อำลาฉวี๋เจี๋ยกับหม่าฉางหยางที่เลื่อมใสเจียงไป๋อย่างหมอบราบคาบแก้วแล้ว เจียงไป๋กลับมาถึงบ้าน
เช้าตรู่ของวันที่สองก็ถูกฉวี๋เจี๋ยปลุกให้ตื่น เขาขับรถมารับเจียงไป๋ซึ่งใช้เวลาตลอดทั้ง่เช้ากว่าจะจัดการระเบียบการทุกอย่าง สถานบันเทิงต้าชื่อเจี้ยตกอยู่ในมือของเจียงไป๋อย่างเป็ทางการแล้ว
ในขณะเดียวกัน ตอนที่รู้ว่าตอนนี้เจียงไป๋ยังคงเดินเท้าอยู่ หม่าฉางหยางก็ใจกว้างมอบรถs600ที่ใหม่เอี่ยมให้เขาหนึ่งคัน
ส่วนฉวี๋เจี๋ยก็ไม่รอช้ารีบเรียกลูกน้องคนที่สุภาพเรียบร้อยมาเป็คนขับรถให้เจียงไป๋
ไอ้หนูคนนี้ปราดเปรียวมาก พอเห็นเจียงไป๋ก็เรียกพี่ไม่หยุดปาก รู้จักวางตัว ไม่นานก็ปรับตัวเข้ากับบทบาทของตนเองได้และปฏิบัติกับเจียงไป๋ด้วยท่าทางที่สุดจิตสุดใจ
ไม่ว่าภายในใจจะคิดอย่างไร อย่างน้อยการกระทำที่แสดงออกก็ทำให้ผู้คนพอใจพอสมควร
ไอ้หนูคนนี้แซ่หม่าชื่อหม่าเสี่ยวเทียน ปกติแล้วทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าเสี่ยวเทียน ที่บ้านขับรถแท็กซี่ ดังนั้นฝีมือการขับรถจึงชำนาญมาก ส่วนตัวก็พึ่งพาได้ ถูกฉวี๋เจี๋ยจัดให้มารับหน้าที่นี้ เจียงไป๋ก็เรียกอย่างนี้ตามพวกเขา
เพียงแค่่เช้า่เดียว เจียงไป๋ก็มีสมบัตินับสิบล้าน ทำให้เขาดั่งตกถังข้าวสาร จนดีใจเป็บ้า
ถึงแม้ทรัพย์สินส่วนนี้เมื่อเทียบกับคนมีเงินที่แท้จริงจะยังห่างไกลอีกมาก แต่เมื่อเทียบกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแล้วก็มากกว่าแน่นอน
“คุณเจียง ตอนเที่ยงเชิญทานอาหารด้วยกัน”
จัดการเื่โอนทุกอย่างเสร็จแล้ว ยุ่งอยู่ทั้งเช้า แค่ดูก็รู้ว่าถึงเที่ยงแล้ว แน่นอนว่าหม่าฉางหยางไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจหลักทำนองคลองธรรม จึงเสนอทานข้าวร่วมกัน
“เื่นี้……ได้”
เจียงไป๋ลังเลอยู่สักพักจึงตอบตกลง
ยังไงตอนนี้เขาก็ว่างไม่มีอะไรทำ ส่วนสถานบันเทิงแห่งนั้นเขาก็ไม่เข้าใจเื่การจัดการ
เมื่อกี้เขาก็พูดแล้วว่ามอบให้ฉวี๋เจี๋ยจัดการเื่ซับซ้อนเหล่านี้ทั้งหมด ทั้งวางแผนจัดการก็มอบให้ผู้จัดการคนเก่าอย่างหลี่เฉียง แล้วให้ลุงเฉาเป็หัวหน้ายาม ส่วนอื่นๆ ก็ตามเดิม
เดิมทีธุรกิจก็คึกคักไม่จำเป็ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมาก ส่วนตัวเขาหนังสือเื่กระบี่เทพสังหารก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนจนกว่าจะเขียนเสร็จ ตอนนี้รอแค่ให้อัพเดตใหม่เอง หนังสือเื่อื่นเขาก็จำไม่ได้แล้ว เส้นทางของเศรษฐีวรรณกรรมก็ขาดในที่สุด และก็ว่างจนไม่มีไรทำ หากกลับไปก็ต้องกินข้าวคนเดียวสู้ให้เกียรติหม่าฉางหยางสักครั้งดีกว่า
“ฮ่าๆ ได้ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้รับการยอมรับจากเจียงไป๋แล้ว หม่าฉางหยางดีอกดีใจมาก และเริ่มจัดการทันที
เขาดูออกั้แ่แรกแล้วว่าเจียงไป๋ไม่ใช่คนธรรมดา คนอย่างนี้หากทำให้เขาเคืองแล้วล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นจะประจบประแจงก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นจึงรีบคิดหาโอกาสตีสนิทไว้เสียตอนนี้ ต่อไปก็จะเป็ผลดีมาก
สักพักหม่าฉางหยางก็จัดการเรียบร้อยแล้วเขาจองภัตรคารอาหารเซียงฉ่ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องที่ และทั้งสามคนก็ขับรถไป
คนที่ตามมาด้วยยังมีเสี่ยวเทียนคนขับรถคนใหม่ของเจียงไป๋ รวมทั้งคนขับรถของฉวี๋เจี๋ยกับหม่าฉางหยาง
ตลอดทางทั้งสามคนพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยและก็ยิ่งคุ้นเคยกัน หม่าฉางหยางฝืนใจประจบโดยเฉพาะเข้าใจหลักทำนองคลองธรรม ทั้งยังเข้ากับเจียงไป๋และฉวี๋เจี๋ยจนพูดคุยกันได้ไม่เลวเลย ทำให้เจียงไป๋เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมาคนสองสามคนก็มาถึงภัตตาคารอาหารเซียงฉ่ายแห่งนั้นแล้ว พอเข้าประตูไปก็มีคนมารอรับทันที และก็พาพวกเขาไปห้องที่ตกแต่งสวยงามเป็พิเศษ
สาวๆ ที่มีรูปร่างสูงโปร่งสองสามคนยืนอยู่ซ้ายขวา ดูออกว่ารออยู่นานแล้ว คนสองสามคนเพิ่งจะเข้าไป อาหารที่เตรียมไว้พร้อมแต่ละเมนูก็ทยอยเสิร์ฟ มีสามสิบกว่าเมนูเต็มๆ จำนวนที่มากมายทำให้ดูละลานตาไปหมด
“จะดื่มสักหน่อยไหม?” หม่าฉางหยางถามเบาๆ
“ดื่ม” ฉวี๋เจี๋ยตอบ
เจียงไป๋ก็พยักหน้าอย่างไม่รอช้า
สักพักเหล้าเหมาไถสองขวดก็มาเสิร์ฟ
หลังจากทานข้าวไปสักหน่อยแล้ว หม่าฉางหยางก็ยืนขึ้นพูดจาปราศรัยก่อน และซดเหล้าไปหนึ่งแก้ว เขาเทเหล้าอีก ฉวี๋เจี๋ยกับเจียงไป๋ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่สิบนาทีเหล้าสองขวดก็ถูกดื่มหมดแล้ว และยังเอามาเพิ่มอีกสองขวด
่ที่กำลังดื่มจู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเจียงไป๋ก็ดังขึ้น ฉวี๋เจี๋ยกับหม่าฉางหยางรีบหยุด และทำท่าทางใส่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกสองสามคนให้เงียบ ในห้องที่เดิมทีคึกครื้นเป็พิเศษก็เงียบสงัด
“ฮัลโหล……ใช่เจียงไป๋ไหม?” เสียงหนึ่งดังขึ้น และซื่อๆ เล็กน้อย ทำให้เจียงไป๋ตะลึงงัน พลางพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ใช่ คุณเป็ใคร?”
“ผมเป็บรรณาธิการของคุณเอ่อพ่าง ฮ่าๆ ผมเพิ่งโทรหาคุณเป็ครั้งแรก นี่คือเบอร์มือถือของผม ผมมีธุระนิดหน่อย ตอนนี้สะดวกคุยไหมครับ?”
อีกฝ่ายหัวเราะฮ่าๆ และพูด น้ำเสียงดังกังวานเป็ที่สุด บวกกับเสียงโทรศัพท์มือถือของเจียงไปก็ดังไม่เบา ดังนั้นคนที่อยู่โดยรอบจึงได้ยินอย่างชัดเจน
“บรรณาธิการเหรอ?” ฉวี๋เจี๋ยและหม่าฉางหยางจ้องหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“อ่อ……ผมเอง ผมเอง เหอๆ คุณมีธุระอะไร? หนังสือมีปัญหาเหรอ?” เจียงไป๋พูดอย่างกระตือรือร้น
เอ่อพ่างเป็คนไม่เลวเลย หนึ่งเดือนมานี้ทั้งสองคนก็ติดต่อกันอยู่ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนี้ยังเป็เทพเ้าแห่งโชคลาภอีกน่ะ เจียงไป๋จึงไม่ล่วงเกินเขา ยิ่งไม่ใช่เพราะมีเงินแล้วก็จะหยิ่งผยอง เพราะพื้นฐานแล้วเขาไม่ใช่คนอย่างนั้น
“คืออย่างนี้ ่นี้หนังสือของคุณโด่งดังมาก มีสำนักพิมพ์หลายสำนักติดต่อเข้ามาหาผมอยากจะช่วยคุณจัดพิมพ์ ผมเลือกไว้สองสามสำนักแล้ว ไม่รู้ว่าคุณจะยินยอมหรือไม่ หากยินยอมแล้วล่ะก็……”
“แน่นอนว่ายินยอม ผมเชื่อคุณ เื่จัดพิมพ์มอบให้คุณจัดการเลย ยังไงแค่ราคาเหมาะสมก็ได้แล้ว” เจียงไป๋ไม่ลังเล พื้นฐานแล้วเขาก็ไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก แค่คำเดียวก็ตอบตกลงไปแล้ว ต่อมาทั้งสองคนก็ทักทายปราศรัยกันสักหน่อยแล้วก็วางสาย
เพียงแค่หลังจากที่วางสายแล้ว เพิ่งพบว่าสองคนที่อยู่ตรงหน้ามีอาการมึนงงเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่ของทั้งสอง……
ไม่ใช่ ห้าคู่ต่างหาก!
รวมคนขับรถอีกสามคน ทั้งหมดมองเจียงไป๋ด้วยท่าทางอย่างกับเห็นผีแล้ว
คนอื่นไม่รู้จักเจียงไป๋ แต่พวกเขารู้จัก! นั่นก็คือคนแกร่งแห่งวงการที่จัดการคนหลายสิบคนด้วยตัวคนเดียว สำหรับฉวี๋เจี๋ยกับหม่าฉางหยางยิ่งชัดแจ้ง เจียงไป๋ก็คือปรมาจารย์วูซูจีนของแท้ ทั้งหัวเซี่ยก็คงจะหาปรมาจารย์วูซูจีนได้ไม่ถึงยี่สิบคน!
นั่นก็คือกระบวนท่าเดียวปะทะต้นไม้ใหญ่ที่หนาถึงสามสิบกว่าเิเจนหักได้ ซึ่งเทียบได้กับสุดยอดคนแกร่งอย่างมนุษย์รถถัง!
เป็ต้นแบบนักบู๊ เป็จอมยุทธ์ของวงการใช่ไหม!
คนอย่างนี้เขียนหนังสือเป็? โดยเฉพาะยังตีพิมพ์?
โด่งดัง?
เมื่อได้ยินว่าสำนักพิมพ์หลายสำนักต่างก็แย่งตัวจนแทบจะตบกันหัวร้างข้างแตกอยู่แล้ว?
โอ้พระเ้ากำลังเล่นตลกอะไรน่ะ? วันนี้เป็เทศกาลโกหกเหรอ? หม่าฉางหยางกับพวกฉวี๋เจี๋ยรู้สึกว่าสมองของตนสั่งการไม่ได้อย่างฉับพลัน หรือว่าเป็ปรากฏภาพลวงตาอีกเหรอ? “เหอๆ……พี่ชายเมื่อกี้คือ……จะออกหนังสือเหรอ?”
ในที่สุดฉวี๋เจี๋ยก็อดกลั้นไม่อยู่ หลังจากที่หยิบเหล้าขาวที่อยู่บนโต๊ะมาเทจนเต็มแก้วก็ซดลงไปทีเดียวแล้วถามหยั่งเชิงเจียงไป๋
“อ่อ……ใช่……คุณต้องรู้น่ะ ผมก็คนมีการศึกษาเหมือนกันน่ะ”
เมื่อเจียงไป๋ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็แสดงอาการเคอะเขินและก็ซดเหล้าคำโตแล้วเหอเบาๆ พลางพูด
เื่ของตนเองตนเองย่อมรู้ดี แต่ตอนนี้จะพูดยังไงเล่า? หรือจะให้บอกว่าลอก?
ทำได้แค่ยืนกระต่ายขาเดียวแล้วสิ
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง และก็ไม่มีทางสงบนิ่งได้อยู่นาน นอกจากดื่มเหล้าก็พูดไม่ออกอีก
ยังไงพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า เจียงไป๋ที่เมื่อวานดุเดือดคนนั้นทำไมถึงเป็คนมีการศึกษาไปได้เล่า!
บนโลกใบนี้มีคนมีการศึกษาอย่างนี้ด้วยรึ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้