บุคคลที่เข้าใจสถานการณ์นั้นชาญฉลาด นี่คือคำขวัญของไป๋เซี่ยเหอผู้เป็ทหารรับจ้างในอดีตชาติ
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ไป๋เซี่ยเหอได้วิเคราะห์สถานการณ์จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะดูอันตราย ทว่านางกลับไม่รู้สึกถึงการคุกคามเอาชีวิตจากเขา
ดังนั้น ไป๋เซี่ยเหอจึงเอาหัวของตัวเองถูไถเข้ากับฝ่ามืออันเย็นเยียบของฮั่วเยี่ยนไหวอย่างยอมจำนนต่อโชคชะตา จากนั้นนางก็หลับตาลงเพื่องีบหลับ
ไม่รู้ว่าเป็เพราะเกี้ยวแกว่งไกวอย่างแ่เบาเป็ครั้งคราว จนทำให้นางรู้สึกสบายเกินไป หรือเป็เพราะกลิ่นหอมเบาบางจากร่างของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้นางจิตใจสงบนิ่ง ไป๋เซี่ยเหอที่เมื่อก่อนเป็คนมีนิสัยระแวดระวังอยู่เสมอ กลับนอนหลับอยู่บนฝ่ามือของบุรุษอย่างคาดไม่ถึง
ฮั่วเยี่ยนไหวมองก้อนสีขาวที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนฝ่ามือของตน ราวกับได้ยินเสียงกรนอันหอมหวานของเ้าจิ้งจอกน้อยที่ข้างหู เขายกมือขึ้นนวดคลึงบริเวณหว่างคิ้ว ดูเหมือนว่าวันเวลาต่อจากนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ ไป๋เซี่ยเหอก็ตื่นขึ้น
นางมองเห็นเตียงไม้หลีสลักลายดอกไม้อันกว้างใหญ่ ผ้าม่านสีเทาอ่อนที่ปักลวดลายใบไม้หยกด้วยด้ายสีทองแขวนไว้ข้างเตียงอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย คานทำจากไม้จันทน์ ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ที่ใช้ต่างดวงไฟ ห้องนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นสะระแหน่เย็น ชวนให้จิตใจสงบยิ่งนัก
เพียงแต่ดวงตาอันแวววาวของจิ้งจอกได้กวาดไปทั่วห้องแล้วก็ไม่พบร่างของบุรุษผู้นั้น กลับมองเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุราวสิบห้าปีแทน ใบหน้านั้นอ่อนเยาว์น่ารักและไม่มีพิษมีภัย เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำปลอดที่เห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากับเขานัก
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มยื่นมือมาหมายจะลูบตนเอง ไป๋เซี่ยเหอพลันะโขึ้นจากเตียงราวกับปลาหลีฮื้อ ขนสีขาวลุกชันทั่วทั้งร่าง หมายจะพุ่งไปกัดตามสัญชาตญาณ
“ซี้ด ดุขนาดนี้เชียว แล้วจะมีจิ้งจอกตัวผู้ที่ไหนกล้าแต่งงานกับเ้ากัน?” อิ๋งเฟิงในวัยสิบห้าปีมีฐานะเป็หัวหน้าองครักษ์เงาของฮั่วเยี่ยนไหว ฝีมือย่อมไม่ธรรมดา ทว่าเมื่อไป๋เซี่ยเหออ้าปาก เขาก็หดมือกลับไปอย่างรวดเร็วยิ่ง พลางลูบอกตนเองป้อยๆ ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
เกี่ยวอะไรกับเ้ากัน!
ไป๋เซี่ยเหอแยกเขี้ยวยิงฟัน พยายามเผยท่าทีดุร้ายเพื่อข่มขู่เด็กหนุ่มตรงหน้า
เด็กหนุ่มคลี่ยิ้ม “ก็น่ารักอยู่หรอก มิน่าเล่าท่านอ๋องถึงได้เก็บเ้าไว้”
โรครักความสะอาดของฮั่วเยี่ยนไหวนั้นเป็ที่ล่วงรู้กันทั่ว นอกจากพวกเขาที่เป็องครักษ์เงาแล้ว ท่านอ๋องก็แทบไม่เข้าใกล้สิ่งมีชีวิตใดอีก โดยปกติแล้วหากมีสิ่งมีชีวิตบุกรุกเข้าไปในเกี้ยวของท่านอ๋อง เกรงว่าคงมีจุดจบเดียวคือมีสภาพศพที่ไม่ครบสมบูรณ์ แต่ใครจะรู้ว่าจิ้งจอกน้อยตรงหน้าตัวนี้ ท่านอ๋องเป็คนอุ้มกลับมาด้วยมือตัวเอง
เมื่อเขาได้ยินเื่นี้ก็รีบเข้ามาสืบข่าวคราวแทนเหล่าพี่น้ององครักษ์เงา ถึงอย่างไรบุคคลที่สามารถเข้าห้องนอนของท่านอ๋องนั้น นอกจากตัวท่านอ๋องเองแล้วก็มีเพียงเขาเท่านั้น
โอ้ ไม่สิ ยังมีจิ้งจอกน้อยตรงหน้าตัวนี้ด้วย
ไป๋เซี่ยเหอมีชีวิตมาสองชาติ แต่นี่คือเื่น่าหดหู่ที่สุดของนาง ในอดีตนางเป็ทหารรับจ้างที่สังหารคนโดยไม่กะพริบตา มืออาบย้อมไปด้วยโลหิต แต่เหตุใดถึงได้ย้อนเวลามาเป็คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ กอปรกับร่างกายของคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ยังจำแลงกายเป็ลูกจิ้งจอกที่อ่อนแอเช่นนี้ได้อีก!
อิ๋งเฟิงสังเกตท่าทีของไป๋เซี่ยเหอ เขารู้สึกประหลาดใจเป็อย่างยิ่ง เดรัจฉานน้อยตัวนี้ดูเหมือนจะฟังภาษามนุษย์ออกอย่างนั้นหรือ?
“จิ้งจอกน้อย เ้าคิดจะตามหานายท่านหรือ?” อิ๋งเฟิงไม่ได้ลืมว่าตอนที่จิ้งจอกน้อยตื่นขึ้นมาก็หันซ้ายแลขวา ดูเหมือนจะตามหาคนอย่างไรอย่างนั้น
นางพยักหน้า
ถึงอย่างไรภายในจวนแห่งนี้นางก็รู้จักเพียงฮั่วเยี่ยนไหว
เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกน้อยพยักหน้า คิ้วของอิ๋งเฟิงก็แทบจะเลิกขึ้นไปถึงหน้าผาก เขาชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งด้วยท่าทีเหม่อลอย “นายท่านอยู่ทางนั้น แต่ว่า...”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบก็เห็นเพียงแสงสีขาวสายหนึ่งสว่างวาบ จิ้งจอกน้อยตรงหน้าพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้ว่าลูกจิ้งจอกจะตัวเล็ก ทว่ามีสัญชาตญาณของสัตว์ นางฟื้นฟูร่างกายเล็กน้อยก่อนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา ไป๋เซี่ยเหอก็มาถึงทางที่อิ๋งเฟิงชี้ นางเห็นเรือนหลังหนึ่งที่ดูหรูหรายิ่ง ทั้งเรือนล้วนทำจากหินอ่อน ทั้งยังมีหินอ่อนทรงกลมล้อมรอบ นอกเรือนปลูกเหมยแดงไว้หลายต้น กอปรกับหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ดูส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่างงดงามตระการตาจนไม่อาจสรรหาคำมาชื่นชมได้
เรือนหลังนี้ปิดประตูไว้ ไป๋เซี่ยเหอก้าวไปที่ประตูด้วยขาสั้นทั้งสี่ ก่อนออกแรกผลักด้วยอุ้งเท้าดอกเหมย...ผลักเข้าไป...ผลัก
ใบหน้าของจิ้งจอกหม่นหมองลงทันที
เส้นทางนี้ถูกปิดกั้น!
ทว่าการยืนตัวสั่นเทาท่ามกลางลมหนาวรอคนอยู่หน้าประตูเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีของไป๋เซี่ยเหอเอาเสียเลย ในเมื่อประตูนี้เปิดไม่ได้ เช่นนั้นก็หาทางอื่นแล้วกัน
เจอแล้ว!
ดวงตาแวววาวของจิ้งจอกจ้องมองบานหน้าต่างที่เปิดอ้าจนแสงจากด้านในเล็ดลอดออกมา
ไป๋เซี่ยเหอปีนขึ้นไปบนต้นเหมยที่อยู่ใกล้บานหน้าต่างมากที่สุด จากนั้นนางก็จำแลงเป็แสงสีขาวสายหนึ่ง พุ่งเข้าไปในบานหน้าต่างจนเกิดเสียง ‘ฟิ้ว’
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกว่าตนเองกำลังร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว นางยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นเพื่อปกป้องบริเวณศีรษะตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตาม ความเ็ปที่คาดว่าจะได้รับดูเหมือนจะมาไม่ถึง
เมื่อไป๋เซี่ยเหอลดอุ้งเท้าลงและเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดาพลันปรากฏสู่สายตา ในเวลานี้ความน่าเกรงขามในดวงตาคู่นั้นกำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิง
นางมองต่ำลงไปอีก...
นางมองเห็นบ่อน้ำพุร้อน ภายในน้ำมีผิวสีแทน ลอนกล้ามเนื้ออันงดงาม และท่อนแขนกำยำ นี่หมายความว่าในเวลากลางวันแสกๆ บุรุษผู้นี้กำลังแช่น้ำด้วยร่างกายเปลือยเปล่า!
‘เพียะ’ หลังดิ้นหลุดจากการจับกุมของฮั่วเยี่ยนไหว ไป๋เซี่ยเหอก็ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยอุ้งเท้าดอกเหมยสีขาวปุกปุยอย่างไม่เกรงใจ
ฝ่ามือของลูกจิ้งจอกจะเ็ปได้เพียงใดเชียว ทว่าหากเป็เื่ศักดิ์ศรีแล้วนั้น ฮั่วเยี่ยนไหวไม่อาจทานทนได้!
ฝ่ามือใหญ่หิ้วตัวจิ้งจอกน้อยขึ้นมาอีกครา บังเอิญว่านิ้วหัวแม่มือของเขากดอยู่ที่ลำคอบอบบางของจิ้งจอกน้อยพอดิบพอดี กล่าวได้ว่าหากเขาออกแรงเพียงเล็กน้อย จิ้งจอกน้อยตัวนี้จะต้องตายราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉาที่ร่วงโรยเป็แน่
สีหน้าของไป๋เซี่ยเหอเปลี่ยนจากความอับอายไปเป็หวาดผวาและโกรธเคือง ทว่าสีหน้าที่แสดงถึงความอับอายก่อนหน้านี้กลับถูกฮั่วเยี่ยนไหวสังเกตเห็น
อับอาย?
เขาไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? นึกไม่ถึงว่าจิ้งจอกตัวหนึ่งที่แอบลอบเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อถ้ำมองเขาจะเขินอายเป็ด้วย?
ลำคอเพรียวบางในมือยังคงแผ่ความร้อนออกมา ขนจิ้งจอกอ่อนนุ่มเสียดสีกับฝ่ามือของเขา จนรู้สึกถึงกระแสไฟที่ไหลเวียนผ่านปลายนิ้วเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
ในเวลานี้ไป๋เซี่ยเหอได้ปิดบังเจตนาสังหารอันลึกล้ำในแววตา นอกจากเจตนาสังหารแล้ว นางยังรู้สึกยอมจำนนด้วย เนื่องจากร่างจิ้งจอกนั้นอ่อนแอเกินไป ถึงแม้จะถูกใครบางคนกุมชะตาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ นางก็ไม่แม้แต่จะต้านทานได้เลย ความรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้ทำให้โทสะทั้งหมดของนางไปตกอยู่บนร่างของบุรุษตรงหน้า
เมื่อเห็นว่าบุรุษที่กุมลำคอของนางเอาไว้เอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ไป๋เซี่ยเหอก็กัดฟันแน่น ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าทันที!
นางตัดสินใจที่จะล้างแค้น
ไป๋เซี่ยเหอกระโจนเข้าหาบุรุษตรงหน้า จากนั้นก็อ้าปากกัดหน้าอกของเขา นางรู้ว่านางย่อมไม่อาจกัดเขาให้ตายได้ ทว่าฟันจิ้งจอกหิมะมีพิษแฝงอยู่ แม้ว่านี่จะเป็การทำลายศัตรูหนึ่งพัน ส่วนฝั่งตนสูญเสียแปดร้อยก็ตาม แต่นางก็ยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น แค้นแห่งความอัปยศอดสูนั้น หากไม่ชำระย่อมไม่อาจเลิกรา!
ทว่าไป๋เซี่ยเหอค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ยังมีเื่ที่บุรุษตรงหน้าทำให้นางรู้สึกอัปยศอดสูได้มากกว่านี้
นั่นคือ นางไม่มีฟัน!
ในเวลานี้ ปากของนางอิงแอบอยู่บริเวณหน้าอกของเขาในท่วงท่าที่ยากจะบรรยาย ช่าง...น่าอับอายยิ่งนัก!
หากเป็ไปได้ ไป๋เซี่ยเหอปรารถนาให้ตนเองสลบไป นางสาบานว่านี่คือเื่น่าขายหน้าที่สุดนับั้แ่นางมีชีวิตมาสองชาติ
“ท่านอ๋องอาบน้ำเสร็จแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?” อิ๋งเฟิงเดินถืออาภรณ์สะอาดสะอ้านที่พับซ้อนกันเข้ามา
หลังจากที่เขาออกมาจากเรือนแล้วหาจิ้งจอกน้อยไม่พบ จึงส่งคนไปค้นหาทุกแห่งหนในจวน แน่นอนว่าเรือนทังย่วนย่อมไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะท่านอ๋องเกลียดการถูกรบกวนยามแช่น้ำเป็ที่สุด เคยมีนางกำนัลผู้หนึ่งที่อาศัยว่าตนเองนั้นมาจากในวัง เล็ดลอดเข้ามายังเรือนทังย่วน ท่านอ๋องบันดาลโทสะ ให้คนมัดนางไว้บนต้นไม้ในจวน ไม่ให้ข้าวให้น้ำ จนลงเอยด้วยการสิ้นชีพไปอย่างช้าๆ
นับแต่นั้นมา นอกจากท่านอ๋องกับอิ๋งเฟิงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เรือนทังย่วนแม้แต่เพียงครึ่งก้าว ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดคิดว่าจิ้งจอกน้อยจะบุกเข้ามาในเรือนทังย่วน ต่อให้บุกเข้ามาแล้ว ย่อมอยู่ในสภาพศพจิ้งจอกเท่านั้น
เมื่อหาจิ้งจอกไม่พบ เขาที่ถูกท่านอ๋องมอบหมายให้ทำหน้าที่เฝ้าจิ้งจอกย่อมต้องดาหน้ามารับโทษ ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเขาเข้ามา จะเห็นฉากที่ทำให้คางแตะพื้นอยู่ตรงหน้าเสียอย่างนั้น
เขาพบจิ้งจอกตัวนั้นที่ก่อนหน้านี้ต้องค้นหารอบจวนแล้ว ทว่ามันกลับคลอเคลียอยู่ตรงหน้าอกของท่านอ๋องเสียนี่!
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้