คำถามนั้นมีเพียงทั้งสองที่ได้ยิน ซึ่งก็ทำให้จ้าวซานตัวสั่น เขามองเวินซีด้วยความหวั่นใจ สีหน้าของนางดูระแวดระวัง เมื่อเห็นนางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าก็พลันนึกถึงภาพที่นางฆ่าคนในคืนนั้น จ้าวซานจึงรีบปฏิเสธด้วยความกลัว
“ข้าคือจ้าวต้าน มีอันใดหรือ? ข้าผิดแปลกไปที่ใดกัน?”
“ข้าจะให้โอกาสเ้าเป็ครั้งสุดท้าย ข้าถามดีๆ เ้าเป็ผู้ใดกันแน่?”
สายตาของเวินซีเฉียบคม น้ำเสียงเคร่งขรึมของนางราวกับดังออกมาจากขุมนรก
ในเวลานั้นบรรยากาศน่าอึดอัดมากขึ้น จ้าวซานอยากจะฉีกยิ้ม แต่เมื่อเห็นสายตาคู่นั้นเขาก็ทำอันใดไม่ถูก
ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะต้องโดนจับได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วเช่นนี้ นี่เพิ่งจะสามวันเอง พวกนายท่านคงเพิ่งจะไปถึงเพียงประตูเมืองด่านแรก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอันใด เวินซีก็ดีดเข็มเงินออกไปปักที่หัวเข่าของเขา จ้าวซานเ็ปจนอ้าปากค้าง ก่อนที่ยาเม็ดหนึ่งจะเข้าไปในปาก
เขามองเวินซีอย่างไม่เชื่อสายตา กลิ่นของยาอบอวลอยู่ในปาก จ้าวซานพยายามจะคายออกมา แต่ยาที่อยู่ในปากกลับละลายอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเวิน...” ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็มีอาการเหม่อลอยไร้สติ
“เ้าคือจ้าวซานหรือ?”
เวินซีมองดูใบหน้าของเขาซึ่งไม่มีร่องรอยการปลอมตัว เท่าที่นางจำได้ผู้ที่มีใบหน้าเหมือนกับจ้าวต้านก็มีเพียงแค่จ้าวซาน
“ใช่”
คำสารภาพเบาๆ เพียงคำเดียวก็ทำให้ทั้งร่างของเวินซีหนักอึ้ง นางทั้งอึ้งและโมโห
นางรู้ว่าจ้าวต้านมิใช่คนธรรมดา แต่เหตุใดจะต้องปกปิดเื่ที่สลับตัวกับจ้าวซานแล้วจากไปด้วย นางมิใช่ผู้ที่จะเกาะติดเขาไม่ยอมปล่อยเสียหน่อย เขาไม่กลัวเลยหรือว่าหากนางมองออกแล้วจะทำเื่อันใดกับจ้าวซาน?
“คุณหนูเวินซี...”
เมื่อฤทธิ์ยาหายไป จ้าวซานก็มองดูท่าทีของนาง หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเพียงแค่เอ่ยเรียกนางเบาๆ
“ออกไปเถิด” ในเวลานั้นเวินซีเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเป็ปกติ
“คุณหนูเวินซี นายท่านทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผลขอรับ เขาเป็...”
จ้าวซาน้าจะอธิบาย
“เขาเป็ผู้ใดก็ไม่เกี่ยวกับข้า ในเมื่อวันนี้เ้าเป็จ้าวต้านก็ทำหน้าที่ของเ้าให้ดี อย่าให้พวกยียีมองออก” พูดจบนางก็เดินออกไปที่ประตู
“คุณหนูเวินซี ท่านรู้ได้เช่นไรว่าข้ามิใช่นายท่านน่ะขอรับ?”
เขาติดตามจ้าวต้านมานาน ค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองมิได้เผยพิรุธอันใด
เมื่อได้ยินดังนั้นเวินซีก็หยุดลง “ข้าตรวจชีพจรของเ้า เ้าไม่มีหนอนกู่ ข้าเตือนด้วยความหวังดีนะ เ้านายของเ้าในยามนี้ราวกับตะเกียงที่ไร้น้ำมัน เขาอยู่ได้ไม่นานแล้ว”
“เนี่ยนหานกู่ไม่มีทางรักษาได้ นายท่านเคยได้หาหมอมาทั้งใต้หล้าแล้วแต่ก็หมดปัญญา ยามนี้เขาปล่อยวางเื่ความตาย เพียงแค่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุดก็เท่านั้นขอรับ”
จ้าวซานตอบตามจริง
“หากเ้า้าจะไปหาเขา ข้าช่วยเื่แกล้งตายได้” นางเอ่ย
“นายท่าน้าให้ข้าน้อยคอยอยู่ดูแลคุณหนูเวินซีขอรับ”
“ข้ามิ้า”
เวินซีตอบอย่างเ็า ยามนี้นางเข้าใจเื่ราวระดับหนึ่งแล้ว จ้าวซานคือจ้าวต้านตัวจริง ที่ท่านย่าจ้าวบอกว่าเขาอยู่ในค่ายทหาร คนในค่ายทหารที่จ้าวซานเรียกว่า นายท่าน ก็มีเพียงผู้ที่เป็แม่ทัพ หรือแม้ว่าเขาจะมิได้เป็แม่ทัพ แต่ศักดินาก็คงไม่ธรรมดา
เื่ราวก็คงเป็เพราะจ้าวต้านได้รับาเ็จึงมาอยู่ที่นี่ บวกกับถูกพิษหนอนกู่ เขาจึงคิดจะสลับตัวกับจ้าวซาน และอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัวก่อน
ในที่สุดก็หายสงสัยเื่แปลกประหลาดที่เจอก่อนหน้านี้ ผู้ที่ทำร้ายจ้าวต้านรู้แล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่จึงส่งคนมาลอบสังหาร
“คุณหนูเวินซี ข้าขัดคำสั่งนายท่านมิได้ขอรับ”
จ้าวซานให้เกียรติเวินซีในฐานะที่เป็นายหญิง เมื่อได้ยินที่นางไล่ เขาก็รีบคุกเข่าลง แต่ก็ถูกนางห้ามไว้ก่อน
เวินซีมิได้พูดอันใดอีก ก่อนจะออกไปที่หน้าประตู
ในเวลานั้นท่านย่าจ้าวรู้สึกผิด เสียงร้องจึงอ่อนลงมาก แต่ผู้ที่มามุงดูก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางมีความมั่นใจกลับมาขณะที่เหลือบมองเวินซี
“ในเมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่าข้าคือจ้าวต้าน เหตุใดยังมิไปอีก? จะต้องบีบให้ข้าไล่ไปให้ได้เลยใช่หรือไม่?” จ้าวซานยืนบังเวินซีพลันตะคอกใส่ท่านย่าจ้าว
“เสียคนไปจริงๆ ในสายตาเ้ายังมีตระกูลจ้าวอยู่หรือไม่?” ท่านย่าจ้าววางท่าเป็ผู้าุโ
“ตอนนั้นเป็ท่านเองที่รังเกียจคนยากรักคนรวย ไล่ท่านแม่ของข้าที่ตั้งครรภ์อยู่ออกจากตระกูลจ้าว ให้นางเอาชีวิตรอดคนเดียวในฤดูหนาว ั้แ่นั้นมาข้าก็มิใช่คนตระกูลจ้าว”
“ที่ท่านมาเกาะเกี่ยวเราไม่เลิก ก็เป็เพราะเงินที่เวินซีหามาได้ ทำให้ท่านอยากได้อยากมี วันนี้ข้า จ้าวต้าน จะพูดต่อหน้าทุกคนว่าเงินเป็ของเวินซี ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับตระกูลจ้าวสักแดง”
คำพูดของจ้าวซานสร้างความะเืใจให้ท่านย่าจ้าวเป็อย่างยิ่ง นางอับอายจนรู้สึกโกรธแค้น พลันใช้ท่าทีของสตรีบ้านนอกป่าเถื่อนวิ่งเข้าไปหาเวินซีด้วยความโกรธ
แต่เมื่อนางเข้ามา เวินซีก็ยกเท้าขึ้นถีบ ท่านย่าจ้าวล้มลงกับพื้นและร้องลั่น เวินซีจึงใช้โอกาสนี้ดีดเม็ดยาเข้าปากนาง
“นางบ้า เ้าให้ข้าทานสิ่งใดน่ะ?”
ใบหน้าของท่านย่าจ้าวเปลี่ยนไป นางเอามือจับคอของตน
“ยาที่จะทำให้ท่านลำบากครั้งเดียวแล้วสบายไปตลอดน่ะสิ”
เวินซียิ้มนิ่งๆ ในมือหยิบถุงหอมออกมา กรีดมันออกพลันโรยผงหอมลงไป
ผิวของท่านย่าจ้าวเปลี่ยนเป็สีเขียวในทันที จากนั้นก็เริ่มเ็ปไปถึงกระดูก
“เ้า...เ้า...ฆ่าคน...”
นางไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้ก็เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
“พิษเยี่ยนฉื่อ ปกติฤทธิ์ของมันจะแฝงอยู่ในร่างกาย เมื่อได้เข้าใกล้หรือััเซียงฉ่าว [1] มันก็จะแผลงฤทธิ์ มิทำให้ตายหรอก แค่เ็ปราวกับโดนแมลงกัดกินก็เท่านั้น”
“ต่อไปนี้ข้าจะให้คนในร้านแขวนถุงหอมเซียงฉ่าว ท่านจะเข้าใกล้เรามิได้แม้สักนิด ท่านมารบกวนเราถึงสามคราแล้ว นี่ถือว่าเป็การเตือนนะ”
“หากมีคราหน้าอีก ข้าจะทดลองพิษที่มีทั้งหมดกับท่าน”
วิธีเดียวที่จะจัดการคนไร้ยางอายได้ก็คือการไม่ยอมปรานี
เวินซียืนนิ่งอย่างดุดัน ในที่สุดท่านย่าจ้าวก็เข็ดขยาด นางอดทนต่อความเ็ปและรีบลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะให้คนรับใช้ของตนช่วยพยุงตัวออกไป
“เอาของของท่านไปด้วย”
เวินซีพูดจบ โลงศพก็ถูกหามออกไป ความโกรธที่นางเคยมีอยู่เต็มอกได้ลดลงไปเล็กน้อย สิ่งที่ทำไปในวันนี้คงจะทำให้ท่านย่าจ้าวไม่กล้าโผล่หน้ามาอีก
“คุณหนูเวินซี...”
ในขณะนั้นจ้าวซานก็เอ่ยปาก แต่เวินซีไม่สนใจ พลันเดินหลบเข้าไปในร้าน
จ้าวซานที่ถูกจับได้รู้สึกละอายใจที่จะเผชิญหน้า จึงมิได้ตามนางไป บรรยากาศน่าอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไปหยิบอุปกรณ์ แสร้งออกไปล่าสัตว์เพื่อหลบหน้านาง
“คุณหนูเวินซี วันนี้เราปิดร้านได้หรือไม่ขอรับ? การแข่งขันทำเครื่องหอมรอบแรกวันนี้ตระกูลเวินแข่งกับตระกูลไป๋ พวกเขาต้องทำเครื่องหอมต่อในสนามแข่งขอรับ”
“เป็สองตระกูลที่มีโอกาสจะเป็ผู้ชนะที่สุดของปีนี้ ข้าอยากไปดูขอรับ”
เมื่อเื่วุ่นวายจบลง จ่างกุ้ยที่เฝ้าดูเหตุการณ์จากมุมร้านก็เดินออกมาพูดกับนางอย่างลำบากใจ
“วันนี้เกิดเื่ขึ้นแล้วก็คงไม่มีลูกค้าหรอก ไปเถิด อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะออกขายพิษเยี่ยนฉื่อนะ”
พิษเยี่ยนฉื่อที่ใช้ไปในวันนี้ ถือว่าเป็การโฆษณาอย่างหนึ่ง
“คุณหนูเวินซี ไปด้วยกันเถิดขอรับ” จ่างกุ้ยเอ่ยพลางนำพิษเยี่ยนฉื่อมาจากเวินซี นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบรับ
การแข่งขันทำเครื่องหอมเต็มไปด้วยเสียงของผู้คนมากมาย บรรยากาศครึกครื้นเป็อย่างยิ่ง ในขณะนั้นตระกูลไป๋และตระกูลเวินเริ่มเข้าสู่สนาม
ที่โต๊ะของผู้ตัดสิน ฮูหยินซ่งกำลังสนทนากับคนสนิท แต่เมื่อนางเหลือบไปเห็นเวินซีกำลังหาที่นั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นยืน
“เวินซี!”
เวินซีหันไปมอง เมื่อเห็นสายตาที่เป็มิตรของฮูหยินซ่งจึงเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย
“ฮูหยินซ่ง”
“ข้าก็นึกว่าเ้าจะไม่สนใจการแข่งขันจึงมิได้เรียกเ้ามาด้วย ไม่คิดเลยว่าเ้าจะมา เช่นนั้นก็นั่งลงข้างข้าเถิด”
ฮูหยินซ่งให้คนนำเก้าอี้ของผู้ตัดสินมาเพิ่มโดยมิได้สนใจว่าเวินซีจะปฏิเสธหรือไม่ และบังคับให้นางนั่งลง
“นี่คือสหายของข้า เวินซี”
นางแนะนำให้ฮูหยินอีกสองคนรู้จัก ฮูหยินทั้งสองก็พากันส่งยิ้มให้เวินซีเป็การทักทาย
“ฮูหยินซ่ง ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะที่จะนั่งตรงนี้เ้าค่ะ”
“นั่งเถิด ตรงนี้มองเห็นได้ชัดทั้งสนามแข่งเชียว”
ฮูหยินซ่งวางมือลงบนไหล่ของนาง “ข้าได้ยินมาว่าเครื่องหอมที่ตระกูลเวินจะทำวันนี้เป็เครื่องหอมสูตรล้ำค่าของตระกูลเวิน หากมิได้ดูจะน่าเสียดายแย่นะ”
เวินซีขัดนางมิได้จึงทำได้เพียงนั่งลง จากนั้นสายตาก็มองไปที่เวที
“ประทานโทษขอรับ วันนี้ข้ามีธุระนิดหน่อยจึงมาสาย”
ในขณะนั้นก็มีเสียงของบุรุษที่คุ้นเคย เวินซีจึงหันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ
เชิงอรรถ
[1] เซียงฉ่าว 香草 คือ วานิลลา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้