“ เนี่ยหลี เ้าบ้านี่กลับใช้ให้ข้าเป็เหยื่อล่อ น่ารังเกียจนัก !” ลู่เพียวจ้องมองแกะเขาโค้งที่กำลังพุ่งเข้ามาหา น่ากลัวจนปัสสาวะแทบราดแล้ว ตะกุยตะกายวิ่งหนี
ในเวลานั้นตู้เจ๋อกับเนี่ยหลีกำลังซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ พวกเขาถือหน้าไม้ไว้ในมือ
“แม่จ๋าช่วยข้าด้วย! เ้าแกะเขาโค้งตัวนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง! ยิงมันเลย ยิงมันเลย!” ลู่เพียวะโลั่น พอเห็นแกะเขาโค้งวิ่งใกล้เข้ามาก็โกยอ้าวไม่หยุด
“เ้าลู่เพียวนี่ พวกเรามิใช่ตกลงกันไว้ว่าให้มันยืนนิ่งๆ อย่าขยับหรอกหรือ? แกะเขาโค้งก็จะติดกับแน่ๆ แต่พอมันเริ่มออกวิ่ง แกะก็จะวิ่งออกนอกเส้นทางที่วางกับดักไว้” เนี่ยหลีใบหน้าบูดบึ้ง กับดักนั้นเล็กมาก เป็ร่องขนาดเพียงสองนิ้ว หากแกะเขาโค้งวิ่งอย่างไม่ระมัดระวังจนติดลงไปในหล่ม ขามันก็ต้องหักสักข้างสองข้างเป็แน่ เมื่อยิงธนูใส่มันก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เห็นลู่เพียววิ่งหนีด้วยความใกลัว ตู้เจ๋อก็ประสาทตึงเครียดขึ้นมา เขาเหนี่ยวไกหน้าไม้ที่เล็งไปทางแกะ ซู่ ซู่ ซู่ ลูกธนูสามดอกพุ่งทะยานออกจากหน้าไม้
แกะเขาโค้งเป็สัตว์อสูรชนิดหนึ่ง หากไม่ได้รับาเ็อะไร ปฏิกิริยาตอบโต้ของมันจะรวดเร็วยิ่ง เมื่อััได้ว่ามีลูกธนูสามดอกกำลังพุ่งยิงมาทางมัน ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว มันก็กระโจนหลบไปได้ ลูกธนูทั้งสามดอกจึงพุ่งแฉลบผ่านมันไป
“อะไรกัน? พลาดหรือ?” ลู่เพียวตาเหลือกเมื่อแกะเขาโค้งวิ่งใกล้เข้ามา พอคิดว่าเนี่ยหลีกับตู้เจ๋อทำพลาด ในใจก็แทบะเิร้องไห้ออกมาแล้ว เริ่มคิดว่าตนทำพลาดที่ไปเป็เพื่อนกับพวกมัน หากแกะเขาโค้งวิ่งมาถึง คงถูกขวิดจนก้นของมันเป็รูแน่
พอเห็นแกะเขาโค้งะโหลบพ้นจากลูกธนูของตนและยังคงวิ่งเข้าใส่ลู่เพียว ตู้เจ๋อเครียดจนสองมือเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ หากเอาลูกธนูขึ้นบนหน้าไม้อีกทีก็คงไม่ทันแล้ว มันนึกจนเห็นภาพก้นของลู่เพียวถูกขวิดเป็รู
“เนี่ยหลี พวกเราจะทำอย่างไรดี...” ตู้เจ๋อเพิ่งพูดไปได้ครึ่งทางก็พลันหยุดปาก ไม่กล้าทำเสียงรบกวนเนี่ยหลี
เนี่ยหลีนั่งหมอบ หน้าไม้พาดอยู่บนแขนซ้าย มือขวากำลังแตะไก สองตาเล็งแน่ว หน้าไม้นิ่งมั่นคงราวกับกำลังพาดอยู่บนโครงไม้
ตู้เจ๋อไม่อาจบรรยายความรู้สึกของตนในขณะนี้ได้ เนี่ยหลียังไม่ทันยิงธนูออกไป ทว่าตู้เจ๋อกลับรู้สึกว่าธนูดอกนี้จะต้องยิงถูกแกะเขาโค้งตัวนั้นได้แน่ เนี่ยหลีในเวลานี้ดูราวกับเสือดาวที่แฝงตัวอยู่ในพุ่มไม้รอคอยเหยื่อของมัน มีสง่าราศีน่าเกรงขามนัก
แม้ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่และยังมิใช่กระทั่งนักสู้ระดับทองแดงด้วยซ้ำ กระนั้นประสบการณ์มากมายจากชีวิตในชาติก่อนของเขายังคงอยู่ ประสบการณ์ที่สั่งสมจากการต่อสู้นองเืที่เนี่ยหลีพบพาน ไม่ว่าจะเป็อาวุธชนิดไหน เป็ดาบ หน้าไม้ หรือกระทั่งเศษโลหะชิ้นหนึ่ง เมื่ออยู่ในมือของเนี่ยหลีล้วนกลายเป็อาวุธคร่าชีวิตได้ ต่อให้เนี่ยหลียังมิใช่นักสู้ระดับทองแดง เขาก็มีวิธีการนับร้อยนับพันที่จะฆ่านักสู้ระดับทองแดงหรือกระทั่งระดับเงินผู้หนึ่งได้
โลกทั้งใบในขณะนี้ดูราวกับมีเนี่ยหลีอยู่เพียงคนเดียว สายตาของเนี่ยหลีดุจดังเหยี่ยวที่กำลังรอตะครุบเหยื่อ
ซีกแก้มของเนี่ยหลีแลดูอ่อนเยาว์ สีหน้ามั่นคง ท่วงท่าทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกเหมือนเห็นน้ำนิ่งที่ไหลลึก เขาที่สูงเสียดฟ้า
ฝุบ! เนี่ยหลีเหนี่ยวไก ธนูดอกหนึ่งถูกปล่อยออกไป
ธนูดอกนั้นดูราวกับลำแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วนัก
มุมที่เนี่ยหลีเล็งเป็มุมอับจากสายตาของแกะเขาโค้ง
“โดนแล้ว!” เห็นลูกธนูแล่นผ่านหน้าไป ตู้เจ๋อตะลึง เนี่ยหลีให้ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง ราวกับมันเป็นายพรานเฒ่าคนหนึ่งซึ่งล่าสัตว์มาหลายปีดีดัก
แกะเขาโค้งหลบไม่ทัน เสียงดังตุบคราหนึ่ง ธนูดอกนั้นก็ปักลงบนขาหลังของมัน
เสียงดังตุบอีกคราหนึ่ง แกะเขาโค้งร้องครวญครางล้มลงพื้น อยู่ตรงหน้าลู่เพียวพอดิบพอดีจนฝุ่นตลบม้วนขึ้นฟ้า
ลู่เพียวหอบหายใจ ประสาทของเขาตึงเครียดยิ่ง เมื่อเห็นแกะเขาโค้งยังร้องครวญไม่หยุด อดคิดไม่ได้ “คุณพระ นี่ตื่นเต้นเกินไปแล้ว! ท่านแม่ของข้า ก้นข้ารอดแล้ว” หากธนูของเนี่ยหลีชักช้าไปอีกนิดเดียว เขาคงถูกแกะเขาโค้งขวิดเป็แน่
หากนั่นเป็ลูกธนูทั่วไป อาการาเ็เพียงแค่นี้ย่อมไม่มีผลต่อสัตว์อสูรอย่างแกะเขาโค้งแต่อย่างใดและมันคงลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทว่าลูกธนูที่พวกเขาใช้มิใช่ลูกธนูธรรมดา แต่อาบด้วยยาพิษที่ผสมจากหญ้าเฮยเจ๋อกับหญ้าเจี๋ยหลี่ จึงเป็กรรมของแกะเขาโค้งตัวนี้
ฤทธิ์ยากระจายไปตามเส้นเืและเข้าถึงหัวใจของแกะเขาโค้งอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเสียงครวญครางของแกะเขาโค้งก็เงียบลงๆ
“เร็วจริง!” ตู้เจ๋อแปลกใจ มันไม่เคยคิดว่ายาที่เนี่ยหลีผสมจะมีฤทธิ์แรงถึงเพียงนี้ ผ่านไปครู่เดียว แกะเขาโค้งแข็งแรงตัวหนึ่งก็หมดท่า
ลู่เพียวก็แปลกใจ เขาเข้าใจดีถึงความแข็งแรงของแกะซึ่งมีพลังเทียบเท่านักสู้ระดับทองแดงสองคนรวมกันพวกนี้เป็อย่างดี ปกติต้องใช้เวลานานกว่าจะพิชิตมันลงได้สักตัวหนึ่ง แต่แกะเขาโค้งตัวนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับลูกธนูเล็กๆ เพียงดอกเดียว?
“น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!” ลู่เพียวนึกถึงภาพเมื่อครู่ก็ยังขวัญผวาอยู่
“หากเมื่อครู่เ้าไม่วิ่งหนี แกะเขาโค้งตัวนี้ก็คงไม่ทำให้เ้าต้องใถึงเพียงนี้หรอก!” เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ
“เอาเถอะ” ลู่เพียวอดหน้าแดงไม่ได้ เขาไม่ได้ทำตามแผนการที่ตกลงกันไว้จริงๆ เพราะหวาดกลัวเกินไปขณะเห็นแกะเขาโค้งวิ่งควบเข้าใส่เขา
เห็นแกะเขาโค้งร่วงอยู่กับพื้น ตู้เจ๋อรู้สึกเหมือนตนยังอยู่ในความฝัน การกระทำของเนี่ยหลีั้แ่เมื่อครู่จวบจนบัดนี้สลักลึกอยู่ในใจเขา ทำให้เขายอมรับอย่างหมดใจ แต่เล็กจนใหญ่ นี่เป็ครั้งแรกที่ตู้เจ๋อยอมรับใครบางคนอย่างแท้จริง ฝีมือยิงหน้าไม้ของเนี่ยหลีเมื่อครู่เทียบได้กับชั้นครู ต่อให้คนทั่วไปฝึกสักสิบปีก็ยังไม่อาจเทียบได้กับระดับของเนี่ยหลี
“เร็วเข้า จัดการๆ นอกจากเขาแกะ ขนคอ ผลึกอสูรและก็จิตอสูร ที่เหลือไม่เอา” เนี่ยหลีรีบลงมือ ผลึกอสูรและจิตอสูรของแกะเขาโค้งอยู่ที่บริเวณสมอง ผลึกอสูรเป็ผลึกขนาดเล็กราวนิ้วหัวแม่มือ สัตว์อสูรทุกตัวมีผลึกอสูร ส่วนจิตอสูรนั้น ในบรรดาแกะเขาโค้งหมื่นตัว จะมีจิตอสูรปรากฏอยู่เพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้น จิตอสูรมีลักษณะคล้ายเปลวเทียนดวงหนึ่ง
โดยทั่วไปแล้วแกะเขาโค้งตัวหนึ่งที่มีจิตอสูรย่อมแข็งแกร่งกว่าแกะเขาโค้งตัวอื่นๆ
แกะเขาโค้งเป็สัตว์อสูรระดับต่ำเท่ากับระดับทองแดงหนึ่งดาวเท่านั้น ดังนั้นอวัยวะต่างๆ จึงมีราคาถูกหน่อย เขาแกะคู่หนึ่งราคาห้าเหรียญจิตอสูร ขนคอของมันราคาสามเหรียญจิตอสูร ส่วนผลึกอสูรมีราคาห้าเหรียญจิตอสูร
คำนวณเช่นนี้แล้ว แม้ไม่มีจิตอสูร ทั้งตัวของแกะเขาโค้งก็ขายได้ราคาราวสิบสามเหรียญจิตอสูร
พวกเขาใช้เวลาแค่ห้านาทีก็ฆ่าแกะเขาโค้งได้ตัวหนึ่ง หากฆ่าต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันๆ หนึ่งพวกเขาทั้งสามมิใช่จะหาเงินได้หลายพันเหรียญจิตอสูรเชียวหรือ?
ตู้เจ๋ออดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ครอบครัวของเขายากจนยิ่ง รายได้ต่อปีได้เพียงสองสามพันเหรียญจิตอสูรเท่านั้น เพื่อที่จะส่งเสียเขาเข้าเรียนในโรงเรียนเซิ่งหลัน ครอบครัวของตู้เจ๋อต้องหยิบยืมเงินมาจากญาติมิตร ตู้เจ๋อเป็ความหวังของครอบครัว! หากเขาล่าแกะเขาโค้งกับเนี่ยหลีต่อไป อีกหน่อยเขาย่อมสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนของตนได้!
เนี่ยหลียิ้มแย้มกล่าว “พวกเราต้องเร่งมือหน่อย คืนนี้ไม่ต้องพักผ่อนแล้ว!”
“ดี!” ตู้เจ๋อตอบอย่างตื่นเต้น แม้พวกเขายังมิใช่นักสู้ทองแดงหนึ่งดาว ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงยิ่ง อยู่ทั้งคืนย่อมไม่เป็ปัญหา
ลู่เพียวอดคร่ำครวญมิได้ เ้าสองตัวนี้โลภมากเกินไปแล้ว พวกมันถึงกับไม่ยอมหลับไม่ยอมหลับนอนเพื่อหาเงิน! ถึงเขาจะเศร้า แต่ก็ไม่มีทางเลือกนัก ใครใช้ให้มันมาลงเรือโจรกันเล่า
สามคนทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด ล่าแกะเขาโค้งต่อไป พอฆ่าได้สิบกว่าตัวก็ให้ลู่เพียวแบกของที่ได้ออกไปขาย
เพียงคืนเดียว กลุ่มของเนี่ยหลีก็ล่าได้ร้อยยี่สิบตัว ขายของได้กว่าหนึ่งพันสี่ร้อยเหรียญจิตอสูร เมื่อแบ่งกันแล้ว แต่ละคนก็ได้เงินกว่าสี่ร้อยเหรียญจิตอสูร
เงินจำนวนนี้ถือว่ามากมายไม่ใช่ธรรมดาสำหรับคนที่ยังไม่ถึงระดับทองแดงหนึ่งดาว ต่อให้เป็นักสู้ระดับทองแดงหนึ่งดาวผู้หนึ่ง หากหาเงินได้ยี่สิบสามสิบเหรียญจิตอสูรต่อวันก็ถือว่ามากแล้ว
ตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา กลางวันเล่าเรียน พอตกกลางคืนทั้งสามก็ออกไปล่าแกะเขาโค้ง เงินที่พวกเขาสะสมได้ถึงตอนนี้ก็มีมากกว่าหมื่นเหรียญจิตอสูรแล้ว สำหรับพวกเขา นี่นับว่าร่ำรวยแล้ว
นักเรียนในโรงเรียนเซิ่งหลันทุกคนต่างสงสัยว่าเหตุใดจำนวนแกะเขาโค้งในสนามฝึกจึงลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนพวกเขาเดินแค่แป๊บเดียวก็เจอตัวหนึ่ง ประเดี๋ยวก็เจอกลุ่มหนึ่ง แต่เวลานี้เดินหาเป็เวลานานจึงจะพบสักตัว หรือจะมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่เช่นเสือมาล่าพวกมัน? โรงเรียนเซิ่งหลันถึงขนาดจัดคณะครูเข้าไปตรวจสอบสาเหตุ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร
คืนที่แปด ดึกดื่นเที่ยงคืนเนี่ยหลีสามคนก็ยังคงล่าแกะเขาโค้งอยู่ท่ามกลางความมืด
ราตรีมืดมิด เกือบตีสามแล้ว
ลู่เพียวหาวหวอดๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เนี่ยหลี ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะขอขึ้นไปงีบบนคบไม้สักหน่อย” ล่าแกะเขาโค้งเจ็ดวันติดต่อกันไม่หยุด มันเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว
ไม่แค่ลู่เพียว ตู้เจ๋อก็ทนไม่ได้อีกแล้วเช่นกัน
“เนี่ยหลี ข้าก็ต้องของีบเช่นกัน” ตู้เจ๋อเอ่ย เปลือกตาของมันฝืนเปิดมาตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ต่อให้เป็มนุษย์เหล็กก็ทนไม่ไหวแล้ว
“พวกเ้าไปนอนสักตื่นหนึ่งก่อนเถอะ คืนพรุ่งนี้พวกเราจะหยุดล่า ข้ามีแผนต่อไปแล้ว!” เนี่ยหลีพูด พวกมันสะสมเงินได้กว่าหนึ่งหมื่นหกพันเหรียญจิตอสูรแล้ว นี่เป็ทองถังแรกของพวกมัน ต่อไปพวกมันก็สามารถทำเื่ต่างๆ ได้มากมายแล้ว ไม่จำเป็ต้องล่าแกะเขาโค้งอีกต่อไป
ลู่เพียวกับตู้เจ๋อปีนขึ้นไปบนคบไม้สูง เอนกายลงนอนบนกิ่งไม้แล้วก็หลับไปในทันที ใบหน้าอ่อนเยาว์ทั้งสองเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้ทั้งคู่จะแก่เกินอายุ จะอย่างไรก็ยังคงเป็เพียงเด็กวัยรุ่นคู่หนึ่ง
เนี่ยหลีพุ่งตัวแฝงไปตามแมกไม้ ดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่บนฟ้า เสียงแมลงชนิดต่างๆ ดังขึ้นเป็ครั้งคราว ทำให้รอบด้านยิ่งเงียบขึ้น
ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ จึงควรปลอดภัยยิ่ง
เวลานี้เอง เนี่ยหลีได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่าง ในป่าห่างออกไปดูเหมือนมีเงาคนอยู่ที่นั่น
“ใครมาฝึกยุทธ์อยู่ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว?” สองคิ้วของเนี่ยหลีขมวด พุ่งตัวไปยังทิศทางนั้นไม่กี่ร้อยเมตร มันซ่อนตัวอยู่ในเงาไม้ มองเข้าไปในบริเวณลานโล่งที่มีแสงจันทร์สาดส่อง อาศัยแสงจันทรา เขาเห็นเงาร่างอ้อนแอ้นบอบบางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ นางมีผมยาวประบ่า สวมใส่ชุดหนังสัตว์ และก็กำลังกระจายรัศมีสีฟ้าบางตาออกมา
นี่เป็แสงจากพลังิญญา!
แม้ยังก้าวไม่ถึงระดับทองแดง แต่อีกไม่นานก็คงก้าวถึง
อาศัยแสงจากพลังิญญา สายตาของเนี่ยหลีจับอยู่บนใบหน้าของนาง นางหลับตาพริ้ม ขนตางอนยาวสั่นไหวน้อยๆ สองคิ้วของนางโก่งเรียว ผิวขาวผ่องของนางเป็สีชมพูระเรื่อบ่งบอกถึงสุขภาพอันดี เรียวปากอิ่มเอิบสีแดงงดงามละมุน นางกับเยี่ยจื่ออวิ๋นมีความงามที่แตกต่างกัน เยี่ยจื่ออวิ๋นสุขุมสง่าราวกับดอกจื่อหลัวหลันสีม่วงที่สวยงาม ส่วนนางเปี่ยมเสน่ห์ยวนใจราวกับดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมคม
“คนนั้นคือเซียวหนิงเอ๋อร์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นาง” เนี่ยหลีใเล็กน้อย เซียวหนิงเอ๋อร์ขยันฝึกหนักกว่าที่เขาคิด ดึกดื่นป่านนี้ก็ยังฝึกพลังิญญาอยู่ เดาว่าอีกไม่นานก็คงจะก้าวขึ้นถึงระดับทองแดงอย่างแน่นอน
คิดถึงชีวิตในชาติที่แล้ว หลังจากที่เซียวหนิงเอ๋อร์ก้าวหน้าขึ้นถึงระดับทองแดงหนึ่งดาว นางก็เกิดป่วยอยู่ถึงสองปี พลังยุทธ์จึงถดถอยลงเป็อันมาก แม้นางจะกลับมาฝึกใหม่อย่างขยันขันแข็ง พูดกันว่าั้แ่นั้นนางก็มีอาการป่วยออดๆ แอดๆ แม้นางเจ็บป่วยอยู่ นางยังคงเปรียบดังดาวจรัสแสงในสายตาของผู้อื่น นี่เป็สตรีที่เข้มแข็งผู้หนึ่ง!
เมื่อคิดถึงว่าเซียวหนิงเอ๋อร์กำลังฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่ถึงกลางดึก เนี่ยหลีพลันเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกมาก แม้เซียวหนิงเอ๋อร์ขยันขันแข็ง แต่นางกลับกำลังล้อเล่นกับชีวิตของตน
คิดไปคิดมาเนี่ยหลีก็เดินเข้าไปหาเซียวหนิงเอ๋อร์
“นั้นใคร!?” เซียวหนิงเอ๋อร์พลันลืมตาขึ้น ส่งเสียงคราหนึ่ง มือก็ชักมีดสั้นออกมา นางจ้องมองเนี่ยหลีอย่างระวัง สีหน้าเ็า
ท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงตาระวังภัยคู่นั้นยิ่งเปี่ยมด้วยเสน่ห์ไม่อาจบรรยายได้
แม้นางเพิ่งอายุสิบสามปี แต่ก็นับว่าเป็เด็กสาวงดงามผู้หนึ่ง เสื้อหนังตัวบางบนทรวงอกอวบอูมเล็กน้อย อายุเพียงแค่นี้ นางสมควรภาคภูมิใจแล้ว
“ข้าเอง เนี่ยหลี!” เนี่ยหลีพูด แม้เขาไม่เคยสนทนากับเซียวหนิงเอ๋อร์ พวกเขายังนับว่าเป็เพื่อนร่วมชั้นและค่อนข้างคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง
เซียวหนิงเอ๋อร์ลดมีดสั้นลงแต่ยังคงระมัดระวังตัวขณะจ้องมองเนี่ยหลีและเอ่ยถาม “เ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
เนี่ยหลียิ้มบาง “แล้วเ้ามาอยู่ตรงนี้ทำอะไร?”
“ข้าฝึกพลังิญญาอยู่ที่นี่” เซียวหนิงเอ๋อร์อาศัยแสงจันทร์จ้องมองเนี่ยหลี เนี่ยหลีสองคิ้วคมคาย เขาค่อนข้างหล่อเหลา ไม่มีสีหน้าน่ารังเกียจเหมือนบางคน
เนี่ยหลียักไหล่กล่าว “ข้ามาเดินเล่นแถวนี้”
“เ้าโกหก อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ หลายวันที่ผ่านมานี้พวกเ้าเป็คนฆ่าแกะเขาโค้งพวกนั้น” เซียวหนิงเอ๋อร์พูด นางเห็นทั้งสามั้แ่แรกแล้ว เพียงแต่นางไม่ได้ออกไปทักทายพวกเขาทั้งสามเท่านั้นเอง ที่เซียวหนิงเอ๋อร์สงสัยก็คือสิ่งที่พวกเนี่ยหลีทาไว้บนลูกศรซึ่งสามารถล้มแกะเขาโค้งได้ในดอกเดียว ทว่านางไม่เป็ฝ่ายเริ่มเอ่ยถามความลับของผู้อื่น
“ที่แท้เ้าก็รู้อยู่นานแล้ว” เนี่ยหลีพูด มองๆ เซียวหนิงเอ๋อร์ ขณะที่นางบุ้ยปาก เรียวปากอวบอิ่มงดงามของนางดูมีเสน่ห์ยากจะบรรยายได้ ทว่ามันมีเยี่ยจื่ออวิ๋นอยู่ในหัวใจแล้ว ดังนั้นความรู้สึกของข้าที่มีต่อเซียวหนิงเอ๋อร์จึงเป็เพียงความชื่นชมต่อรูปโฉมและความขยันหมั่นเพียรของนางเท่านั้น แค่รูปโฉมของเซียวหนิงเอ๋อร์เพียงอย่างเดียว นางก็สามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนฐานะที่สูงส่งได้แล้ว กระนั้นนางยังอุตส่าห์อาศัยเพียงกำลังของตน แปรเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อตัวนาง
เพียงเสียดาย นางกลับใช้ผิดวิธี
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ดอกจื่อหลัวหลัน (紫罗兰 Zǐluólán) คือดอกไวโอเลตหรือดอกอังกาบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้