“เป็คุณหนูเองหรือที่จ่ายยาให้ตามตำราแพทย์? เป็เช่นนี้นี่เอง” หมอหลี่พยักหน้า ร่องรอยของความไม่พอใจมลายหายไป
หลินฟู่อินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวอย่างเอียงอาย “ข้าอยากขอให้ท่านหมอหลี่ช่วยจ่ายยาให้ท่านผู้เฒ่าของข้าด้วย เพื่อที่ข้าจะสามารถบอกให้เหล่าผู้าุโในบ้านของข้าทานยาตามที่ท่านจ่ายได้”
“ไม่ ไม่ ไม่จำเป็เลย ยาที่เ้าจ่ายไปนั้นนับว่าได้ผลนัก เพียงรับยาไปตามสูตรนั้นก็พอ หมอหลี่ผู้นี้เองก็อยากถามคุณหนูเช่นกัน เป็สูตรยาเช่นใดกันที่ท่านใช้ในการรักษาอาการจากการทานสลอดมากเกินไป? เหตุใดมันจึงมีผลดีได้มากถึงเพียงนั้นกัน?” หมอหลี่มองหลินฟู่อินอย่างคาดหวัง
เขาร่ำเรียนวิชาแพทย์มาั้แ่เล็ก และแม้มิอยากอวดอ้างนัก แต่วิชาแพทย์ของเขาก็นับได้ว่าอยู่ในกลุ่มระดับสูงแม้เทียบกับเพื่อนร่วมวงการ แต่สตรีเบื้องหน้านี้กลับใช้เพียงการจ่ายอาหารดีๆ ให้เพื่อรักษา ซึ่งนับว่าน่าประหลาดใจนัก
หลินฟู่อินเพียงมองเขาด้วยรอยยิ้ม แต่มิกล่าวสิ่งใด
ในยุคโบราณนั้น เหล่าหมอมักไม่ค่อยเผยสูตรยาของตนให้ผู้อื่นหรือให้กับเพื่อนร่วมอาชีพมากนัก
เมื่อหมอหลี่เห็นรอยยิ้มอันเงียบงันของหลินฟู่อินเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเข้าใจ ใบหน้าชรามีฉายประกายแดง
“ผู้แซ่หลี่ผู้นี้ช่างโง่เขลานัก!” หมอหลี่ผงกหัวซ้ำไปซ้ำมาแล้วกล่าวอย่างเอียงอาย “คุณหนูโปรดอย่าใส่ใจ”
ไม่ใช่ว่าหลินฟู่อินไม่อยากจะบอกเขา นางเพียงอยากเห็นว่าเขาฉลาดพอหรือไม่เท่านั้น
อย่างไรเสียนี่ก็เป็สูตรที่เฝิงซื่อก็ทราบอยู่แล้ว และถึงแม้นางจะสามารถเพิ่มสมุนไพรจีนเข้าไปเพื่อเพิ่มสมรรถนะของตัวยาได้ แต่สูตรเพียงเท่าที่นางบอกเฝิงซื่อไปก็เพียงพอที่จะรักษาอาการท้องร่วงจากสลอดได้แล้ว
“ที่จริงแล้วข้าเองก็อยากให้ยานี้ได้เป็ประโยชน์กับผู้คนให้มากกว่านี้เ้าค่ะ แต่มารดาของข้าเคยกล่าวเอาไว้ว่าทุกการกระทำย่อมมีผลกระทบตามมา และการให้เปล่านั้นย่อมไร้ประโยชน์ ดังนั้นแล้ว…” หลินฟู่อินหยุดลง
หมอหลี่นิ่งอึ้งไป แล้วจึงมีท่าทีเบิกบานขึ้นมา “คุณหนูช่างอ่อนโยนนัก หากท่านยอมที่จะแบ่งปัน แม้จะเป็ร้อยหรือสองร้อยตำลึงเงิน หลี่ผู้นี้ก็ยอมจ่าย!”
หลินฟู่อินรู้สึกว่าหมอผู้นี้เป็ผู้มีปัญญาอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อนางได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากห้องของท่านปู่แล้ว นางจึงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ
“ท่านหมอหลี่ โปรดตามข้ามาทางนี้เถิดเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินเสริมสมุนไพรเข้าไปในสูตรอีกเล็กน้อยเพื่อให้มันมีผลดีขึ้น
นี่เป็เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในวันนี้ของหลินฟู่อิน เพราะฉู่ซื่อถูกฝัง ทั้งนางยังใช้เงินไปเกือบหมดบ้าน นางจึงคิดแผนการเพื่อหาทางทำเงินจากหมอหลี่
แต่สำหรับตัวนางในเวลานี้แล้ว วิธีทำเงินที่เร็วที่สุดคือการขายยา ทั้งนางยังได้เรียนรู้จากความทรงจำของเ้าของเดิมว่าหมอหลี่เป็หมอผู้ซื่อสัตย์และมีเกียรติ และแน่นอนว่ามีวิชาแพทย์ที่เรียกได้ว่าไม่เลว
เมื่อได้ยินสูตรยาของนางแล้ว หมอหลี่พยักหน้าพลางกล่าว “ยอดเยี่ยม เป็สูตรยาที่ยอดเยี่ยมนัก! ขอบคุณเ้ามาก แล้วข้าจะให้ศิษย์ข้านำเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาให้เ้าในวันรุ่งขึ้น”
หลินฟู่อินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว “ข้าน้อยมีนามว่าหลินฟู่อินเ้าค่ะ ศิษย์ของท่านจะได้ทราบว่าต้องเรียกหาผู้ใดเมื่อมาถึง”
หมอหลี่เป็ผู้มีหัวคิด เขาได้ยินมาว่าบ้านตระกูลหลินนั้นมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งมากมาย รวมไปถึงเื่ดังที่ที่นี่เป็ครอบครัวเ้าปัญหา เขาจึงหยักหน้ารับซ้ำๆ
จากนั้นเขาจึงผงกหัวให้นางก่อนจะกล่าวว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว สุดท้ายจึงร่ำลาแล้วจากไป
หลินฟู่อินบอกลาเขาอย่างสุภาพ
แท้จริงแล้ว นางไม่คิดว่าสูตรยานี้จะขายได้มากถึงหนึ่งร้อยตำลึง นางจึงดีใจมาก
แต่ในห้องของท่านปู่นั้นกำลังส่งเสียงอึกทึก
ริมฝีปากของหลินฟู่อินแสดงความไม่พอใจ ก่อนจะเมินเฉยต่อเสียงนั้นแล้วเตรียมเดินจากไป
“พี่ฟู่อิน…”
เสียงของเด็กสาวดังขึ้นจากเื้ันาง
หลินฟู่อินหยุดเท้าลง ก่อนจะหันกลับมาช้าๆ แล้วจึงได้เห็นอาเฝิงและอาฝางในชุดลายดอกไม้ พวกนางกำลังมองฟู่อินด้วยท่าทีงุนงง
เมื่อฟู่อินได้เห็นท่าทีของพวกนางแล้ว นางจึงเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มบาง “พี่อาเฝิง พี่อาฝาง พวกเ้ามีอะไรหรือ?”
เมื่อทั้งสองได้เห็นท่าทีอ่อนโยนของนางแล้ว พวกนางจึงใจกล้าขึ้นมามากกว่าเดิม อาเฝิงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าว “น้องฟู่อิน ท่านแม่บอกว่าเพราะไม่รู้ว่าที่บ้านจะมีเสียงโหวกเหวกต่อไปอีกนานเท่าใด เลยอยากให้ข้าพาอาฝางไปหลบที่บ้านของเ้าก่อนได้หรือไม่”
หลินฟู่อินเข้าใจเป้าหมายของเฝิงซื่อทันที
สถานะของเฝิงซื่อในบ้านหลินนั้นนับว่าต้อยต่ำ เพราะนางมีเพียงบุตรีสองคน และแม้แต่สถานะของหลานสาวทั้งสองนี้ก็ต่ำต้อยนัก
เฝิงซื่อกลัวว่าคนในบ้านจะหันไปทำร้ายบุตรีทั้งสองในระหว่างที่กำลังถกเกียงกัน และเมื่อได้เห็นว่าวันนี้ฟู่อินยอมช่วยพวกนาง นางจึงบอกให้บุตรีทั้งสองตามฟู่อินไปเพื่อหลีกเลี่ยงลูกหลง
นี่มิใช่เื่ใหญ่อันใด หลินฟู่อินจึงไม่ปฏิเสธ
อีกทั้งนางยังรู้ว่าเด็กสาวทั้งสองนี้เป็คนช่างเอาใจใส่และมีความสามารถ และหากบ้านสองสามารถแยกบ้านได้สำเร็จจริง นางก็คิดจะขอให้หลานสาวทั้งสองนี้มาช่วยงานนางเสียหน่อย
“น้องฟู่อิน เ้าว่าท่านย่าจะยอมให้บ้านสองแยกบ้านหรือไม่” อาฝางมิอาจทนไหวอีกต่อไป จึงถามขึ้นมาพลางเดินตามหลินฟู่อินไป
สำหรับนางแล้ว ญาติจากบ้านสามผู้นี้แข็งแกร่งราวกับเทพเ้า เพราะท่านแม่ของนางเคยบอกว่านางถูกชาวหมู่บ้านเผาไปแล้ว ไม่มีทางรอดแน่ แต่นางกลับรอดกลับมาได้โดยไร้รอยแผล
นอกจากนี้ ทั้งย่าและปู่ต่างก็เป็คนเ้าอารมณ์ พวกนางมิได้กลัวก็จริง แต่ท่านป้าชอบทำให้ลุงของพวกนางร้องไห้
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินคำถามแล้ว นางจึงหยุดเดินแล้วหันมาหา ั์ตาผลชิ่งสีดำขลับนั้นมองไปที่สตรีทั้งสองอย่างอ่อนโยนแล้วจึงกล่าว “พี่อาฝาง เ้าต้องเชื่อสิ ว่าท่านป้าจะแยกบ้านสองได้ เพื่อที่เ้าและพี่อาเฝิงจะสามารถหาคู่ครองดีๆได้ในอนาคต เพราะฉะนั้นต้องแบ่งบ้านได้สำเร็จแน่!”
แต่ไม่ว่าเฝิงซื่อจะพยายามดิ้นรนมากเพียงไหน เมื่อต้องเจอกับอู่ซื่อและแม่ยายและสะใภ้ของเ้าแล้วก็คงมิอาจเอาชนะได้…
แต่จะพูดเื่เช่นนั้นออกไปตรงนี้ไม่ได้ เพื่อมิให้ทั้งสองต้องเป็กังวล
นางเองก็รู้สึกอึ้งไปไม่น้อยเมื่อไอ้ยินอาฝางฟังเื่การแต่งงานได้โดยที่ไร้ซึ่งความเขินอาย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางคาดหวังให้แบ่งบ้านได้สำเร็จ
หลินฟู่อินกลับมาถึงบ้านพร้อมกับญาติทั้งสอง แล้วจึงได้พบกับยายหลี่ที่กำลังอุ้มและโอ๋น้องชายของนางอยู่ หลินฟู่อินได้ตั้งชื่อให้น้องชายว่าเสี่ยวเปา และน้องสาวว่าเสี่ยวเป้ย
เป็ชื่อที่มีความหมายว่าบุตรของพ่อ และบุตรีของแม่
“หืม?” ยายหลี่ส่งเสียงขึ้นมาเมื่อได้เห็นพี่น้องเฝิงทั้งสองตามเข้าบ้านมา ั์ตามากอายุนั้นหันไปมองหลินฟู่อินแล้วถาม “ที่บ้านผู้เฒ่าเป็อย่างไรบ้าง? พวกปู่ย่าของเ้าปลอดภัยใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินยื่นมือออกไปรับเสี่ยวเปามาไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบเขาอย่างอ่อนโยน เด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันใด
จากนั้นหลินฟู่อินจึงคลี่ยิ้มแล้วตอบยายหลี่ “ท่านปู่และท่านย่าน่าจะปลอดภัยแล้ว”
ยายหลี่ฟังนางเล่าเื่ผงสลอด ยา แล้วสายตาของยายเฒ่าจึงเปล่งประกายขึ้นมา
“แล้วเ้าตัวน้อยสองคนนี้ตามเ้ากลับมาทำไมรึ?” ยายหลี่ถามอย่างใคร่รู้ “เด็กสองคนนี้ทำได้ทั้งงานของผู้มีอายุและงานของเด็ก นี่พวกเ้า ไปช่วยรีดนมหน่อยได้หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้