช่นข้าต้องช่วยให้เขาได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาให้จงได้"
เสียงเคร่งขรึมลง ดวงตาของเขาจ้องมองที่ฮวาเหยียนอย่างดุดัน
ใบหน้าของมู่เฉิงอินเ็าและเปี่ยมไปด้วยโทษะ "ช่างเป็ท่านโหวที่ไร้เหตุผลยิ่ง เ้า...! "
มู่เฉิงอินโมโหจนมิอาจทนได้ เสียงของนางจึงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว นางยังไม่ทันจะกล่าวจบ ฮวาเหยียนก็จับไหล่ของมู่เฉิงอินไว้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ด้วยการกระทำเล็กน้อยเช่นนี้ ความโกรธของมู่เฉิงอินก็ถูกพัดปลิวไปอย่างน่าประหลาดและอารมณ์ของนางก็สงบลงในทันใด
ฮวาเหยียนกอดเสี่ยวไป๋ไว้ นางมองผ่านมู่เฉิงอินอย่างเ็าไปยังคนที่อยู่ข้างหน้านาง "ข้าทุบตีลูกชายของท่านและสัตว์เลี้ยงของข้าก็กัดหูของเขา แต่แล้วอย่างไรเล่า? "
ช่างเป็คำพูดที่ยั่วโมโหคนยิ่งนัก
ท่านโหวหย่งซินไม่ได้คาดคิดว่าสตรีนางนี้จะเย่อหยิ่ง ไม่แม้แต่จะเห็นเขาอยู่ในสายตา สีหน้าของเขาจึงมืดมนลงทันที เขาหรี่ตาลง เมื่อเห็นสตรีที่สวมหมวกงอบจึงพูดต่อว่า “ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ช่างเป็การเก็บศีรษะซ่อนหาง [2] ได้ดียิ่ง แม่นางน้อยผู้ยโสโอหัง ท่านโหวเช่นข้าได้รับความรู้มากมายแล้วในวันนี้ ทำร้ายผู้คนยังสามารถยืนได้อย่างชอบธรรม"
เขาพูดอย่างเ็า
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
สิ่งที่ท่านโหวหย่งซินพูดนั้นช่างฟังไม่เข้าหูยิ่ง เขาไม่เห็นหน้าของฮวาเหยียน ดังนั้นจึงหาว่านางทำตัวลับๆ ล่อๆ
“ทหาร! จับกุมสตรีนางนี้เดี๋ยวนี้! ”
เขาออกคำสั่งทันที
ชายที่แข็งแกร่งหลายสิบคนรีบวิ่งไปที่ฮวาเหยียนทันที
ในขณะนั้นเอง เสี่ยวไป๋ก็เงยหน้าขึ้นจากแขนของฮวาเหยียน แยกเขี้ยวฉีกมุมปากราวกับกำลังแย้มยิ้ม
“และสัตว์ร้ายตัวนี้ จับมันมาให้ท่านโหวเช่นข้าด้วย! ”
ท่านโหวหย่งซินกัดฟันออกคำสั่ง
มือเรียวของฮวาเหยียนกำลังลูบขนของเสี่ยวไป๋ ดวงตาของนางเ็ายิ่ง นางได้เข้าสู่อาณาจักรของปรมาจารย์ลึกลับแล้ว และไม่มีปัญหาในการจัดการกับคนเหล่านี้ นางไม่เคยหวั่นแม้จะมีผู้มากฝีมืออยู่ที่นี่ ขอเพียงแค่นางแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ท่านโหวหย่งซินก็จะไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องนาง
ั์ตาเ็ามืดลงทันใด และดวงตาใต้ภายใต้หมวกงอบที่ประดับด้วยดอกไม้นั้นเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง
“ดังนั้นแล้ว ในสายตาของพวกเ้า หลงจู้ [3] อย่างข้าตายไปแล้วเช่นนั้นหรือ? ”
ในขณะนั้นเอง หลงจู้ที่เฝ้าดูอยู่เป็เวลานานในที่สุดก็ทนไม่ไหวส่งเสียงออกมา
เขาเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน แต่งกายด้วยเสื้อสีแดงที่มีเสน่ห์ แววตาของเขาเกียจคร้าน ั์ตาหงส์ของเขากวาดมองท่านโหวหย่งซินและโจวเหอขึ้นลงทั่วทั้งตัวอย่างเชื่องช้า
"เกิดเื่ในอาณาเขตหออู๋ิของข้า ท่านโหวหย่งซิน... ท่าน้าจะมีเื่ใช่หรือไม่? "
เขามีบรรยากาศเกียจคร้าน บนใบหน้าไม่ปรากฏร่องรอยความโกรธแค้น ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาโกรธหรือไม่
"เ้าคือใคร? "
ท่านโหวหย่งซินสังเกตเห็นคนคนนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่อีกด้านราวกับว่ายังไม่ตื่นดี ชายหนุ่มจึงคิดว่าเขาเป็ลูกค้าคนหนึ่งของหออู๋ิจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ทว่าจู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ เสียงของเขาทำให้การจับกุมตัวสตรีใต้หมวกงอบชะงักไป สีหน้าของชายหนุ่มจึงดูไม่จืดนัก
“หลงจู้แห่งหออู๋ิ”
เขาตอบ
“เป็แค่หลงจู้ผู้หนึ่ง ยังไม่รีบไสหัวไปอีก อย่ามาแส่ธุระของข้า”
โจวเหอะโอย่างอดรนทนไม่ไหว
เขาที่คิดหาวิธีทรมานสตรีในหมวกงอบที่ทำให้เขาขายหน้าได้เรียบร้อยแล้ว ทว่าจู่ๆ ก็มีคนจมูกยื่นจมูกยาว แส่เื่ของเขา จะไม่ให้เขาโกรธได้หรือ?
"ฮ่าๆๆ ไม่ได้เห็นคนที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนมานานหลายปีแล้วจริงๆ "
โจวเหอะโจบก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำจากหลงจู้หออู๋ิ
วินาทีถัดมา ทุกคนไม่ทันได้สังเกตุเห็นว่าหลงจู้หออู๋ิลงมืออย่างไร รู้สึกเพียงมีลมพัดแรงขึ้นมาวูบหนึ่ง จากนั้นโจวเหอก็กรีดร้องโหยหวน เป็เพราะว่าถูกหลงจู้หออู๋ิพุ่งตรงไปบีบคอ
“เมื่อกี้เ้าพูดว่าอะไรนะ? พูดอีกทีสิ หืม? ”
หลงจู้หออู๋ิมีนิ้วที่เรียวยาว และตอนนี้นิ้วเ่าั้ก็บีบอยู่บนคอของโจวเหอ ในเวลานี้ใบหน้าของเขายังคงความสบายใจและเกียจคร้าน แต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับเ็าลงทีละน้อย
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ทำให้ทุกคนใ
“เ้า! ปล่อยลูกชายของข้า! ”
ในที่สุดท่านโหวหย่งซินก็เปลี่ยนสีหน้า เขาไม่สามารถซ่อนความโกรธเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
"ปล่อยนะ ปล่อย"
โจวเหอเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
หลงจู้หออู๋ิทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆ ทว่ามือของเขากลับเพิ่มแรงกระชับขึ้นทีละนิด
โจวเหอหายใจลำบาก ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาเบิกกว้าง แขนขาสั่นเทา
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย...”
โจวเหอพยายามเปล่งเสียงสั่นออกมา ความเย่อหยิ่งและความทะนงตนเมื่อสักครู่หายวับ ไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย
“เ้าจะทำอะไรกันแน่? เ้าจะฆ่าลูกของข้าในเวลากลางวันแสกๆ หรือ? ปล่อยลูกของข้าเดี๋ยวนี้! ”
ท่านโหวหย่งซินทั้งใและโมโห ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“หืม ปล่อยลูกของเ้าหรือ? ”
ชายคนนั้นถามกลับ ท่าทางไม่ใส่ใจและเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
มือที่เขาจับโจวเหอประเดี๋ยวคลายประเดี๋ยวรัดแน่น ราวกับว่าเขากำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง โจวเหอใแทบสิ้นสติแต่ในใจกลับไม่ยอมจำนน "นางเป็คนสร้างปัญหาก่อน นางทำร้ายข้าก่อน อีกทั้งยังปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของนางกัดข้า ข้าคือเหยื่อที่โดนทำร้าย เหตุใดเ้าถึงไม่สั่งสอนบทเรียนให้แก่นางเล่า? ”
โจวเหอะโเสียงดัง หน้าอกของเขาเจ็บด้วยความโกรธ
ใบหน้าของท่านโหวหย่งซินหนักอึ้งราวกับเหล็ก เขาพูดว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความยุ่งยากให้แก่หออู๋ิ เพียงแต่บุตรชายของข้าโดนคนทำร้าย จึงพาคนเข้ามาจับ หากไม่ระวังล่วงเกิน อย่างไรแล้วก็ขอให้ท่านโปรดอภัย"
ท่านโหวหย่งซินคนนี้ยังเป็ผู้ชายที่สามารถงอและยืดตัวได้ [4] เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็ผลดีสำหรับเขา คำพูดของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ชายชุดแดงลงมือเพียงแค่ครั้งเดียว ทว่าทั้งลึกลับซับซ้อนและไม่ธรรมดา ไม่มีผู้ใดทันเห็นว่าเขากำลังจะลงมือ โจวเหอก็ถูกบีบคอเข้าเสียแล้ว
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าน้ำเสียงที่ร้องขอของเขา กลับไม่ได้อยู่ในสายตาชายผู้นั้นเลย พวกเขาได้ยินเพียงหลงจู้หออู๋ิยิ้มเหยียดกล่าวว่า "ข้าไม่เห็นว่าผู้ใดเป็คนทำร้ายลูกชายของท่าน แต่หลงจู้เช่นข้าเห็นเพียงบิดากับบุตรชายเช่นท่าน พาคนเข้ามาก่อเื่ อีกทั้งยังสร้างปัญหาให้กับข้า หลงจู้แห่งหออู๋ิ พวกท่านช่างกินหัวใจหมีและน้ำดีเสือดาว [5] จริงๆ เพียงแต่ว่า..."
เชิงอรรถ
[1] เก๋อ (阁) ภาษาไทยแปลว่าหอ เป็สิ่งก่อสร้างที่ใกล้เคียงกับโหลว (楼) แต่ดูเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มกว่า นับว่าเป็รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็เอกลักษณ์ในสมัยโบราณ ซึ่งเก๋อ (阁) ที่เก่าแก่ที่สุดเห็นจะเป็เก๋อป่าน 阁板 (ทำจากแผ่นไม้กระดาน) ต่อมากลายเป็อาคารขนาดเล็กที่สร้างยกสูงจากพื้นดิน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโหลว (楼) หรือตึก ส่วนใหญ่โครงสร้างจะเป็รูปสี่เหลี่ยมหรือหลายๆ เหลี่ยม มีระเบียงแกะสลักสวยงามโดยรอบ มีไว้ใช้เป็ที่เก็บหนังสือ มองดูวิวจากสวน หรือ เป็ที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่
ห้องเล็กๆ ที่อยู่บนตึกก็ถูกเรียกว่าเก๋อ (阁) ในภาคใต้ หรือแม้แต่สถานที่พักอาศัยของหญิงในสมัยโบราณก็ยังเรียกว่าเก๋อ (阁) เพราะอย่างนั้น หากผู้หญิงในสมัยนั้นแต่งงานออกเรือนไปอยู่กินกับสามี ก็จะมีคำพูดที่ว่า นางออก"เก๋อ" (“出阁”) ไปแล้ว
[2] เก็บศีรษะซ่อนหาง 藏头露尾 [cángtóu lùwěi] หมายถึง ลับๆ ล่อๆ
[3] หลงจู้ เป็ภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่าผู้ควบคุมดูแลหรือผู้จัดการโรงงานหรือธุรกิจร้านค้า คนไทยมักจะออกเสียงผิดเป็ “หลงจู๊”
[4] สามารถงอและยืดตัว 能屈能伸 [Néng qū néng shēn] หมายถึง สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ จะยืดก็ได้ จะหดก็ได้
[5] กินหัวใจหมีและน้ำดีเสือดาว หมายถึง ใจกล้าบ้าบิ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้