เมื่อความเงียบสงัดมาเยือน เรือนโกโรโกโสแห่งนี้ก็ดูน่าหดหู่อย่างยิ่ง
ห้องหับเองก็ชำรุดทรุดโทรม
ไป๋เซี่ยเหอค้นพบ ‘ห้องนอน’ ของเ้าของร่างจากความทรงจำ
นางรื้อค้นเสื้อผ้าในตู้ที่ดูซอมซ่อ และพบอาภรณ์เนื้อบางที่ไม่เข้ากับฤดูกาลนี้เพียงไม่กี่ชุด
“ชิ ช่างน่าสงสารจริงๆ”
เห็นได้ชัดว่าไป๋เซี่ยเหอมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ผู้คนล้วนมองว่านางเป็ถึงบุตรสาวของตระกูลแม่ทัพที่ได้รับความรักความเอ็นดูเป็อย่างยิ่ง
ว่ากันว่าแม่ทัพไป๋โปรดปรานไป๋ฮูหยินจนถึงกระดูก ความรักของทั้งสองคนมั่นคงดั่งทองและลึกซึ้งยิ่งนัก
แต่หลังจากไป๋ฮูหยินหมดสติเพราะช่วยเหลือแม่ทัพไป๋ แม่ทัพไป๋ก็ดูชราขึ้นถึงสิบปีภายในชั่วข้ามคืน
นับั้แ่นั้นมา ความรักอันลึกซึ้งที่เขามีต่อไป๋ฮูหยินก็แปรเปลี่ยนเป็การให้ท้ายไป๋เซี่ยเหอเสียอย่างนั้น เพื่อให้บุตรสาวได้รับการดูแลที่ดี แม่ทัพไป๋ได้ให้สัตย์สาบานว่าจะไม่แต่งงานอีก ทว่ากลับแต่งตั้งสาวใช้ที่ไป๋ฮูหยินไว้ใจมากที่สุดให้เป็ภรรยารอง แล้วมอบหมายให้นางมีอำนาจควบคุมดูแลจวน เพื่อจะได้ดูแลบุตรสาวอย่างไป๋เซี่ยเหอให้ดียิ่งขึ้น เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็เื่น่าขบขันที่โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง
นอกจากไป๋เซี่ยเหอแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าทั้งหมดนี้เป็เพียงภาพลวงตา!
ในความทรงจำของไป๋เซี่ยเหอ แท้จริงแล้วบิดาผู้นี้เป็คนเสแสร้ง ส่วนอี๋เหนียง[1]ก็ยิ่งไม่ใช่คนดี...
“ปัง!”
ประตูที่ผุพังแล้วถูกใครบางคนเตะอย่างแรงจนล้มลงกับพื้น
ไป๋เซี่ยเหอหันไปมอง สายตาของนางหยุดอยู่ที่ร่างของไป๋หว่านหนิงที่กำลังเดินอาดๆ เข้ามา หญิงสาวผู้นี้น่าจะมีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปี สวมชุดกระโปรงสีม่วง บริเวณ้าปักดอกโบตั๋นดอกใหญ่ที่กำลังเบ่งบานด้วยด้ายสีแดง
ไป๋หว่านหนิงกับไป๋เซี่ยเหอเป็พี่น้องต่างมารดากัน ทว่ารูปลักษณ์ของพวกนางกลับไม่คล้ายคลึงกันแม้แต่น้อย
ความงามของไป๋เซี่ยเหอนั้นโดดเด่น ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความก้าวร้าว
ทว่าไป๋หว่านหนิงกลับเหมือนดอกฝูหรงที่ลอยอยู่ในลำธารใสแจ๋ว ท่าทีของนางดูอ่อนโยนนุ่มนวล นอกจากนี้ นางยังสืบทอดทักษะการเจรจาพาทีจากมารดาของนางถึงเจ็ดหรือแปดส่วน นางเชี่ยวชาญเื่การทำให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ทั้งยังเก่งเื่การทำให้ตนเองสมปรารถนาและการโน้มน้าวใจผู้อื่นด้วย
“นางแพศยา! แม้แต่คนของข้าก็ยังกล้าทุบตี! เ้ารนหาที่ตายใช่หรือไม่?” ไป๋หว่านหนิงกล่าวพลางถลึงตาใส่ไป๋เซี่ยเหอ นางปรารถนาให้ดวงตาของตนเองกลายเป็คมมีด แล้วแล่ไป๋เซี่ยเหอที่อยู่ตรงหน้าออกเป็ชิ้นๆ
ก่อนหน้านี้ไป๋หว่านหนิงกำลังรอฟังข่าวดีจากเฉียวเอ๋อร์อยู่ในห้องของตนเอง แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าเฉียวเอ๋อร์จะพ่ายแพ้ นางโกรธจัดและตัดสินใจพาสาวใช้ตรงรี่มาที่เรือนของไป๋เซี่ยเหอ
“คุณหนูรอง ท่านต้องล้างแค้นให้บ่าวนะเ้าคะ คุณหนูใหญ่พูดจาไม่เคารพท่าน บ่าวทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ จึงได้สั่งสอนนางแทนท่าน แต่ใครจะรู้ว่า...จะเป็ดังสุภาษิตที่ว่าจะตีหมายังต้องดูเ้าของ ในเมื่อวันนี้บ่าวถูกทำร้ายเช่นนี้ พรุ่งนี้ใบหน้าของคุณหนูรองจะวางไว้ที่ไหนได้ล่ะเ้าคะ?”
“หุบปากเสียนางคนโง่เง่า! ช่างทำให้ข้าอับอายเสียจริง!” แม้ว่าตอนอยู่ข้างนอกไป๋หว่านหนิงจะมีภาพลักษณ์ที่ดูทรงภูมิและสุภาพเรียบร้อย ทว่าความจริงแล้วนางมีนิสัยเห็นแก่ตัวและไร้น้ำใจเป็อย่างยิ่ง
อันที่จริงนางมาที่เรือนของไป๋เซี่ยเหอไม่ใช่เพื่อล้างแค้นให้เฉียวเอ๋อร์!
ทว่านาง้ากอบกู้ศักดิ์ศรีของตนเองต่างหาก!
แม้ว่าตอนนี้ไป๋หว่านหนิงจะโกรธเคืองที่เฉียวเอ๋อร์ทำให้นางต้องอับอาย แต่หญิงสาวที่เป็สาเหตุของเื่ทั้งหมดได้อยู่ตรงหน้านางแล้ว แล้วนางจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไร?
นางเดินไปตรงหน้าไป๋เซี่ยเหอ แล้วยื่นมือไปบีบคางของอีกฝ่ายอย่างแรง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงโเี้ “ไป๋เซี่ยเหอ แม้แต่คนของข้าเ้ายังกล้าแตะต้อง ทำไม? เพราะไท่จื่อจะอภิเษกสมรสกับเ้าในไม่ช้าเลยรู้สึกลำพองใจอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอไม่พูดอะไร ไป๋หว่านหนิงจึงหัวเราะเยาะ “ฮึ นางโง่ มีสมรสพระราชทานแล้วอย่างไร? ไท่จื่อจะแต่งตั้งข้าเป็เช่อเฟย[2]ในไม่ช้า ส่วนเ้าที่เป็ไท่จื่อเฟยน่ะหรือ? เฮอะ รอไปก่อนเถิด ไท่จื่อตรัสแล้วว่าเ้าจะก้าวเท้าเข้าตำหนักของไท่จื่อได้ก็ต่อเมื่อข้าเอ่ยปากยินยอมเท่านั้น”
สองประโยคสุดท้ายนั้นเป็ไป๋หว่านหนิงที่นั่งเทียนขึ้นมาเอง
แม้ว่าไท่จื่อจะชื่นชอบนาง ทว่านางกลับไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมีอิทธิพลต่อความคิดของไท่จื่อ นางเพียงอยากเห็นท่าทีอิจฉาริษยาของไป๋เซี่ยเหอเท่านั้น
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้มีปฏิกิริยาอย่างที่นางคาดหวัง
ไป๋เซี่ยเหอไม่เพียงไม่อิจฉาเท่านั้น นางกลับลุกขึ้นปรบมือแทน “จริงหรือ? ข้ายินดีกับเ้าด้วยจริงๆ นะน้องสาว” เมื่อโสเภณีจับคู่กับสุนัข ก็ย่อมต้องคู่กันไปตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย
ท่าทีของไป๋เซี่ยเหอนั้นแตกต่างจากปกติอยู่มากโข ทำให้ไป๋หว่านหนิงเกิดความไม่สบายใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก นางกระตุกมุมปาก “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ไป๋เซี่ยเหอกะพริบตา นางพยายามแสดงท่าทีอ่อนแอรังแกง่ายเฉกเช่นที่เ้าของร่างนี้เคยเป็ “ความจริงแล้วข้านั้นรู้มาโดยตลอดว่ามีเพียงน้องสาวเท่านั้นที่คู่ควรกับไท่จื่อ เพียงแต่...”
ก่อนจะล่อลวงไป๋หว่านหนิงให้ติดกับ นางต้องยกยออีกฝ่าย แล้วพูดจากำกวมทำให้อยากรู้ เมื่อเห็นว่าถ้อยคำนี้สามารถดึงดูดความสนใจของไป๋หว่านหนิงได้ ไป๋เซี่ยเหอก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ไป๋หว่านหนิงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยไว้ใจใครจากใจจริงแม้กระทั่งสาวใช้ข้างกายนาง
ดังนั้น ไป๋เซี่ยเหอจึงกำจุดอ่อนของนางได้อย่างรวดเร็ว
“เพียงแต่อะไร? รีบพูดเร็วเข้า หากเ้ายังเล่นลิ้นอยู่เช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้คนจับเ้าใส่กรงแล้วนำไปถ่วงน้ำ!”
“เพียงแต่เฉียวเอ๋อร์ผู้นี้น่ะ ช่างหน้าด้านหน้าทนจริงเชียว นึกไม่ถึงว่าจะพูดถ้อยคำที่ไร้ยางอายอย่าง...”
เมื่อเฉียวเอ๋อร์ได้ยินชื่อของตนเอง ใบหน้าก็ซีดเผือดในทันที นางรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง จึงขัดจังหวะอย่างลนลาน “จะ เ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!”
ท่าทีของเฉียวเอ๋อร์อยู่ในสายตาของไป๋หว่านหนิงทั้งหมด นางกล่าวกับไป๋เซี่ยเหอด้วยสีหน้าดุร้ายและน้ำเสียงหนักแน่นอย่างยิ่ง “พูดต่อ!”
แน่นอนว่าไป๋เซี่ยเหอย่อม้าพูดต่ออยู่แล้ว ั์ตาหงส์ทอแววขบขัน นางหันไปมองเฉียวเอ๋อร์ สายตาของนางทำให้อีกฝ่ายขนลุกไปทั้งตัว เฉียวเอ๋อร์สังหรณ์ว่า บางทีวันนี้นางอาจตกอยู่ในกำมือของนางแพศยาคนนี้เสียแล้ว!
“เฉียวเอ๋อร์บอกว่า นางเป็คนของไท่จื่อแล้ว!”
เฉียวเอ๋อร์ไม่กล้าคาดเดาว่า เมื่อความลับของตนเองถูกเปิดเผยต่อหน้าคุณหนูรองที่ฆ่าคนเป็ผักปลาโดยไม่กะพริบตาผู้นี้ ผลที่ตามมาจะเป็เช่นไร!
“เ้าอย่าพูดเหลวไหล บ่าวไม่ได้พูดเช่นนั้นนะเ้าคะ บ่าวไม่มีทางพูดแน่ คุณหนูรองอย่าไปเชื่อคำพูดของนางแพศยาคนนี้นะเ้าคะ นางจงใจพูดเช่นนี้เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างบ่าวกับคุณหนูรองเ้าค่ะ!”
“จริงหรือ? เ้ากล้าทดสอบหรือไม่?”
“เ้าว่าอะไรนะ?” เฉียวเอ๋อร์มองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ มีความวิงวอนเล็กน้อยเจืออยู่ในแววตาของนาง
นางลืมไปแล้วว่าคราแรกที่นางทำร้ายไป๋เซี่ยเหอ ตอนนั้นอีกฝ่ายได้คุกเข่าขอร้องนางอย่างไม่ลังเล ทว่ากลับไม่ได้รับความเมตตาจากนางเลย!
“ในเมื่อเ้าบอกว่าข้าพูดเหลวไหล เช่นนั้นก็หาคนมาทดสอบเสียหน่อยว่าเ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่!”
ความจริงแล้วเมื่อไป๋เซี่ยเหอเอ่ยเื่นี้ออกมา ไป๋หว่านหนิงก็เชื่อไปถึงเจ็ดหรือแปดส่วนแล้ว
นางจ้องมองเฉียวเอ๋อร์ เพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะแก้ตัวอะไรอีก!
แม้ว่าเฉียวเอ๋อร์จะไม่บริสุทธิ์ แต่ตราบใดที่ลากตัวชายหนุ่มสักคนออกมารับผิด ก็อาจพ้นเคราะห์นี้ไปได้
น่าเสียดายที่เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาแล้ว เฉียวเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและหวาดกลัวจนตัวสั่นกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
ในใจของนางยังคงคิดถึงความรุ่งเรืองและมั่งคั่งในตำหนักของไท่จื่อ นางคิดถึงสถานะนางข้าหลวงที่ไท่จื่อได้ให้สัญญาไว้
ในที่สุดไป๋หว่านหนิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเดินไปตบเฉียวเอ๋อร์อย่างแรง เล็บของนางข่วนใบหน้าของอีกฝ่ายจนเป็แผลยาว และมีเืไหลซิบๆ ออกมา แผลที่ว่าลากยาวจากกกหูไปจนถึงกราม ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่คลายโทสะ “ใครก็ได้มานี่ โบยบ่าวทรยศคนนี้ให้ตาย แล้วโยนศพให้สุนัขแทะเสีย!”
ไป๋เซี่ยเหอเผยรอยยิ้มกระหายเืออกมา เฉียวเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายไป๋หว่านหนิงมานาน แต่กลับไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดนอกจากความโง่เขลาและความละโมบโลภมาก ตอนนี้ดูเหมือนไป๋หว่านหนิงจะตัดมือขวาของตนด้วยมือของนางเอง นี่หมายความว่าไป๋เซี่ยเหอได้ระบายความโกรธแค้นแทนเ้าของร่างแล้ว!
ไป๋หว่านหนิงเหลือบมองร่างไร้ชีวิตที่อาบไปด้วยเืของเฉียวเอ๋อร์ด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็มองไปทางไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไป๋เซี่ยเหอ อย่าคิดว่าคำพูดสวยหรูของเ้าจะเกลี้ยกล่อมข้าได้! ตราบใดที่เ้าไม่ยอมสละตำแหน่งไท่จื่อเฟย ข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าไป!”
ไป๋เซี่ยเหอหรี่ตา ลมปราณค่อยๆ แผ่ปกคลุมร่างกายของนาง นางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “หากข้าบอกว่าไม่เล่า?”
ไป๋หว่านหนิงหัวเราะคิก ก่อนจะเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “เช่นนั้นก็ดูแลแม่ของเ้าให้ดีแล้วกัน!”
------------------------
[1] อี๋เหนียง หมายถึง อนุภรรยา
[2] เช่อเฟย หมายถึง ชายารอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้