เื่นี้ถึงไม่พูดหลินฟู่อินก็ต้องทำอยู่แล้ว แต่นางก็ยังพยักหน้ารับ
พอคิดไปคิดมา นางก็นึกอยากพูดเื่กิจการร้านสมุนไพรขึ้นมา
“ลูกม้าที่เ้าช่วยทำคลอดให้เมื่อตอนนั้น ตอนนี้แข็งแรงดีมาก ร่างกายดีเสียยิ่งกว่าแม่ของมันอีก” อยู่ๆ หวงฝู่จินก็พูดขึ้น
หลินฟู่อินชะงัก นี่เขายอมพูดกับนางเื่ม้านั่นด้วย?
“หรือเ้าไม่อยากรู้เื่ม้าที่ทำคลอดออกมา?” หวงฝู่จินเลิกคิ้วถาม
หลินฟู่อินรู้สึกว่าคำถามของเขาประหลาดอยู่บ้าง
อันที่จริงนางไม่ได้อยากทำคลอดให้ม้าแม่ลูกนั่นเสียหน่อย แต่เขาเป็คนถาม นางจะปฏิเสธก็คงไม่ได้
“แล้วแม่ม้าล่ะเ้าคะ?” นางถาม
สิ่งที่นางสนใจมากกว่าคือแม่ม้า ก็เหมือนกับมนุษย์นี่เอง ครอบครัวส่วนมากพอคลอดลูกออกมาแล้วก็สนใจแค่ตัวเด็ก ไม่ได้ใส่ใจคนเป็แม่สักเท่าไร
ชาติก่อนนางเห็นมาเยอะเหลือเกิน ทั้งยังรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
“ต้าเสวี่ยดีมาก ข้าจะไม่ดีต่อมันได้ยังไง?” อยู่ๆ เห็นนางถามถึงแม่ม้าขึ้นมา แต่หวงฝู่จินกลับไม่เห็นว่าประหลาดแต่อย่างใด
อันที่จริงกลับทำให้เขาชอบใจด้วยซ้ำ
ตามประวัติศาสตร์อันยาวนานของเป่ยหรง มีคนมากมายที่จำได้เพียงมารดาไม่จดจำบิดา เพราะพวกเขาล้วนแต่ใส่ใจผู้เป็แม่
ส่วนบิดานั้น ส่วนมากบิดามักจะเป็บิดาของพี่น้องต่างแม่มากมาย บ้างมีลูกเป็สิบๆ คน ดังเช่นพ่อของเขาที่มีลูกเยอะเสียจนตั้งชื่อไม่ไหว
ไม่ว่าจะคลอดก็ดี เลี้ยงดูให้เติบใหญ่ก็ดี
ผู้ดูแลล้วนแต่เป็มารดาทั้งนั้น
หลินฟู่อินไม่รู้เลยว่าคำถามเดียวของนางกลับทำให้บุรุษตัวโตซาบซึ้งขึ้นมาได้
แน่นอนว่าเื่ของเป่ยหรงอะไรนั่นนางไม่ได้รู้ด้วยซ้ำ แต่ในฐานะคนยุคปัจจุบันที่สติสมบูรณ์ดี นางรู้สึกว่าทั้งพ่อทั้งแม่ก็สำคัญต่อลูกเท่าๆ กัน ถึงนางจะกำพร้าั้แ่เด็กก็เถอะ
หวงฝู่จินมีท่าทีครุ่นคิดลึกซึ้งครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กลับมาสงบดังเดิม มุมปากของชายหนุ่มขยับน้อยๆ เป็รอยยิ้ม ดูใจดีเป็อย่างยิ่ง
หลินฟู่อินเงยหน้ามองเขา เมื่อได้รอยยิ้มนั่นแล้วก็นึกอยากจะคุยกับเขามากขึ้นอีกหน่อย
“ลูกม้าปกติดีใช่หรือไม่?”
หวงฝู่จินพยักหน้า แล้วอยู่ๆ ก็เปลี่ยนเื่ “แป้งนี่ทำได้ไม่เลวเลย”
หลินฟู่อินเม้มปาก คิดว่าเขาควรจะพักให้มากหน่อย จึงกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ น้ำแกงไก่ตั้งเตาอุ่นไว้ ตอนเย็นจะได้ทานได้อีก หากคนของท่าน้าอาหารก็ซื้อได้ พรุ่งนี้ส่งคนไปหาข้าเพื่อรับน้ำแกงไก่กับอาหารอีกนะเ้าคะ” นางคิดแล้วกล่าวเสริม “ไปแบบเงียบๆ นะเ้าคะ”
ดวงตาของหวงฝู่จินทอประกายวาบ เด็กคนนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ยังไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา แต่ตอนนี้กลับมีท่าทีผ่อนคลายลงไปมาก
เพราะเหตุใดกันแน่?
ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร หลินฟู่อินก็ค้อมศีรษะเอ่ยลาและจากไปเสียแล้ว
หวงฝู่จินได้ยินเสียงผู้ใต้บังคับบัญชาของตนส่งเสียงทักทายนางดังลอดเข้ามา
หลินฟู่อินยังมอบของให้คนเหล่านี้ ตวนมู่เฉิงยัดแป้งทอดเข้าปากแล้วยกนิ้วให้นาง
“แป้งทอดของแม่นางหลินอร่อยสุดยอดจริงๆ!”
พอชายหนุ่มพูดจบ บุรุษตัวโตๆ หลายคนต่างก็ส่งเสียงเห็นด้วยแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง
ถึงคนพวกนี้จะเป็พวกป่าเถื่อนที่ขู่คนด้วยการเลียเืบนคมมีด แต่ก็ดีต่อนางที่ช่วยชีวิตผู้เป็นายของพวกตนให้กลับมาจากปากประตูปรโลก
ความตรงไปตรงมาเช่นนี้เป็เอกลักษณ์ของชาวเป่ยหรง
“แม่นางหลินจะกลับแล้วหรือ?” เหล่าลิ่วยัดแป้งทอดเข้าปาก เคี้ยวๆ อยู่หลายที ก่อนจะมองหน้าหลินฟู่อิน
เด็กสาวพยักหน้ารับ บุรุษหน้าตาดุดันเหล่านี้ก็ไม่ได้ต่างจากพวกนางเลย
นางจึงไม่ได้หวาดกลัวอีกแล้ว
“ข้าไปส่งท่านเอง” เหล่าลิ่วยิ้มเผล่
หลินฟู่อินมองตวนมู่เฉิง
สายตาคล้าย้าคุยกับเขา
“ประเดี๋ยวข้าไปคุยกับนายท่านแล้วจะไปส่งแม่นางหลิน…”
ยังไม่ทันสิ้นคำ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงผู้เป็นาย “ในป่ามีสัตว์ร้ายอยู่มาก อย่าให้นางใเอาได้”
“ขอรับ” ตวนมู่เฉิงโค้งรับคำสั่งหน้าประตู ก่อนจะมองเหล่าลิ่วแล้วสั่ง “ไปเอาตั๋วแลกเงินหนึ่งร้อยตำลึงมา”
“ไม่จำเป็เ้าค่ะ” หลินฟู่อินพูดชัดเจนว่าไม่้าคิดเงินจากอาหารมื้อนี้จึงเอ่ยปฏิเสธทันที
หนึ่งร้อยตำลึงเงินเป็เงินมากมายนัก นาง้าเงิน แต่กลับไม่้าเงินของบุรุษผู้นี้ แม้จะเป็ค่าอาหารของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ตามที
“เื่นี้…” เห็นนางปฏิเสธอีกครั้ง ทั้งยังมีสีหน้าจริงจัง ตวนมู่เฉิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เื่ของกินยังอีกหลายวัน ท่านตวนมู่ ข้ามีเื่อยากจะถาม เราคุยกันระหว่างเดินกลับได้หรือไม่?” หลินฟู่อินกล่าวด้วยท่าทีไม่ถ่อมตนเกินไป ทั้งยังไม่หยิ่งผยองเกินไปเช่นกัน
“เช่นนี้…ก็ได้” ตวนมู่เฉิงเก็บตั๋วแลกเงินจากเหล่าลิ่วใส่แขนเสื้อ และเดินออกจากกระท่อมไปพร้อมกัน
“แม่นางหลินอยากรู้อะไรหรือ?”
หลินฟู่อินเอ่ยถามตามตรง “ท่านตวนมู่ ข้าอยากทราบว่านายท่านของท่านเคยโดนพิษชนิดอื่นมาก่อนหรือไม่? เคยได้รับาเ็ภายในหรือไม่?”
ได้ยินคำถามนี้จากนางทำให้หัวใจตวนมู่เฉิงหล่นวูบ เปลือกตากระตุกไม่อาจควบคุม
เื่นี้เขาไม่อาจตอบได้
ทันทีที่เห็นสีหน้าอีกฝ่าย หลินฟู่อินก็ทราบได้ทันทีว่าเขาไม่อยากตอบ หรืออาจจะไม่กล้าตอบ จึงไม่เค้นถามให้ลำบากใจ
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดต่อเสียงเบา “ไม่เป็ไร ไม่ใช่เื่ใหญ่เ้าค่ะ”
เมื่อเห็นเด็กสาวไม่เซ้าซี้ ตวนมู่เฉิงก็โล่งใจ
เขาสำรวจหลินฟู่อินอีกครั้ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้มีความสามารถมากเกินไป หาไม่แล้ว…
วันต่อมา เมื่อหลินฟู่อินต้มน้ำแกงไก่กับทอดแป้งจนสุก เหล่าลิ่วก็แวบเข้ามาในครัวเงียบๆ แล้วนำของจากไป
หลินฟู่อินเองไปพบหวงฝู่จินทุกวัน วันละครั้ง เห็นชายหนุ่มฟื้นตัวได้ดีนางก็โล่งใจ
ในวันนั้นเอง หลังจากที่เหล่าลิ่วมารับน้ำแกงไก่ไปแล้ว แขกที่ไม่คาดคิดสองคนก็มาเยือนบ้านนาง
คนแรกเป็สตรีหน้าซีดตัวผอมอายุราวห้าสิบปี สวมชุดสีเขียวลายดอกไม้ สวมต่างหูเงิน บนเส้นผมประดับปิ่นเงิน
ดูแล้วสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ทว่าเบ้าตาลึกโหล โหนกแก้มสูง กรามเป็เหลี่ยมทำให้ดูไม่ค่อยดีนัก
ด้านหลังเป็บุรุษอายุราวยี่สิบ มีลักษณะผิวซีดร่างผอมเช่นกัน ดูๆ แล้วคิ้วมีส่วนคล้ายหลินซานหลางอยู่บ้าง คล้ายกระทั่งท่าทีเกียจคร้าน
หลินฟู่อินทราบได้ทันทีว่าคงเป็หลินต้าหลางที่ได้บ้านหลินสาขาอื่นรับไปเลี้ยงดู
สตรีวัยกลางคนแค่นเสียงทันทีที่เห็นหน้าหลินฟู่อิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “เ้าคือลูกสาวคนโตของหลินสามหรือ? เหตุใดพบหน้าข้าแล้วไม่รู้จักคารวะทักทาย?”
“...” หลินฟู่อินนิ่งไปนิด ก่อนจะกระแอมไอ ถามว่า “ท่านเป็ใครหรือเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้