ที่ห้องเล็กของร้านเครื่องหอม ในมือของลู่สือถือน้ำเย็นอยู่หนึ่งกะละมัง เขาเดินไปมาอย่างร้อนใจที่ข้างเตียง เมื่อเงยหน้าเห็นเ้านายที่ยังนอนมิได้สติอยู่บนเตียงก็พูดไม่ออก
เวินซีนั่งยองอยู่ข้างเตียง คิ้วขมวดกันเป็ปม หลังจากที่ทายาที่แผลของโจวอวี่ชางแล้วก็ใช้เข็มเงินปักลงตามร่างกายของเขา เมื่อมั่นใจว่าเืไหลน้อยลงก็ลุกขึ้น “ลำบากเ้าแล้วนะ”
“จะเทียบกับคุณหนูเวินซีได้เช่นไรขอรับ”
ลู่สือวางกะละมังลง บิดผ้าหมาดๆ แล้วนำไปวางบนหน้าผากของโจวอวี่ชาง
“คุณหนูเวินซี นายน้อยโจว...จะช่วยเขาให้ฟื้นกลับมาได้หรือไม่ขอรับ? นี่ก็จะสามวันแล้ว นายน้อยยังหลับมิได้สติ ไข้ยังไม่ลดอยู่เลย”
ลู่สือเปลี่ยนผ้าให้เขาเสร็จก็ถอยออกไป สีหน้าเป็กังวล
สามวันมาแล้ว คุณหนูเวินซีเฝ้าอยู่ข้างกายนายน้อยโจวตลอด นายน้อยจ้าวต้านก็ต้มยาเข้าๆ ออกๆ ห้องมิได้หยุด แต่ยังมิเห็นว่านายน้อยโจวจะอาการดีขึ้น
“ไปเตรียมเหล้ากับผ้าขาวมา เร็วเข้า”
าแยังคงแย่ลงเรื่อยๆ ยาที่ทาไปเมื่อครู่ระเหยออกหมดแล้ว เมื่อเห็นว่ามันมิได้ผล เวินซีก็มีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วเอ่ยปากสั่งทันที
ลู่สือไม่กล้าชักช้า เขารีบวิ่งออกไป
ยามนี้เหลือนางเพียงคนเดียวในห้อง เวินซีถอนหายใจยาว นั่งยองที่ข้างเตียงแล้วใช้เข็มเงินขับเืที่ติดเชื้อออกจากร่างของโจวอวี่ชาง
เืสีแดงเข้มมากจนดูเหมือนเป็สีดำ เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟมันยังดูเหมือนเป็สีน้ำเงินอีกด้วย
นางนำเืเทลงบนพื้น ฟองอากาศจำนวนมากผุดขึ้นมา ดูน่าสะอิดสะเอียน
“เอี๊ยด-”
เสียงประตูไม้เปิดออก ขณะนั้นจ้าวต้านนำยาร้อนๆ ยกเข้ามา เมื่อเห็นว่าเวินซีมีท่าทีเหนื่อยล้า เขาก็วางยาลง พยุงนางขึ้นมานั่งแล้วรินน้ำชาให้
เวินซีจิบชาไปเล็กน้อยก็ลุกขึ้นจะไปรักษาโจวอวี่ชางต่อ แต่ถูกจ้าวต้านรั้งไว้
“พักผ่อนก่อนเถิด ั้แ่ออกมาจากจวนตระกูลเวิน เ้าก็ยังมิได้พักผ่อนเลย หากเ้าเหนื่อยจนล้มไปจะไม่มีผู้ใดรักษาโจวอวี่ชางได้นะ ที่ลำบากเช่นนี้เป็เพราะไม่มีทางถอนพิษได้หรือ?”
“พิษน่ะถอนได้ แต่าแแย่มาก ยากที่จะจัดการกับแผลพวกนั้น” เวินซีตอบ
นางใช้ยาพิษมาั้แ่เด็ก ชำนาญการยับยั้งพิษ พิษเพียงแค่นี้จะยากเกินความสามารถได้เช่นไร แต่าแของโจวอวี่ชางติดเชื้อหนัก มันแย่ลงเรื่อยๆ นางเกรงว่าหากกำจัดพิษออกแล้วร่างกายของโจวอวี่ชางจะรับไม่ไหว
สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือต้องฆ่าเชื้อให้าแ นี่เป็ยุคโบราณ ยาที่สามารถฆ่าเชื้อได้นั้นมีน้อยยิ่งนัก คิดไปคิดมา นางก็ทำได้เพียงลองใช้เหล้า
ลู่สือนำผ้าขาวและเหล้าที่ซื้อมาส่งให้เวินซี
เมื่อเหล้าหยดลงบนแผลของโจวอวี่ชาง เขาก็พลันลืมตา กรีดร้องออกมาเสียงดัง เวินซีมือไม้ไว ใช้ผ้าขาวยัดเข้าปากของเขา
“อดทนไว้เ้าค่ะ”
นางเทเหล้าขาวเพื่อล้างาแต่อไป โจวอวี่ชางเ็ปจนนอนดิ้นอยู่บนเตียงโดยมีลู่สือกดไว้แน่น
าแถูกล้างออกจนเห็นเนื้อสด กลิ่นเหม็นเน่าลดลงมาก เวินซีใช้ยาโปะให้เขาอีกครา ในที่สุดยาก็ซึมเข้าแผล
เวินซีนำผ้าขาวออกจากปาก โจวอวี่ชางนอนลงบนเตียง หอบหายใจอย่างหนัก
“่นี้เ้าเฝ้าดูาแให้ดีนะ หากมีสิ่งผิดปกติให้บอกข้าทันที”
เวินซีพูดกับลู่สือ
“คุณหนูเวินซี าแนี้จะหายดีหรือไม่ขอรับ?”
“หากยังไม่ถอนพิษออกก็หายมิได้หรอก ต้องรอให้นายน้อยเ้าร่างกายแข็งแรงขึ้นมาสักหน่อย แล้วข้าค่อยถอนพิษออก ขอเพียงแค่าแของเขาไม่แย่ลง ก็ไม่มีปัญหา”
“ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีขอรับ ขอบพระคุณจริงๆ บุญคุณครานี้ลู่สือจะเป็วัวเป็ม้าให้ท่านในชาติถัดไปนะขอรับ”
ลู่สืออยากจะคุกเข่าลงแต่ก็ถูกเวินซีดึงขึ้นมา “ยามนี้บอกข้าได้หรือยังว่าเกิดอันใดขึ้น?”
“ข้าบอกเ้าเองเถิด เสี่ยวสือมิรู้อันใดมากหรอก” ขณะนั้นโจวอวี่ชางพอจะมีสติขึ้นมาแล้ว ลู่สือเห็นเ้านายจะลุกขึ้นนั่งก็เข้าไปพยุง
“หลังจากที่เ้ากลับไปครานั้น ข้าได้เห็นเวินเยียนพบเจอกับบุรุษผู้หนึ่งที่สวนหลังจวน พวกเขามิได้เห็นข้า ข้าแอบฟังพวกเขาพูดคุยกันบอกว่าจะฆ่าเทพา ท่านแม่ทัพต้าน”
“เมื่อรู้ความผิดที่ใหญ่หลวงเช่นนี้ เดิมทีข้าจะแอบนำเื่ไปบอกฮูหยินซ่ง แต่ในตอนที่ข้าจะออกมา กลับถูกพวกเขาพบเข้า เสี่ยวสือ้าช่วยข้าจึงบอกว่าคนที่อยู่สวนหลังเป็เขาเอง”
“คุณชายซูกับเวินเยียนคิดจะปิดปากเสี่ยวสือและฆ่าเขาให้ตาย ข้าเข้าไปรับคมดาบแทนเสี่ยวสือ หาข้ออ้างให้เขาออกไปจากจวนเพื่อซ่อนตัว”
“เวินเยียนหาเสี่ยวสือไม่เจอ นางจึงมาทดสอบข้าว่ารู้เื่หรือไม่ ข้าดันพูดออกไปเพราะไม่อยากให้พวกเขาทำผิดซ้ำซาก แต่ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขากลับคิดจะฆ่าข้า ทำพิษใส่าแของข้า
เวินซีได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็หันไปมองจ้าวต้านด้วยสีหน้าแปลกๆ
นางนึกว่าโจวอวี่ชางเป็คนของตระกูลเวิน เช่นนั้นแล้วคงจะไม่มีใครทำอะไรเขา แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็เพียงหมากตัวหนึ่งที่ตระกูลเวินจะสลัดทิ้งเมื่อใดก็ได้
“เื่นี้ทุกคนในตระกูลเวินรู้หมดเลยหรือ?” นางถามอีกครั้ง
โจวอวี่ชางเม้มริมฝีปาก ไม่นานเขาก็พยักหน้า
“เวินอวิ๋นโปรู้เื่นี้ แต่เห็นแก่สถานะของข้า ไม่อยากให้ข้าตายจึงหาคนมาช่วย ยามนี้หากข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะต้องเคลื่อนไหวอีกแน่”
“ที่จวนตระกูลซ่งก็มีคนจับตาอยู่เช่นกัน หากท่านไปที่จวนซ่ง ก็คงจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ เช่นนั้นท่านพี่คิดจะทำอันใดเ้าคะ?” เวินซีเอ่ยถาม
“เวินซี พี่ขอร้องเ้าอีกเื่ได้หรือไม่” โจวอวี่ชางมีสายตาแน่วแน่ เขาลงจากเตียงมาช้าๆ ไอพลางคุกเข่าลงกับพื้น
เวินซีจะพยุงเขาขึ้นมา แต่ก็ถูกเขาสะบัดออก
“เื่อันใดเ้าคะ?”
“ปล่อยข่าวเื่ที่ข้าป่วยหนักจนตายออกไป ข้าอยากจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเวิน ต่อจากนี้ตระกูลเวินก็คือตระกูลเวิน ข้าคือข้า หากว่าน้องไม่ช่วยพี่ พี่ก็จะคุกเข่าเช่นนี้ไม่ลุกขึ้นอีก แค่ก...แค่กๆ...”
มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของโจวอวี่ชางกำแน่น แววตาของเขาแดงก่ำ
เขาผิดหวังกับตระกูลเวินยิ่งนัก ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ตระกูลนี้มาตั้งหลายปี สุดท้ายกลับต้องโดนคนทั้งตระกูลรวมหัวกันฆ่า หากไม่มีเวินซี เกรงว่ายามนี้ตนเองคงจะกลายเป็ศพไปแล้ว
“คุณหนูเวินซี ได้โปรดช่วยนายน้อยของข้าด้วยเถิดขอรับ” ลู่สือก็คุกเข่าลงเช่นกัน
เวินซีมองทั้งสองด้วยความลำบากใจ
“ข้าจะจัดการเอง” จ้าวต้านที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปาก
“เ้ามีวิธีหรือ?” นางหันไปมองเขา
“พิษนี้มีแค่ในเมืองหลวง เมื่อได้รับพิษ เนื้อเยื่อจะเน่าเสีย จากนั้นจะลามไปทั่วทั้งร่างกาย วันพรุ่งข้าจะออกไปหาศพเน่าที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับโจวอวี่ชางมา”
“เพื่อที่จะมิให้พวกเขาสงสัย ต้องรบกวนให้เ้านำไปที่ตระกูลเวินด้วย”
จ้าวต้านมีวิธีรับมือกับสถานการณ์นี้ไว้แล้ว
โจวอวี่ชางจะตายมิได้ เขาเป็ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่อไปเขาจะเป็พยานได้ จะได้ใช้เพื่อบีบให้ฮ่องเต้ทำโทษหลานเยว่เฉิง
“แล้วลู่สือล่ะ?” เวินซีมองไปที่เขา
หากลู่สือยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลเวินจะต้องหาวิธีกำจัดเขาแน่ เขาเป็ผู้ติดตามโจวอวี่ชาง เป็ภัยพิบัติครั้งใหญ่ของพวกเขา
“คุณหนูเวินซี วางใจเถิดขอรับ ข้าน้อยได้คิดวิธีไว้แล้ว วันพรุ่งข้าจะกลับตระกูลเวินกับท่านด้วย หากข้ากลับไป คนตระกูลเวินถึงจะหมดความสงสัย”
ลู่สือก้มหัวลงกับพื้น
“เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ วันนี้พักผ่อนเถิด”
เวินซีเหนื่อยมาสามวันแล้ว เมื่อมีโอกาสพักผ่อนนางจึงพูดประโยคนั้นเพื่อตัดจบ แล้วพาจ้าวต้านกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
นางอยากจะนอนลงบนเตียงจนทนไม่ไหว
“เ้ารู้หรือว่าที่ลู่สือพูดนั้นหมายความเช่นไร?”
จ้าวต้านนอนลงข้างๆ เวินซี เขาเอ่ยถามพลันนึกอยากจะเอื้อมแขนไปโอบเอวนาง แต่นางกลับหลบออกไป เขาจึงทำได้เพียงเก็บแขนกลับ
“รู้สิ” ดวงตาของนางปิดลง น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยล้า
“ไม่ห้ามเขาหรือ?”
“เขามีเจตนาเช่นนั้นแล้วข้าจะห้ามไปไย? ตอนนี้หากทำให้ตระกูลเวินเชื่อได้นั้นดีที่สุด”
“วันพรุ่ง ตอนไปที่นั่นต้องระวังตัวด้วย โดยเฉพาะกับหลานเยว่เฉิง” เขาเอ่ยเตือน
“รู้แล้ว พักผ่อนเถิด”
“ได้”
จ้าวต้านสะบัดแขนเสื้อ พัดไฟในตะเกียงให้ดับลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้