“เป็ท่านแม่ทัพเหล่ยถิงที่อาศัยอยู่บนถนนทางตะวันตกกับท่านอ๋องมู่แห่งวังหลู่หนานอ๋องที่ทะเลาะกัน”
คนผู้นั้นตอบ
รูม่านตาของฮวาเหยียนหดตัวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะปล่อยชายคนนั้นไป
เมื่อชายผู้นั้นได้สติก็รีบวิ่งหนีไปทันที
ฮวาเหยียนไม่สนใจคนคนนั้นแล้ว คิดในทางกลับกัน นางกลัวว่าท่านพ่อมู่ของนางจะนำสัญญาหนี้ของนางไปหาเจียงจื่อฮ่าวเพื่อทวงหนี้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นจึงเริ่มทะเลาะกัน
เมื่อคิดดูแล้ว มันคุ้มค่าหรือ?
ไปเยือนถึงประตูบ้านคนอื่น ผลออกมากลับทะเลาะกัน เกรงว่าคงขาดทุนเป็แน่
หากท่านพ่อมู่ต้องพบเจอยาวสามสั้นสอง [1] นางคงไม่สามารถให้อภัยตนเองตลอดชีวิตได้
“เสี่ยวไป๋ เ้าจงไปหาพี่ชายคนโตของข้าเพื่อส่งจดหมายนี้ให้เขา ข้ามีเื่ที่จะต้องไปจัดการ”
ฮวาเหยียนหยิบพู่กันและกระดาษออกมาลงมือเขียนสองสามคำและส่งให้เสี่ยวไป๋ มันคาบเอาไว้ในปาก ก่อนจะหายตัวไปไม่เห็นแม้เงาด้วยการพุ่งตัวเพียงครั้งเดียว
ฮวาเหยียนมองไปรอบๆ เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น นางจึงถอดหมวกงอบบนศีรษะของนางออกก่อนจะโยนเข้าไปในพื้นที่วิเศษ แล้วก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปที่จวนของท่านแม่ทัพเจียงถิงทันที
...
ในเวลานี้ ที่ประตูจวนของตระกูลเจียง หากกล่าวว่าผู้คนหลั่งไหลห้อมล้อมจนมืดฟ้ามัวดินก็ถือเป็คำกล่าวที่ไม่เกินจริง บริเวณภายในกินพื้นที่เข้าไปสามชั้นและภายนอกสามชั้นสามล้วนปกคลุมไปด้วยผู้คน
สถานการณ์หน้าประตูจวนตระกูลเจียงนั้นยุ่งเหยิงยิ่งนัก
สิงโตหินที่ประตูถูกคนทุบ หัวสิงโตกลิ้งไปด้านข้าง และร่างของสิงโตก็แตกกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
เมื่อมองไปที่ประตูของจวนตระกูลเจียง คนรับใช้หลายสิบคนนอนอยู่บนพื้นกรีดร้องด้วยความเ็ป
บริเวณขั้นบันได้านั้นมีชายร่างสูงไว้หนวดเครายืนอยู่อย่างโกรธเคือง รูปลักษณ์ของเขาไม่หล่อเหลาองอาจ ดูดุร้ายเล็กน้อย คิ้วทั้งหนาและดกดำ ในตอนนั้นเขาเบิกดวงตาจ้องเขม็งไปที่บุรุษที่ยืนตรงขั้นบันไดด้านล่าง
และผู้ที่ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดด้านล่างนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมู่เอ้าเทียน
วันนี้เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีดำ ดูสง่างามองอาจ สูงส่งและทรงพลัง ในมือถือหอกพู่สีแดงอยู่ และนั่นทำให้เขาน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งในมืออีกข้างของเขาก็จับมือของเด็กผู้ชายตัวน้อยที่มีใบหน้างดงามละเอียดอ่อนหวาน ซึ่งนั่นก็คือหยวนเป่านั่นเอง
“มู่เอ้าเทียน เ้ากลั่นแกล้งรังแกกันเกินไปแล้ว”
ฮวาเหยียนรีบวิ่งเข้าไป พอดีกับที่ได้ยินเสียงคำรามของเจียงถิง
สายตาของมู่เอ้าเทียนเ็ายิ่ง "เปิ่นหวางรังแกเ้าอย่างไร? ติดหนี้ก็ย่อมต้องชำระ หลักการของฟ้าดินย่อมมิอาจเปลี่ยนแปลง"
“ติดหนี้? แม่ทัพเช่นข้าติดค้างหนี้เ้าั้แ่เมื่อใด อย่ากล่าววาจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระ”
เจียงถิงเบิกตาที่กลมโตจนแทบถลน พลางคำรามเสียงดัง
เสียงของเขาดังราวกับตีระฆัง [2] สั่นะเืบาดแก้วหูของคนที่อยู่ใกล้จนเ็ป พวกเขาต่างพากันยกมือปิดหูและเอนกายหลบ
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนยิ่งมืดครึ้มลงกว่าเดิม เขารีบเอามือปิดหูของหยวนเป่าน้อยและจ้องเขม็งไปที่เจียงถิงอย่างไม่พอใจ “ชายชราหยาบคาย เสียงของเขาดังราวกับฟ้าร้อง หากมันทำให้หลานชายตัวน้อยของข้ากลัว ข้าจะไม่จบกับเ้าแน่"
“มู่เอ้าเทียน ข้าจะบอกเ้าให้รู้ไว้ เ้าอย่ารังแกคนมากจนเกินไปนัก อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทุบตีเ้า! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เอ้าเทียน เจียงถิงก็โกรธจนแทบกระอักเืตาย แน่นอนว่าเขาเป็คนที่ไต่เต้าจากเบื้องล่างที่ต่ำที่สุดขึ้นมา พื้นฐานครอบครัวของเขาไม่ใช่ตระกูลขุนนางร่ำรวย เมื่อได้ยินมู่เอ้าเทียนกล่าวหาเขาว่าเป็คนหยาบคาย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างจ้องเขม็งและเปี่ยมไปด้วยความโมโห
เขาอายุใกล้เคียงกับมู่เอ้าเทียน ในตอนแรกพวกเขาล้วนเข้าร่วมการต่อสู้ ร่วมเป็ร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่ฮ่องเต้ในสนามรบ ทว่าแม้จะเป็แขนซ้ายไหล่ขวา [3] ของฮ่องเต้ ทว่าไม่ว่าจะเป็การต่อสู้หรือการทำา เขามักจะตามหลังมู่เอ้าเทียนอยู่เล็กน้อยเสมอ
สองคนนี้แย่งชิงกันั้แ่ยังเยาว์ เ้าไม่ยอมข้า ข้าก็ไม่ยอมเ้า
เมื่อทั้งสี่อาณาจักรถูกตั้งรกรากและกองทัพที่กลับมาจากชัยชนะหวนกลับคืนสู่ราชสำนัก เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็ท่านแม่ทัพใหญ่ ส่วนมู่เอ้าเทียนได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็ท่านอ๋อง ซึ่งนั่นทำให้เขาโกรธเป็อย่างยิ่ง
ดีที่ในเื่ของการแต่งงาน ถือว่าเขาชนะไปเื่หนึ่ง
เขาแต่งงานกับน้องสาวของฮองเฮา ทว่ามู่เอ้าเทียนแต่งงานกับสตรีธรรมดาคนหนึ่ง
แต่เมื่อถึงเวลาคลอดบุตร เขาได้รับบุตรชายคนหนึ่ง
ส่วนมู่เอ้าเทียนคนนี้มีบุตรชายสามและบุตรสาวหนึ่ง...
มารดามันเถอะ อย่างไรก็มิอาจเทียบชั้นได้เลยจริงๆ
เขาทั้งโกรธและผิดหวังเป็อย่างยิ่ง
มู่เอ้าเทียนคนนี้ชอบที่จะต่อสู้กับเขาั้แ่เด็ก หากเขาบอกว่าให้ไปทางตะวันออก มู่เอ้าเทียนย่อมต้องบอกว่าให้ไปทางตะวันตก!
ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ทั้งสองล้วนมีตำแหน่งที่สำคัญในเมืองหลวงเช่นเดียวกัน นับได้ว่าหากเ้าไม่ทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าก็จะไม่กวนใจเ้า เมื่อต้องพบหน้ากันในราชสำนัก คนหนึ่งจะมองไปทางซ้าย คนหนึ่งก็มองไปทางขวา คนหนึ่งหันจมูกไปทางท้องฟ้า ส่วนอีกคนมองต่ำลงที่ปากตน ต่างคนต่างไม่แยแสสนใจซึ่งกันและกัน
เ้าแค่พูดให้มันน่าฟัง ท่าทีเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!
มู่เอ้าเทียนคนนี้กล้าดีอย่างไรถึงมายั่วโทสะเขาถึงหน้าประตูจวน! น่าโมโหยิ่งนัก
จากมุมมองของเจียงถิง มู่เอ้าเทียนมาเพื่อหาเื่ หลายปีมานี้ไม่เปิดปากกล่าวกับเขาสักคำ จู่ๆ กลับบอกว่าตนเป็หนี้ถึงสองหมื่นตำลึง? หยอกเล่นกันหรืออย่างไร
“เ้าเคยตีข้าได้หรือ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงถิง มู่เอ้าเทียนก็เหยียดริมฝีปาก ท่าทางเย่อหยิ่งจองหองแสดงความรังเกียจอย่างโจ่งแจ้งทำเอาเจียงถิงโมโหจนแทบจะะเิตาย
“ท่านตา เรามาเข้าเื่กันเถิด”
ในเวลานั้นเอง หยวนเป่าน้อยก็ดึงมือของมู่เอ้าเทียนและพูดด้วยเสียงแ่เบา
เดิมทีพวกเขาออกมาั้แ่เช้าตรู่และวางแผนที่จะตรงมาที่จวนตระกูลเจียงเพื่อทวงเงิน แต่หยวนเป่าน้อยเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับเมืองหลวงที่ครึกครื้นจอแจ ไม่เช่นนั้นมู่เอ้าเทียนคงไม่ใจอ่อนยอมพาหยวนเป่าน้อยเดินจากถนนตะวันออกไปยังถนนตะวันตก และออกจากถนนตะวันตกไปยังถนนทิศเหนือ ทานอาหารกลางวัน ก่อนจะมาที่จวนตระกูลเจียงหรอก
เดิมทีมู่เอ้าเทียนวางแผนที่จะกล่าววาจาพูดคุยตกลงกันดีๆ แต่หลังจากที่คนเฝ้าประตูเข้ามารายงาน เขากลับได้ฟังประโยคที่ว่า 'ท่านแม่ทัพไม่อยู่’
หือ นี่กำลังตั้งใจจะปฏิเสธและขังเขาอยู่นอกประตูจวนใช่หรือไม่
นั่นทำให้มู่เอ้าเทียนะเิโทสะและทุบเข้าไปที่ศีรษะของสิงโตหินหน้าประตูจวนโดยตรง
ผลลัพธ์นั้นทำให้เจียงถิงโผล่หน้าถมึงทึงออกมาได้สำเร็จ
เมื่อได้ยินเสียงเตือนสติของหยวนเป่าน้อย มู่เอ้าเทียนก็พ่นลมหายใจฮึดฮัด ดึงสัญญาออกมาจากเสื้อตรงอกของเขา เขย่ามันไปตรงหน้าของเจียงถิง "เจียงถิง เ้าจงดูให้ดี นี่คือสัญญาที่บุตรชายของเ้าเขียนด้วยลายมือตนเอง เขาติดหนี้บุตรสาวของข้าสองหมื่นตำลึง ข้าผู้นี้เดิมทีก็อยากจะเข้าไปในจวนของเ้าเพื่อพูดคุยกันส่วนตัว ที่ไหนได้ เ้ากลับหลบอยู่ในจวนไม่ยอมออกมา ช่างมีเจตนาที่ดีเสียจริง"
ฝีปากของมู่เอ้าเทียนเฉียบคมยิ่งนัก เขาเขย่าสัญญาหนี้ที่ว่าไปยังกลุ่มผู้ชมโดยตรง คนที่อยู่แถวหน้าสุดพุ่งเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองดูให้ชัดเจน
การโต้กลับของฝั่งมู่เอ้าเทียนสั่นะเืได้ดียิ่ง คนจำนวนมากล้วนมาเพื่อชมความสนุก เหตุเพราะตอนนี้ตระกูลมู่อยู่ท่ามกลางกระแสลมปากแหลมคม [4]
บุตรสาวคนโตที่หายตัวไปจากตระกูลมู่ถึงสี่ปีหวนกลับคืนมาแล้วและนางก็พาลูกชายมาด้วย
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กที่มู่เอ้าเทียนจับจูงอยู่น่าจะเป็บุตรของมู่อันเหยียน ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาองอาจสง่างาม ดูดีจนไม่อาจเทียบได้ ยืนอยู่ที่นั่นราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
และเมื่อเห็นท่าทีปกป้องของมู่เอ้าเทียน นั่นย่อมทำให้คนที่พบเห็นเ็ปไปถึงแก่นหัวใจ
เจียงถิงแต่เดิมก็ไม่สามารถคาดเดาเจตนาของมู่เอ้าเทียนออก เขาเพียงแค่คิดว่าศัตรูที่มาเยือนถึงหน้าประตูย่อมไม่ใช่เื่ดี ดังนั้นจึงปฏิเสธไปโดยตรง ผู้ใดจะทราบว่ามู่เอ้าเทียนจะลงมือรุนแรงเช่นนี้!
อีกทั้งตอนนี้ยังมีสัญญาหนี้โผล่มาอีก?
สองหมื่นตำลึง?
จะไม่รีบไปคว้ามาดูได้อย่างไร!
เจียงถิงไม่เชื่อเป็ทุนเดิม เขารีบสับเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปหามู่เอ้าเทียน "ข้าจะบอกให้นะ มู่เอ้าเทียน เ้านี่ช่างไม่มีเื่แส่หาเื่ยิ่งนัก หนี้สองหมื่นตำลึง? บุตรชายของข้าเป็หนี้บุตรสาวของเ้า ช่างน่าขำอะไรเยี่ยงนี้ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าบุตรสาวของเ้าหายตัวไปสี่ปี จะเป็ติดหนี้กันได้อย่างไร? ข้าว่าเ้ามาที่นี่เพื่อหาเื่มากกว่า”
เจียงถิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ฮึ จะเป็หนี้หรือไม่เป็ เบิกตาของเ้าดูให้ดี หากวันนี้เ้าไม่นำเงินออกมาคืนข้า เปิ่นหวางจะทำลายจวนแม่ทัพของเ้าให้สิ้นซาก”
เสียงเงียบลง และเขาก็ส่งสัญญาหนี้ในมือไปตรงหน้าของเจียงถิง...
เชิงอรรถ
[1] ยาวสามสั้นสอง 三长两短 sān chánɡ liǎnɡ duǎn เป็สุภาษิตที่ใช้อธิบายถึงความโชคร้าย การสูญเสียถึงขั้นเสียชีวิต การประสบกับภัยพิบัติที่อันตรายถึงชีวิต
[2] 声如洪钟 shēng rú hóng zhōng อธิบายเสียงของการพูดหรือร้องเพลงที่ดังและชัดเจน เช่น การตีระฆังขนาดใหญ่
[3] แขนซ้ายไหล่ขวา 左膀右臂 zuo bang you bi แปลตรงตัวแปลว่าแขนซ้ายแขนขวา ใช้บรรยายถึงผู้ช่วยหรือลูกน้องที่ทำงานได้เป็อย่างดี
[4] กระแสลมปากแหลมคม 风口浪尖 fēng kǒu làng jiān หมายถึง การวิพากษ์วิจารณ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้