บทที่ 69 ร่วงหล่นจากฟ้า
คำพูดของทูตผู้อ่อนเยาว์ทำเอาในใจของลั่วเฉิงกงเกิดเงามืดขึ้นสายหนึ่งอย่างอธิบายไม่ได้ อนาคตอาจกลายเป็คนในตระกูลเดียวกัน หมายความว่าอย่างไร? และในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามประเมินหยดโลหิติญญาของลั่วถู ถึงกลับกล่าวว่าเป็พลังสายเืที่แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาได้แต่นึกกังวลใจว่าการที่ตนปฏิบัติกับลั่วถูเช่นนี้เป็เื่ถูกหรือผิดกันแน่ แต่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที เพราะต่อให้พลังสายเืแข็งแกร่งแล้วอย่างไร รากิญญาขยะก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ เปิดิญญามาถึงหกครั้งก็ไม่สำเร็จ เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสเปิดิญญาสำเร็จแล้ว ต่อให้อนาคตทำสำเร็จแล้วอย่างไร คนเดียวที่มีป้ายคำสั่งเข้าส่งตัวเข้าสู่สำนักระดับกลางและป้ายคำสั่งเพื่อเข้าโลกชั้นสูงคือบุตรชายของเขาผู้เปี่ยมพร์อันน่าตื่นตะลึง ลั่วฮุยหวางต่างหาก ถึงจะเป็ผู้มีความสามารถที่แท้จริง
เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ ลั่วเฉิงกงก็มั่นใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ลั่วถูก็ต้องตายเท่านั้น ยิ่งท่านทูตจะกล่าวออกมาเช่นนี้ เขายิ่งไม่อาจปล่อยให้ลั่วถูมีชีวิตรอดเพื่อเข้าโลกชั้นสูงได้เด็ดขาด
“นี่คือป้ายคำสั่งเข้าสู่สำนักระดับกลาง และคำสั่งเข้าสู่โลกชั้นสูง หวังว่าเ้าจะใช้มันอย่างดี อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง จากสายเืของเ้า บางทีอาจยังพอมีโอกาส!” น้ำเสียงของทูตเยาว์วัยสงบมาก ในมือของเขามีกล่องหยกดำอยู่สองกล่อง
อารมณ์ของลั่วอิงซานไม่ได้ตื่นเต้นนัก เพราะเขาเข้าใจดีว่าของสิ่งนี้เพียงผ่านมือของเขาไปเท่านั้น ท้ายที่สุดจะตกเป็ของลั่วฮุยหวาง แต่ว่าเขากลับทนไม่ไหวเปิดกล่องนั้นออกจนได้ ป้ายคำสั่งหยกชิ้นหนึ่งที่มีประกายแสงไหลเวียนอยู่อย่างเลือนราง เขารู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้ก็คือคำสั่งเข้าสู่สำนักระดับกลาง เพียงใส่พลังิญญาเข้าไปในป้ายคำสั่ง ก็กระตุ้นอักขระยันต์ลึกลับได้แล้ว แต่ของชิ้นนี้ยังต้องให้สำนักระดับกลางตรวจสอบและยอมรับอีกที ในยังกล่องยังมียันต์แปลกประหลาดสีม่วงชิ้นหนึ่งมันไม่ใช่ทั้งไม้และหิน
เมื่อเห็นป้ายคำสั่งดังกล่าว คิ้วของอู๋จงเทียนถึงกับเลิกขึ้น นี่ต่างหากของที่เขาให้ความสำคัญอย่างแท้จริง ป้ายคำสั่งเพื่อเข้าสู่โลกชั้นสูง คนมากมายมีแต่ต้องไปให้ถึงระดับปรมาจารย์เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสถูกส่งไปยังโลกชั้นสูงได้ แถมการส่งเช่นนั้นยังเป็การส่งแบบสุ่ม มีโอกาสมากทีเดียวที่จะถูกส่งไปในป่าของโลกชั้นสูง และการจะเอาชีวิตรอดออกจากป่าได้หรือไม่เป็ก็ปัญหาเช่นกัน มิหนำซ้ำระดับปรมาจารย์ในโลกชั้นสูงกลับเป็เพียงพลังระดับต่ำ แต่ถ้ามีป้ายคำสั่งนี้ เช่นนั้นย่อมถูกส่งไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ แน่นอนว่าถ้ามีป้ายคำสั่งนี้ ถึงจะไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ เกรงว่าแค่เป็ศิษย์าขั้นเก้าก็มีสิทธิ์ถูกพาตัวเข้าสู่โลกชั้นสูงได้แล้ว และยิ่งหากเป็ระดับปรมาจารย์ ย่อมถูกนำตัวไปอย่างแน่นอนร้อยส่วน
ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญไม่ใช่ป้ายคำสั่งเพื่อเข้าสู่โลกชั้นสูงแต่อย่างใด แต่เป็เื่ที่ป้ายคำสั่งนี้จะส่งท่านไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้ โดยปกติสถานที่เหล่านี้มักเป็พวกที่ตั้งของเหล่าสำนักนิกายใหญ่ หากได้รับการชี้นำจากพวกเขาเพื่อเข้าสู่โลกชั้นสูง นั่นหมายความว่าได้รับการยอมรับจากสำนักใหญ่เ่าั้แล้วและได้เข้าสู่สำนักเ่าั้โดยตรง ใครบ้างจะไม่คิดหาที่พึ่งเป็สำนักที่แข็งแกร่งหลังจากเข้าโลกชั้นสูงได้? ดังนั้น ป้ายคำสั่งชี้นำนี้ย่อมมีความสำคัญกว่าป้ายคำสั่งเข้าสู่สำนักระดับกลางมากนัก
ไม่ใช่เพียงอู๋จงเทียนที่แสดงสีหน้าละโมบออกมา แม้แต่ลั่วเฉิงกงก็ยังแสดงสีหน้าละโมบอย่างห้ามไม่ได้เช่นกัน แต่เมื่อคิดว่าของสิ่งนี้ตกเป็ของเขาแล้ว ก็ทำเอาตื่นเต้นแทบทนไม่ไหว เขาคิดกระทั่งจะให้ลูกชายของเขาใช้ดีหรือว่าตัวเขาจะใช้เองดี!
“ยินดีกับผู้าุโใหญ่ลั่วด้วย เชื่อว่าอีกไม่นานตระกูลลั่วจะส่องสว่างในแผ่นดินต้นกำเนิดอีกครั้ง!” อู๋จงเทียนคำนับกล่าวอวยพร ถึงแม้เขาจะตื่นเต้นมาก แต่ไม่กล้ามีความคิดยื่นมือเข้าแทรก อย่างไรเสียก็เป็ของชิ้นที่ท่านทูตมอบให้ตระกูลลั่ว เพื่อมอบของสองสิ่งนี้เขาถึงกับจากโลกชั้นสูงลงมายังโลกชั้นล่างเป็กรณีพิเศษ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามให้ความสำคัญกับตระกูลลั่วมาก ถ้าของสิ่งนี้ถูกคนตระกูลลั่วใช้ย่อมไม่เป็ไร แต่หากถูกคนนอกเอาไป เกรงว่าต่อให้เข้าสู่โลกชั้นสูงได้ก็คงเจอกับปัญหาอีกอยู่ดี
“ขอบคุณสำหรับการดูแลถูเอ๋อร์ของท่านทูต พวกเราได้เตรียมงานเลี้ยงเอาไว้แล้ว...”
“นั่นมันอะไร...” ลั่วเฉิงกงพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีคนส่งเสียงขัดขึ้นกะทันหัน
เหนือศีรษะของคนมากมายพลันมืดลง จนได้แต่เงยหน้ามองขึ้นไป และได้เห็นว่าบนท้องฟ้ามีเงาั์ร่างหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาจากที่ไกลๆ
“ว่าว!... ” ราวกับมีใครบางคนฉุกคิดขึ้นได้ นั่นไม่ใช่นกั์ แต่เป็ว่าวขนาดใหญ่
“เหมือนจะลอยมาจากทางูเาซีหลิว...”
“เหมือนจะมีคนอยู่ด้วย... ” ในตอนที่ว่าวเข้ามาใกล้ ในที่สุดก็มีคนเห็นว่าใต้ว่าวคล้ายจะมีเงาเล็กๆ สองร่างอยู่
ทูตเยาว์วัยถึงกับขมวดคิ้ว ลั่วเฉิงกงเองขมวดคิ้วไม่ต่างกัน นี่เป็ใครกัน ถึงกลับกล้าใช้ว่าวขนาดั์เดินทางมายังตระกูลลั่ว
“คงเป็เพียงเด็กซุกซนสองคน... ” อู๋จงเทียนได้แต่หัวเราะ ระดับพลังของเขาแข็งแกร่งมาก เพียงตอนที่ว่าบินเข้าใกล้เขาก็เห็นเด็กสองคนนั้นแล้ว จากมุมมองของเขาเป็ไปได้มากว่าจะเป็เพียงเด็กซุกซนสองคน แต่ในใจกลับใเล็กน้อย ถึงกลับมีคนกล้าใช้ว่าวเดินทางบนอากาศ เรียกได้ว่าต้องใช้ความกล้าอย่างมหาศาล แถมยังมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เลว หลังจากเสร็จงานเขาตั้งใจจะแวะไปดูเสียหน่อย ว่าเป็เด็กของตระกูลไหนกันแน่ นับว่าเป็คนมีพร์ไม่หยอก แต่พอสายตาของเขาเบนกลับมาที่หน้าของลั่วเฉิงกง กลับพบว่าสีหน้าของคนผู้นี้ช่างดูย่ำแย่ยิ่งนัก
“พวกนั้นะโลงมาแล้ว...” ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาว่าเป็ใครกันแน่ที่ขี่ว่าวกลางหาวเช่นนี้ ก็มีคนส่งเสียงร้องใดังขึ้น เมื่อว่าวบินผ่านจวนใหญ่แห่งนี้ เงาสองคนบนว่าวกลับร่วงลงมา ความเร็วราวกับดาวตกพุ่งลงพื้นก็ไม่ปาน
เื่ในครั้งนี้แม้แต่ทูตเยาว์วัยก็ยังต้องแปลกใจ ว่าวบนท้องฟ้าสูงจากพื้นดินเกือบร้อยจั้ง ความสูงระดับนั้นต่อให้เป็เขาตกลงมา เกรงว่าก็คงาเ็สาหัส เขาไม่เชื่อว่าในโลกชั้นล่างจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันที เพราะเขาเห็นสองคนที่กำลังร่วงลงมากลับมีเชือกยาวๆ เส้นหนึ่งผูกอยู่ด้านหลังและทิ้งตัวลงจากบนว่าว เห็นได้ชัดว่าเงาทั้งสองไม่ได้ตกลงมาแต่เป็โรยตัวลงมาต่างหาก
“ลั่วถู... ” มีคนเผลอเอ่ยเรียกออกไป ทำเอาสีหน้าของทูตเยาว์วัยเปลี่ยนไปทันที เพราะคนที่เผลอเรียกออกไปเป็ลั่วอิงซานที่ยืนห่างจากเขาไปไม่เท่าไรนั่นเอง
การที่ลั่วอิงซานเอ่ยเรียกชื่อลั่วถูเช่นนี้ ทำให้ในสายตาของทูตเยาว์วัยกะพริบวาบด้วยสีหน้าดุดัน ลั่วอิงซานราวกับถูกูเาั์ลูกหนึ่งกดทับเข้าเสียแล้ว สีหน้าซีดเผือดไปในทันที เหมือนจะรู้แล้วว่าชื่อที่ตัวเขาเรียกออกมาเมื่อครู่เป็ความผิดที่โง่งมขนาดไหน
ลั่วเฉิงกงไม่รับรู้ปัญหาระหว่างลั่วอิงซานกับทูตเยาว์วัยแต่อย่างใด สายตาของเขาจดจ้องไปยังร่างของคนสองคนที่โรยตัวลงมา เขาย่อมรู้จักดี คนที่ตกลงมาคือคนที่เขาคิดหาทางสังหารให้ตายให้ได้ คิดหาทางหยุดยั้งไม่ให้กลับมาเจียงหยินในเวลาสำคัญเช่นนี้ ลั่วถูนั่นเอง
การกลับมาของลั่วถูเป็เื่ที่ลั่วเฉิงกงกังวลใจที่สุด ดังนั้น หลายวันนี้เขาแทบวางตาข่ายครอบคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน ทั้งในและนอกจวนตระกูลลั่ว หากลั่วถูปรากฏตัวออกมา เขาย่อมลงมือจำกัดลั่วถูโดยไม่เกี่ยงวิธี อย่างน้อยก็ต้องจับไว้ได้ อย่าให้ไปทำลายแผนการของเขาได้เด็ดขาด กระทั่งทางจากเมืองเทียนตูมาถึงเจียงหยินเขาก็วางสิ่งกีดขวางไว้มากมายนัก เพียงแต่หลายวันมานี้ เพราะเื่ของหอการค้าตระกูลว่าน ซื่อไห่และผู่จี้ ทั้งสามหอการค้าทำให้ตระกูลลั่วมีเื่วุ่นวายจนแทบไม่ได้หลับได้นอนกันหมดแล้ว จึงต้องใช้คนจำนวนมากในเมืองเทียนตู ทำให้เื่การลอบโจมตีระหว่างเส้นทางจากเมืองเทียนตูมาเจียงหยินส่วนใหญ่ต้องถอนกำลัง ทำได้เพียงวางกำลังคนจำนวนมากไว้ทั้งในและนอกจวนตระกูลลั่วแทน ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าลั่วถูจะถึงกลับทำว่าวขนาดั์ บินจากูเาซีหลิวหลายสิบลี้มาถึงเหนือจวนตระกูลลั่วได้ ทำเอากับดักซุ่มโจมตีทั้งหลายที่เขาวางไว้เสียเปล่าทั้งหมด
อย่างไรเสียลั่วเฉิงกงก็เป็ผู้มากประสบการณ์ผ่านหลากหลายเื่ราวมาอย่างโชกโชน ทำให้เขาคิดวิธีรับมือได้ทันที จากนั้นกล่าวเบาๆ “บังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าลอบโจมตีจวนตระกูลลั่ว... ” กล่าวไปพลาง เขาก็คว้าอาวุธทางทหารอันเป็ธนูคันใหญ่ที่แขวนอยู่คันหนึ่งไปพลาง จากนั้นยิงศรดอกหนึ่งออกไปด้วยความโกรธ ทว่าเมื่อยิงออกไปได้ไม่ทันไรก็ถึงกับต้องตะลึงงัน เพราะว่าลูกศรเพิ่งยิงขึ้นฟ้า ก็ถูกหินก้อนหนึ่งพุ่งชนตกลงใส่หลังคาเสียแล้ว
เป็ฝีมือของทูตเยาว์วัยผู้นั้นเอง
สีหน้าของลั่วเฉิงกงบิดเบี้ยวเสียจนน่าเกลียดน่าชัง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านทูตถึงขัดขวางลูกศรของเขา เขามั่นใจว่าถ้าไม่ใช้เพราะหินก้อนนั้น ลูกศรของเขาต้องยิงเชือกที่ห้อยลงมาจนขาดได้แน่ ขอแค่เชือกขาด ลั่วถูต้องกลายเป็เนื้อบดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อสายตาของเขาเหลือบมองไปที่ลั่วอิงซาน และเห็นเข้ากับลั่วอิงซานที่กำลังสั่นกลัวก็ทำเอาหัวใจของเขาแทบร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ตูม ตูม... ” ในตอนนั้นเอง เงาทั้งสองได้ไถลตัวมาจนถึงปลายเชือกแล้ว ร่างของลั่วถูะโลงมาจากกลางอากาศ ดาบในมือตัดเชือกด้านหลังอย่างฉับไว ทำให้เขาและเจียงิ่ตกลงบนหลังคาอย่างรุนแรง จนถึงกับร่วงทะลุหลังคาลงมาทั้งอย่างนั้น และร่วงลงมาในบ้านทันที
“หยุดอยู่ตรงนั้นให้หมด!” ขณะที่ศิษย์ตระกูลลั่วทั้งหลายคิดจะพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ทูตเยาว์วัยกลับส่งะโด้วยน้ำเสียงอันเ็า จนบ้านหลังนี้ราวกับเต็มไปด้วยอากาศเย็นเยียบหนาวเหน็บไปทุกพื้นที่ ทุกคนราวกับถูกแช่แข็ง ไม่มีใครกล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า
“หวา... ” ผ่านไปครู่หนึ่ง เงาที่ดูเปี่ยมเล่ห์ร่างหนึ่งก็ผลักประตูออกมาจากห้องที่พังยับเยิน ฝุ่นที่เปรอะเต็มหน้าเต็มหัวแทบจะกลบหน้าตาที่แท้จริงของพวกเขาเสียมิด ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระทั่งการก้าวเดินก็ยังเอนไปเอนมา ชวนให้ผู้คนได้แต่จินตนาการว่าการโรยตัวลงมาจากความสูงเกือบร้อยจั้ง ต้องเป็คนระห่ำถึงเพียงไหนกัน แม้แต่อู๋จงเทียนเองก็สนใจจนออกนอกหน้าไปด้วย แต่เขาพลันพบว่าคนผู้นี้เป็เพียงคนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญาผู้หนึ่ง ทำเอาถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ คนธรรมดาผู้หนึ่งที่ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น แต่กลับยังมีชีวิตอยู่... นี่ไม่คงไม่ใช่เพียงเื่ของความกล้าเสียแล้ว เกรงว่าเื่ทั้งหมดคงอยู่ในการคำนวณของฝ่ายตรงข้ามมาั้แ่แรกเสียมากกว่า
“อืม ท่าทางจะยังไม่สาย... ” คนหนุ่มที่ฝุ่นเปรอะเต็มหน้าเดินออกจากห้อง พลางกวาดมองรอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง และยิ้มออกมาอย่างพอใจ พออ้าปากที ฟันขาวก็โผล่ออกมาที เมื่อเทียบกับร่างที่เลอะเทอะจนเป็สีเทาไปทั้งตัวก็เห็นได้ชัดเจนทีเดียว และตามด้วยสตรีนางหนึ่งเดินโซเซตามออกมา
“ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย... ” สตรีนางนั้นรีบลุกเดินออกมาทั้งที่ยังโซซัดโซเซอยู่ พลางเอ่ยปากออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจราวกับไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนอยู่รอบตัวมากมายถึงขนาดนี้
“เ้าเป็ใคร... ” สายตาของทูตเยาว์วัยหยุดลงที่ร่างของเด็กหนุ่ม จากนั้นเอ่ยถามออกมาอย่างสงบนิ่ง
“ยืนไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าน้อยคือลั่วถู! คำว่าลั่วจากลั่วถัวที่หมายถึงอูฐ คำว่าถูจากป้าถูที่หมายถึงยอดราชัน!” เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้