“แบบนั้น … แบบนั้นผมขอเชิญทุกคนไปทานข้าว เพื่อเป็การปลอบขวัญ?”
หวงชานสายตาแหลมคมมาก แค่แวบเดียวก็เห็นเย่ชิงเฉิง และรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เกรงว่าเจียงไป๋คงจะจองแล้ว จึงไม่ได้พูดเซ้าซี้เื่นี้ ก็แค่ภายในใจคิดเล็กคิดน้อย แล้วก็มองไปที่พวกเฉิงเต้าหยุนที่อยู่ไกลออกไป และพูดกับเจียงไป๋อย่างยิ้มแย้ม
“ใช่ไหม เวลาก็พอประมาณแล้ว ทานข้าวสักหน่อยก็ดี”
เจียงไป๋ดูนาฬิกาข้อมือราคาถูกๆ ของตัวเองสักพัก เวลาก็พอประมาณแล้วถึงเวลาทานข้าวพอดี ในเมื่อหวงชานมีความตั้งใจ เขาก็ไม่ปฏิเสธ
เมื่อครู่พวกเฉิงเต้าหยุนก็มีน้ำใจมาก เจียงไป๋ก็ทำให้พวกเขาได้ติดต่อกับหวงชานสักหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ หากมาโรงภาพยนตร์กูซูอีก ก็จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาหาเื่แล้ว
ไม่นานก็เรียกคนมาสามคน หลังจากที่แสดงการขอโทษอีกฝ่ายที่เขาปิดบังฐานะที่เป็ผู้ลงทุน ไม่นานคนสองสามคนก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที
เพื่อนคนหนึ่งจู่ๆ ก็เปลี่ยนฐานะไปอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล ได้กลายเป็เถ้าแก่ของบริษัทภาพยนตร์คนหนึ่งแล้ว และยังเป็บุคคลที่มีพลังความสามารถมากมายคนหนึ่ง ยิ่งในระหว่างที่ไม่รู้อะไร ยังมีน้ำใจกับอีกฝ่าย เป็ธรรมดาที่ตี๋หู่กับพวกโจวฟาจะดีใจมาก
สำหรับเย่ชิงเฉิง นอกจากจ้องเจียงไป๋ตาโตแล้ว เหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะสถานะของเจียงไป๋มากนัก แต่ยังคงมีท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูอยู่อย่างนั้น
มัวแต่เรียกเจียงไป๋พี่ชายๆ อยู่นั่น ทำให้ผู้คนอิจฉาไปตามๆ กัน
แน่นอนว่าเธอก็สอบถามหวงชานอย่างแปลกใจ ทำไมผู้คนถึงเรียกเขาว่าหวงชานอะไรประมาณนี้
จนทำให้หวงชานเคอะเขิน จนไม่กล้าพูด
ล้อเล่นน่า ต่อหน้าเจียงไป๋ ใครจะกล้าเรียกตัวเองเป็เ้าพ่อ?
นอกจากเ้าพ่อจ้าวแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าพูดอย่างนี้แล้ว
คนกลุ่มหนึ่งมาที่โรงแรมหรูที่สุดของท้องที่ ทานข้าวมื้อที่ราคาไม่ธรรมดาในห้องโถงที่หรูหรา และยังดื่มเหล้าไปไม่น้อย
หลังจากที่ทานกันอิ่มหนำแล้ว หวงชานจัดคนพาพวกเขาทยอยส่งกลับ แน่นอนว่าก็รวมถึงเย่ชิงเฉิงด้วย
เดิมทีเธอเห็นว่าเจียงไป๋ยังไม่ไปเธอก็ยังอยากจะอยู่ด้วย แต่เจียงไป๋ไม่ได้รั้งให้เธออยู่ จึงต้องกลับไปอย่างไม่พอใจ
สำหรับเจียงไป๋ก็ยังอยู่ต่อ เพราะเมื่อครู่หวงชานได้แสดงเจตนาอยากให้เขาอยู่ต่อ
เห็นว่าเมื่อครู่ที่หวงชานก่อความวุ่นวายใหญ่โต แต่กลับทำให้เจียงไป๋ได้รับแต้มบารมีเป็พันแต้ม รวมๆ แล้วก็มีหนึ่งหมื่นหกพักแต้มแล้ว ในฐานะที่ทำให้เจียงไป๋มีความสุขมาก เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของหวงชาน
“เจียงไป๋ ยังเช้าอยู่เลย หรือไม่พวกเราไปสนุกกันสักหน่อย?”
หลังจากที่คนอื่นๆ ไปกันแล้ว หวงชานก็เข้ามาหา พลางพูดและยิ้มระรื่น
“สนุก? ที่ไหน?”
เจียงไป๋มองหวงชานอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าไอ้เ้านี่หมายความว่าอย่างไร?
“ผมมีคลับเฮาส์อยู่แห่งหนึ่ง ถึงแม้จะเทียบหอเจียงหนานไม่ได้ แต่ในกูซูแล้วก็ไม่เลวเลย สร้างติดริมแม่น้ำแต่ก็มีชื่อเสียงอยู่บ้าง อยากจะเชิญให้คุณไปเยี่ยมชมสักหน่อย”
“ได้สิ”
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เจียงไป๋ก็ตกลงไปแล้ว
ทั้งสองคนออกไปจากโรงแรมแล้ว แล่นรถไปที่คลับเฮาส์ริมน้ำเมืองกูซูของหวงชาน
คลับเฮาส์สวยงามพอสมควร หรูหราโอ่อ่า หน้าประตูทางเข้าพลุกพล่านมาก คนที่มาหากไม่ใช่คนรวยก็เป็ผู้ดีระดับสูง
พอลงจากรถแล้วก็มีคนมาต้อนรับพวกหวงชานทันที
ทั้งสองคนตรงขึ้นไป เดินไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสองติดริมน้ำห้องหนึ่ง เพิ่งจะเข้าประตูไปก็พบว่าเด็กสาวสวยสองสามคนรออยู่ตรงนั้นแล้ว
คนหนึ่งในนี้สะดุดตาเป็พิเศษ อายุไม่มาก ดูแล้วมากสุดก็สิบหกสิบเจ็ดปี แต่ก็มีรูปโฉมที่น่าประทับใจเหลือเกิน ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่สวมใส่อย่างเซ็กซี่ เสือยืดสีขาวหนึ่งตัว ด้านนอกใส่ยีนส์สีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีขาว มัดผมหางม้าไว้ด้านหลัง ทำให้ผู้คนมองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอไม่เหมือนกับคนอื่นๆ และโดดเด่นเป็พิเศษ
เมื่อเห็นเธอ เจียงไป๋เหมือนจะหวนนึกถึงรักครั้งแรกเมื่อหลายปีของชาติก่อน ความรู้สึกบริสุทธิ์อย่างนั้น แค่แวบเดียวก็ทำให้เจียงไป๋ตะลึงงันแล้ว
สำหรับปฏิกิริยาของเจียงไป๋ หวงชานพึงพอใจพอสมควร
เด็กสาวคนนี้เขาทุ่มเทมากกว่าจะไปเอามาได้ ก่อนหน้านี้จะมอบให้กับคนอื่น หลังจากที่รู้จักฉวีเจี๋ยโดยบังเอิญ และเคยพบเจียงไป๋แล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะมอบให้กับเจียงไป๋
หากไม่ใช่เพราะเมื่อวานเขาเห็นรูปของเย่ชิงเฉิงแล้วรู้สึกว่าเย่ชิงเฉิงสวยกว่า เช่นนั้นตอนนี้ก็คงจะส่งเด็กสาวคนนี้ไปที่เทียนตูแล้ว
“เธอชื่อว่าจู้ซินซิน ปีนี้อายุสิบหกแล้ว ผมตั้งใจหามานานกว่าจะหาพบ ไม่รู้ว่าคุณเจียงพอใจไหม?”
หวงชานกระซิบข้างๆ หูของเจียงไป๋
เจียงไป๋กระตุกคิ้ว แต่ไม่พูดอะไร หวงชานหัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดเซ้าซี้
ในเมื่อเจียงไป๋ไม่พูด และก็ไม่ได้บอกว่าไม่พอใจ เป้าหมายของเขาก็บรรลุแล้ว นี่ก็แน่นอนว่าดีแล้ว
“คุณเจียงเชิญ”
หวงชานยื่นมือออกไปเชิญเจียงไป๋นั่งลง และเลือกผู้หญิงสาวสวยมานั่งเป็เพื่อนสองคน ให้สาวน้อยอย่างจู้ซินซินนั่งเป็เพื่อนเจียงไป๋
เพิ่งจะนั่งลง ก็มีคนมาเสิร์ฟเหล้ามากมายแล้ว ทั้งเหล้านอก เบียร์ ไวน์ มีทุกอย่าง
หลังจากที่พูดคุยอยู่กับเจียงไป๋สักพักและดื่มเป็เพื่อนสักสองสามแก้วแล้ว ต่างคนต่างก็เลือกเพลง แล้วร้องเพลงอยู่กับเด็กสาวสวยทั้งสอง อีกทั้งยังลุกจากที่นั่งไป พาเด็กสาวสองคนไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปสองสามเมตรแล้ว
เขา้าจะให้โอกาสเจียงไป๋ได้สนทนากันสองต่อสอง แน่นอนว่าเจียงไป๋ก็เข้าใจ
ก็แค่เหตุการณ์แบบนี้เขาเพิ่งจะเคยเจอเป็ครั้งแรก แค่่เวลาหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจียงไป๋จะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ดังนั้นจึงนั่งจิบเหล้าอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
“พี่ชาย พี่จะดื่มเหล้าไหม หรือว่า … หรือว่าให้หนูดื่มเป็เพื่อนพี่สักแก้ว?”
จู้ซินซินแม่สาวผมหางม้าที่อยู่ข้างๆ พูดเบาๆ น้ำเสียงเล็กมาก มีกลิ่นไอที่อ่อนโยนจนทนไม่ไหว ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วมีความรู้สึกเอ็นดู
“เธอดื่มเหล้าเป็?”
เจียงไป๋มองจู้ซินซินอย่างแปลกใจ
หรือว่าเมื่อครู่เขามองผิดไปหรือ?
“ไม่ ไม่เป็ … แต่ แต่หนูหัดได้”
สีหน้าจู้ซินซินแดงระเรื่อ แล้วก้มหน้าพูด หัวแทบจะมุดเข้าไปในกางเกงยีนส์สีซีดนั้น
“เหอะๆ เด็กผู้หญิงดื่มเหล้าอะไรกัน จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบผู้หญิงดื่มเหล้าหรอก” เจียงไป๋ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม
ที่เขาพูดเป็ความจริง ถึงแม้จะไม่ปฏิเสธผู้หญิงอย่างนี้ แต่ในฐานะที่เป็ผู้ชายอนุรักษนิยม มีโอกาสเล่นสนุกบ้างบางครั้งก็ยังพอได้ แต่ลึกๆ ภายในใจแล้วเจียงไป๋ไม่ชอบผู้หญิงอย่างนี้
“ค่ะ งั้นหนูไม่ดื่มแล้ว”
เมื่อจู้ซินซินได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ตอบกลับทันที สักพักก็เข้าสู่ความเงียบ
ทั้งสองคนเงียบกริบอยู่หลายนาที เจียงไป๋จึงอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เธอทำงานที่คลับเฮาส์แห่งนี้หรือ? หวงชานหาตัวเธอมาได้อย่างไร?”
“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่ได้ทำงานที่นี่ หนูเป็นักเรียน”
ราวกับกลัวว่าเจียงไป๋จะเข้าใจอะไรผิด และก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีคนเคยบอกเขาหรือยัง จู้ซินซินมีปฏิกิริยาต่อเื่นี้แรงมาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเจียงไป๋ ก็รีบเงยหน้าขึ้นมา พลางพูดอย่างหน้าซีด
“นักเรียน? นักเรียนทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? หวงชานบีบบังคับเธอหรือ?”
เจียงไป๋ขมวดคิ้ว สำหรับเื่รังแกผู้ชายชิงเอาตัวผู้หญิง เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ
“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ หนู แม่ของหนูป่วย เป็โรคเบาหวาน … ต้องใช้เงินมาก เถ้าแก่หวงหาตัวหนูจนพบ แล้วก็ช่วยรักษาแม่หนู … และ และยังให้หนูเรียนหนังสือ หนู หนูก็เลยมาค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้