เขาใช้เวลาเกือบสิบนาทีเพื่อก้ม ๆ เงย ๆ ในที่สุดท้องฟ้าที่ตนเห็นบัดนี้ก็ไม่มีส่วนไหนบิดเบี้ยวแม้แต่นิดเดียว เฟนริลเหลือบมองเส้นทางอีกครั้งพบว่ามีขนาดห้าเมตรดั่งเดิม
แต่มีเส้นทางหลายสายปรากฏแสงสีแดงอันตราย และขาวบอกถึงความปลอดภัย ชายหนุ่มเผยยิ้มและมั่นใจว่าทุกอย่างจะไม่เรียบง่ายอีกต่อไปเพราะนี่คือระดับฝันร้าย
‘ถ้าง่ายขนาดนั้นคงไม่ตายบานขนาดนี้' เขาแค่โชคดีที่กลัวโดนธีเลียสจับเป็เหยื่อล่อ รวมถึงคำใบ้จากหนังสือสีดำ
ไม่เช่นนั้นแล้ว…ตนก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่โดนปีศาจจากความมืดฆ่าตอนเริ่มสำรวจครั้งแรก
เขาอยากจะขอบคุณทุกคนที่ขี้ขลาดไม่ไปเหยียบโบสถ์ก่อนที่เขาจะหาตะเกียงน้ำมันเจอ ไม่เช่นนั้นอาจตายครบห้าร้อยชีวิตั้แ่นาทีแรก
เฟนริลลูบใบหน้า เขาโชคดีแค่ไหนที่ระหว่างเย็ดไลล่าไม่มีใครเข้าโบสถ์
‘นี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฉัน ฉันควรฉุดคิดได้’ เฟนริลถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เป็อะไร?” เสียงหวานใสดังขึ้น เขาหันไปมองก็นึกสงสัยเพราะไม่เคยถามมาก่อน
“เธอ...ชื่ออะไร?”
อีกฝ่ายยิ้มแ่เบาพลางเอียงคอ
“นั่นสินะ…เฟนริลพึ่งมาเรียนนี่”
ชายหนุ่มชะงัก
“นั่นหมายความว่าเธอดังมากในโรงเรียน?” ไลล่าเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เผยสีหน้าดูแคลน ก่อนจะผายมือแนะนำ
“แม้นายจะโง่ไปหน่อยแต่ฉันจะแนะนำให้ฟัง นี่คือเฮเลน สาวสวยอันดับ 1 ของโรงเรียน นายควรจะเคารพไว้เพราะเธอเป็ถึงแชมป์การวิเคราะห์ศิลปะรุ่นเยาว์ของโลก"
ชายหนุ่มอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจได้ว่าทำไม่แรก นางถึงทำตัวเหมือนคุณครู ที่แท้คืออัจฉริยะนี่เอง
“แน่ใจนะว่าแชมป์วิเคราะห์ ไม่ใช่แชมป์การต่อสู้”
เฮเลนยิ้ม
“ทั้งสองอย่าง”
เฟนริลเบิกตากว้าง ประทับใจ
“คุณเก่งมาก! ต่อจากนี้ชีวิตผม คุณต้องดูแลตลอดไปนะ”
ไลล่าตงิดใจเล็กน้อยกับคำพูด เฮเลนเผยยิ้มขบขันมุมปาก สาวผมชมพูรู้สึกว่าชายตรงหน้าเหมือนพวกไร้ยางอายแต่สีหน้าไร้เดียงสาราวกับไม่รู้พูดอะไรออกมา
“งั้นคุณเฮเลน…เราควรเริ่มตรงไหนก่อนดี?” อีกฝ่ายเอานิ้วแตะริมฝีปาก หลับตาข้างหนึ่ง
“ห่างเหินไป ใกล้ชิดฉันหน่อยสิ” เฟนริลเผยยิ้มก้มลงเกือบจะจูบเธอ
“เฮเลนครับ…"
" (กึบ) อ้าก!!” เขาโดนบิดมือจนตัวหงิก
“เด็กดี...” นางยิ้มอย่างเอ็นดูขณะสั่งสอนชายหนุ่ม
เฟนริลกรีดร้องอยู่ครู่หนึ่งก็ทำให้เฮเลนพึงพอใจ เธอปล่อยเขาลงพื้น พอหอมปากหอมคอ ชายหนุ่มตอนนี้หอบหายใจบนพื้นด้วยสภาพเลอะเศษดิน ััได้ถึงสายตาอันตรายจากชายผมทอง
วินาทีนั้นเฮเลนก็พูดขึ้น
“ตามบันทึกของชาวบ้านที่เคยอยู่ ต้นไซเปรสเป็สัญลักษณ์ของความทรมาน และความตาย ส่วนใหญ่เป็พื้นที่อาศัยของดวงิญญารอบตัวเรา"
"พวกมันเกลียดแสงสว่างจากดวงดาวเพราะอาจทำให้เกิดการดับสูญ ผีสางเลยมักหลบในโพรงต้นไซเปรสเพื่อหนีจากดวงดาว"
"บันทึกเล่าว่าต้นไซเปรสมีเถาวัลย์ปีศาจซึ่งจะโจมตีแค่สิ่งมีชีวิต ความแข็งแรงเทียบเท่าร่างกายมนุษย์ระดับสาม ไฟธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้”
เฟนริลขมวดคิ้วยุ่ง
‘นั่นเป็ปัญหา…’
หากไม่มีไฟการจะตัดต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้าไม่ใช่เื่ฉลาด และกินเวลาจนเหนื่อยตายนี่ไม่รวมถึงเถาวัลย์ปีศาจ
หากสมมติทำสำเร็จจริง สัญลักษณ์ดังกล่าวจะหายจริงเหรอ? คำตอบคือไม่ ดังนั้นไฟคือคำตอบที่ดีที่สุดแต่เฟนริลไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากไหน
เวลานั้นเขาก็นึกได้ ‘…บันทึกเหรอ?’ ตนจำได้ว่าภายในบ้านไม่ได้รกร้างขนาดนั้น แถมยังมีอาหารสดอยู่ หากสมมติว่าชาวบ้านเคยอยู่และหายไปตอนพวกเขาเข้ามาในผืนผ้าใบ
บางทีการทำลายโบสถ์อาจย้อนรอยไปก่อนหน้านี้? แต่นั่นก็มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับสมมติฐาน
เฟนริลมองบ้านทั้งหมดที่มืดสนิทไม่มีใครเปิดไฟก็เอะใจเล็กน้อยว่าตนเข้าใจถูกรึเปล่า?
‘หากสมมติว่ามีความเชื่อเกิดขึ้น พวกเขาจะศรัทธาอะไร? หากมีผู้คนอยู่ ทำไมไม่ออกมา และส่วนสุดท้าย ‘ความหวัง’ ฉันมั่นใจว่าแสงสว่างจากดวงดาวคือคำตอบ ตอนนี้มีเบาะแสสองอย่าง ฉันควรตรวจสอบให้ดี'
เฟนริลมองผีสางนอกเส้นทางพบว่า…ปริมาณของมันไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับภาพมายาก่อนหน้านี้แต่ยิ่งเข้าใกล้ต้นไซเปรส ยิ่งยั้วเยี้ย
ละแวกนี้มีไม่เกินสิบห้า ไม่ใช่จำนวนมากเพราะเฮเลนสามารถจัดการด้วยดาบฟันิญญา
‘ผีพวกนี้น่าจะมีระดับขั้นความแข็งแกร่ง’ เขาพบว่าแถวนี้มีแต่ผีสาวชุดเหลือง ลึกเข้าไปจะเป็สีดำ สีขาว และสีแดงซึ่งค่อนข้างอันตรายจากการสังเกต
“มีอะไรแนะนำไหม?” เฟนริลมองเฮเลนแกล้งหยอกสาวอีกคนเล็กน้อย
“ฉันไม่มีความคิด บางทีไลล่าอาจฉลาดกว่า” คนถูกพาดพิงกลอกตา
“เสแสร้ง! ผู้หญิงทุกคนรู้แล้วว่านายเข้าใจภาพวาดนี้ นายรู้ด้วยซ้ำว่าใครวาด ดังนั้นอย่าทำเป็ไขสือ อีกอย่างก่อนเข้าโบสถ์นายเหมือนจะพึมพำกับตัวเองว่าอยากเผามัน"
"งั้นก็แสดงว่านายรู้ด้วยซ้ำจะมีคนตายหากเข้าไป รวมถึงจะแก้ไขปัญหาอย่างไง ตอนนี้อธิบายมา บางทีฉันอาจจะให้เย็ดอีกรอบ และกระเด้าอีฟอีกห้าที” เฟนริลตกตะลึง ส่วนสาวผมดำสำลักอากาศ
“ไม่จริงอะ ถ้าฉันจะเย็ด…เื่นั้นต้องขอด้วยเหรอ?” ทั้งสองหน้าแดงก่ำนั่นทำให้ชายหนุ่มลอบยิ้ม เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะเชื่อมั่นในความสามารถตนขนาดนี้
...เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าหากเหยียบโบสถ์แล้วโลกจะมืด ถ้าเขารู้ เขาคงเผามันั้แ่ก่อนจะได้แผลงฤทธิ์เดชเสียอีก
เวลานั้นเฮเลนก็พูดขึ้น
“ฉันคิดว่าเราควรออกจากแสงของดวงดาวชั่วคราวเพราะฉันคิดว่าในหมู่บ้านอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากเผาโบสถ์ไป รวมถึงเบาะแสสำหรับการกำจัดต้นไซเปรส”
เฟนริลรู้สึกประทับใจทั้งที่เธอไม่มีคำใบ้เหมือนเขากลับสามารถคาดการณ์ได้เร็วขนาดนี้ เ้าตัวพยักหน้าสนับสนุน ทันใดนั้นไลล่าก็ถาม
“แต่ข้างนอกมีผีเป็ร้อยเลยนะ เราจะไปด้วยวิธีไหน?” เฮเลนยิ้มเล็กน้อย เขาจึงตอบคำถาม
“มีสิบห้าตัวเท่านัั้น ที่เหลือเป็ภาพลวงตา”
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปทำให้สามสาวตกตะลึง มองเห็นผีสางกระโจนเข้าใส่ พวกเธอเตรียมะเิพลังพิเศษออกมา ทันทีที่สาวผมขาวชักดาบก็ฟันศัตรูฉับพลัน
ฉึบ! ร่างนั้นกลับไม่รับความเสียหาย เฮเลนตกตะลึงมองมือของเฟนริลถูกฉีกขาด ชายหนุ่มรีบดึงมือกลับ มือซ้ายก็ขาดไปซะแล้ว
“นาย…”
ไลล่าหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มแต่ทันใดนั้นเฟนริลก็จับมือเธอ เธอตื่นตระหนกเล็กน้อยแต่สีหน้าชายหนุ่มกลับไม่แสดงออกถึงความเ็ปทำให้เธอหวนนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้
“ภาพมายา?”
“...ถูกต้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นอะไรแต่จำไว้ว่าท้องฟ้าในภาพวาดนี้คือตัวแทนของสัญลักษณ์ความทุกข์ ความเหงา และความปรารถนาที่จะหลีกหนีความจริง"
"ถ้าพวกเธอ้าเห็นภาพลวงตาอย่ามองขึ้นไปแต่ถ้าอยากเห็นความจริง ก้ม ๆ เงย ๆ อย่าให้ถูกครอบงำแล้วจะเข้าใจเอง”
เฮเลนเก็บดาบลงขณะที่หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย นางนึกสงสัยกับความรอบรู้ของเฟนริลด้วยความรู้สึกท่วมท้นจึงเอ่ยถาม
“ภาพวาด Starry Night เป็ของจิตรกรวินเซนต์ แวนโก๊ะจากที่ไลล่าอธิบายก่อนหน้านี้ ฉันสงสัยว่าเขาคือใคร ในชีวประวัติรวมถึงหนังสือรวมผลงานทางศิลป์ไม่มีชื่อบุคคลนี้ นายหาความรู้นี้มาจากไหน? ในบ้านเหรอ?”
เฟนริลครุ่นคิด
“แถวบ้านฉันเรียกว่า…บันทึกต้องห้ามหอศิลป์ ในนั้นกล่าวถึงจิตรกรหลายคนเลย”
เขากล่าวไปเรื่อยเพื่อปัดตกคำถามในอนาคต สามสาวนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเริ่มให้ความสนใจกับท้องฟ้าจนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบสองนาที
ในที่สุดพวกนางก็เห็นสิ่งที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ เธอพบว่าเส้นแสงกว้างห้าเมตร มีหลายส่วนเป็สีขาว แดง และภายนอกมีเพียงผีสิบห้าตน
“มือนาย” ทุกคนมองพร้อมกัน เขาจึงโชว์ว่ามันหายดีทุกประการ
“เมื่อเราเอาชนะความทุกข์ทนได้ ยอมรับความจริงที่ว่ามันเป็ผลดีไม่ใช่ผลเสียจากการจ้องมองก็ไม่ใช่เื่ยากสำหรับการเห็นสิ่งที่แตกต่าง แน่นอนว่าสัญลักษณ์ของความเหงายังคงอยู่"
"ฉันเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวกับเบาะแสสุดท้ายของดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดของภาพ ดังนั้นการชักชวนให้คนอื่นเห็นความเป็จริงจึงเป็ทางออกที่ดีที่สุด”
ไลล่าย่นจมูก
“สุดท้ายนายก็เอาตัวรอด”
เฟนริลเดินไปเชิดคางเธอ
“เคยบอกแล้วไง…ฉันจะไม่ทิ้งเธอหรอก…เข้าใจไหม?” เ้าตัวบดจูบด้วยความเร่าร้อนจนหญิงสาวเบิกตากว้าง ไลล่ากัดริมฝีปากอย่างแรงเพื่อตอบโต้จนเฟนริลดึงหน้าออกนึกขุ่นเคือง
'นังนี่!!!' เขาใช้มือละเลงหีซ้ายขวา น้ำหีสาดกระเซ็น นางครางในลำคอ จิกไหล่เฟนริลแน่น อื้อ! อีฟกับเฮเลนเบือนหน้าหนีด้วยแก้มแดงก่ำแต่ถึงแบบนั้นก็แอบดูเพราะอยากรู้ว่าเฟนริลจะทำอะไรต่อ
“อย่าดื้อนะทีหลัง”
เขาบีบลูบริมฝีปากนาง
“อุ..อูยส์…คะ…ค่ะ...” เมื่อทำจนพอใจ ชายหนุ่มก็มองบ้านด้านข้าง
“ฉันมั่นใจว่า หากออกไปข้างนอก สายตาคนอื่นจะเห็นเราถูกฆ่าตาย พูดอีกความหมายก็คือ เราจะกลายเป็ผู้เสียชีวิต ไม่มีตัวตนในสายตาเขา"
"เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่พวกเธอเห็นมือฉันขาดไป และภายนอกมีผีเกือบพันตัว ดังนั้นแล้วไม่มีใครเห็นชิ้นส่วนเราแน่นอน ในกรณีที่ยังไม่ยอมรับความจริง”
ตอนนั้นอีฟก็ถามเป็ครั้งแรก
อีฟ อายุ 18 ปี
“แล้วสัญลักษณ์ความเหงา…ไม่บอกใคร?” เฟนริลเหลือบตามองพลางเผยยิ้มแถด้วยความเห็นแก่ตัวเพราะรู้สึกว่ายังไม่ต้องทำขนาดนั้นและอีกอย่างเขาไม่มั่นใจจึงเอ่ยอีกสมมติฐาน
"ฉันอยู่กับพวกเธอ…ไม่คิดเหงา…บางทีหากพวกเขาตายไป…อาจได้อยู่กับจิตรกร…นั่นน่าจะทำให้เขาหายเหงา” ไล่ากับอีฟเปลี่ยนสีหน้าเหมือนเข้าใจความหมายของเฟนริล
พวกเธออดนึกไม่ได้ว่าหากไม่ได้ชายหนุ่ม ทุกอย่างในตอนนี้จะเป็อย่างไรั้แ่เหยียบเข้าไปในโบสถ์
อีฟเหลือบตามองธีเลียสซึ่งตอนนี้กำลังรวมพรรคพวก เธอคิดว่าอีกสักพักเฟนริลจะตามมาคิดบัญชีอีกฝ่ายแน่นอน
“งั้นออกเดินทางเถอะ” เขาเดินผ่านอีฟและหวดก้นขาวนวลด้วยความมันเขี้ยว เพี๊ยะ…อ๊ะ! อีกฝ่ายสะดุ้ง ถลึงตาด้วยความโกรธ
“ไอ้!!!...สารเลว” เฟนริลยิ้ม
“ก้นแน่นดี…ตอนเย็ดคงสนุก”
ไลล่าหัวเราะขำ แอบเดินกระแทกไหล่เพื่อนสนิทอย่างหยอกล้อจนคนโดนแกล้งทำสีหน้าฟึดฟัด เมื่อทั้งสี่ออกไปก็เรียกความสนใจให้ใครหลายคน
/// จบตอนที่ 4 ///
ไลล่า อายุ 18 ปี นิสัย: ก้าวร้าว ขี้เงี่ยน ขี้ยั่ว ร่าเริง ชอบดูถูก ปากดี ชอบเซ็กส์ ขี้แกล้ง อยากรู้อยากเห็น ขี้อ้อน มาโซคิสม์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้