“น้องสะใภ้สามช่างเป็หมอเทวดาหัตถ์เทวะเสียจริง รอเปิ่นหวงจื่อกลับมาแข็งแรงจะต้องขอบคุณน้องสะใภ้เป็อย่างดีแน่นอน” หลงเซี่ยวหลีสูดลมหายใจเข้าลึก อารมณ์ที่กระวนกระวายก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ และยังไม่ลืมที่จะยกยอมู่จื่อหลิง
มู่จื่อหลิงกรอกตาเงียบๆ ขอบคุณนางดีๆ? เช่นนั้นมิใช่พังพอนอวยพรปีใหม่ไก่หรือ [1] นางรับไว้ไม่ไหวหรอก
มู่จื่อหลิงจึงเมินหลงเซี่ยวหลีไปเสีย ลุกขึ้นไปที่โต๊ะตำรา นำดินสอถ่านออกมาเขียนส่วนประกอบตัวยาสองสามชนิด
หลงเซี่ยวหลีมากตัณหา จากนั้นก็จะหมกมุ่นในไฟแห่งราคะจนแทบอดใจรอหาคนมาระบายความใคร่ไม่ไหวมิใช่หรือ เช่นนั้นนางก็จะช่วยเขาอีกสักหน ช่วยเขาลดทอนไฟราคะ
ยาเหล่านี้หายากยิ่งนัก ้าหาให้เจอก็มิใช่ง่ายดาย นางไม่มีทางปล่อยให้หลงเซี่ยวหลีรู้สึกว่าตนเองหายดีง่ายดายปานนั้น จากนั้นก็เริ่มทำตามอำเภอใจอีกครั้ง ทำลายผู้บริสุทธิ์
มู่จื่อหลิงเขียนเสร็จ นางก็ส่งเทียบยาให้หมอหลวงผู้หนึ่ง ให้เขาดูว่ามีปัญหาหรือไม่
“ทูลองค์ชายใหญ่ ยาสองสามตัวนี้ไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากหมอหลวงตรวจดูจบ พูดกับหลงเซี่ยวหลีอย่างขลาดกลัว
ยามนี้หมอหลวงไม่เข้าใจยิ่งนัก องค์ชายใหญ่หมกมุ่นในราคะจนประสบไฟราคะย้อนกลับดังที่ฉีหวางเฟยพูดจริงหรือ
ทว่าเขาคิดไปคิดมานอกจากเหตุผลนี้ของฉีหวางเฟยแล้ว เขาก็ล้วนดูไม่ออก และไม่กล้าคาดคะเนอีกว่าเป็ปัญหาใด อีกอย่างเทียบยาเหล่านี้ของฉีหวางเฟยก็ล้วนเป็ยาลดธาตุไฟ ไม่มีปัญหาใด ราวกับเป็เช่นนั้นจริงๆ
“ดี รีบไปต้มยามา เปิ่นหวงจื่อจะกินเดี๋ยวนี้” หลงเซี่ยวหลีกล่าวอย่างรีบร้อน
ไม่สงสัยว่าเทียบยาของมู่จื่อหลิงจะมีปัญหาเลยแม้แต่น้อย ไม่คิดเช่นกันว่ามู่จื่อหลิงจะประสงค์ร้ายต่อเขา ยามนี้เขาเหมือนนั่งอยู่บนเข็ม คิดเพียงแค่อยากจะหายในเร็ววัน
หมอหลวงได้ยินก็ตัวสั่นเทา มิกล้าขยับเขยื้อน และมิกล้าเปิดปาก สำนักหมอหลวงล้วนไม่มียาเหล่านี้ องค์ชายใหญ่จะกินเสียเดี๋ยวนี้ แล้วเขาจะไปหามาจากที่ใด
ราวกับมองความลำบากใจของหมอหลวงออก มู่จื่อหลิงจึงเอ่ยอีกครั้ง “องค์ชายใหญ่ ยาเหล่านี้หายากยิ่งนัก มิอาจหาได้ภายในเวลาสั้นๆ ที่เปิ่นหวางเฟยนั้นมี ‘ยา’ อยู่หนึ่งขวด สามารถบรรเทาอาการอาเจียนไม่หยุดเมื่อพบสตรีของพระองค์ได้ชั่วคราว”
“อะไรนะ รีบเอามาเร็วเข้า” หลงเซี่ยวหลีได้ยินมู่จื่อหลิงกล่าวว่ามียาบรรเทา ก็เริ่มอดทนรอไม่ไหว แทบจะเหาะข้ามไปเอามาเอง
มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวหลีแทบรอไม่ไหวเช่นนี้ ก็ก้มศีรษะน้อยๆ ยิ้มอย่างมุ่งร้าย หยิบ ‘ยา’ ขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่ช้าไม่เร็ว ยื่นไปให้หมอหลวง หมอหลวงจึงรับยาไปถวายให้หลงเซี่ยวหลีด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าหมอหลวงยังไม่ฟื้นมาจากเส้นแบ่งแห่งความเป็ตายเมื่อครู่นี้
หลงเซี่ยวหลีรับขวดยามาเปิดฝาออกอย่างว่องไว มิถามวิธีใช้ก็ซด ‘อึกๆ’ จนหมดขวดเสียแล้ว
เขาดื่มหมดแล้วจึงรู้สึกว่าผิดปกติเล็กน้อย เหมือนจะเหม็นเน่าระคนเหม็นโฉ่ แต่ว่าเขานั้นมิได้สนใจ ขอเพียงหายเป็ปกติ ต่อให้รสชาติแย่ไปกว่านี้เขาก็จะดื่มลงไป
มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวหลีดื่ม ‘ยา’ หมดขวดรวดเดียวอย่างไม่ลังเล ในใจก็ขำกลิ้ง
สิ่งที่อยู่ในขวดนั้นคือมูลของคางคกม่วงสุดที่รักของนาง คางคกม่วงคือสัตว์พิษที่นางเลี้ยงไว้ในระบบซิงเฉิน เป็คางคกที่มีลำตัวสีม่วงตัวหนึ่ง เป็สัตว์พิษตัวโปรดของนาง
แม้มูลของคางคกจะเป็ของล้ำค่า แต่ต้องนำไปผสมกับตัวยาอื่นๆ เสียก่อนจึงจะกลายเป็ยาชั้นเลิศ หากดื่มเพียงอย่างเดียวก็ไม่ส่งปัญหาใด เพียงมีความหมายเดียวกับสุนัขกินอุจจาระในยามปกติเท่านั้นมิใช่หรือ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือมูลของคางคกม่วงนั้นเหม็นเน่าและเหม็นโฉ่เพียงพอ ในเมื่อไม่อาจลงโทษหลงเซี่ยวหลีอย่างใหญ่โตได้ นางก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง มิให้หลงเซี่ยวหลีพบความผิดปกติ แล้วคิดอย่างสุขใจว่านางคือผู้มีพระคุณ
หลังจากหลงเซี่ยวหลีดื่มหมด ก็เรอออกมาอย่างไม่รู้ตัว ในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของยาขวดนี้ ช่างเหม็นโฉ่เสียจริง เขาเบ้หน้า ถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดยานี่ถึงแปลกประหลาดเช่นนี้”
แม้มู่จื่อหลิงอยากจะหัวเราะออกมานัก แต่นางก็ยังควบคุมอารมณ์ได้เป็อย่างดี กล่าวอย่างนิ่งสุขุม “ยาดีนั้นขมปาก โรคขององค์ชายใหญ่มิได้พบทั่วไป ยาย่อมไม่เหมือนกับยาปกติ ตอนนี้องค์ชายใหญ่สามารถทดสอบฤทธิ์ยาได้เลยเพคะ”
ยามที่หลงเซี่ยวหลีััเชือกแดงวัดชีพจรนั้น พิษบนตัวเขาก็ได้รับการถอนไปอย่างช้าๆ แล้ว ดื่มน้ำยาหยกสกัดชั้นดีของคางคกม่วงเข้าไปก็มิได้ผลอันใด นางเพียงแค่อยากจัดการหลงเซี่ยวหลีอีกครั้งเท่านั้น ไม่คิดให้เขาผ่านพ้นไปโดยราบรื่นเกินไป
หลงเซี่ยวหลีได้ยินวาจานี้ก็ไม่ฟุ้งซ่านอีก ลุกขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น เตะร่างไร้ิญญาที่เกะกะสายตาพวกนั้นไปไว้ด้านข้างอย่างมั่วๆ จากนั้นก็ก้าวเข้ามาหามู่จื่อหลิงอย่างระมัดระวังทีละก้าว ไม่อาเจียนจริงๆ ด้วย ในใจเขาปรากฏความยินดีระลอกหนึ่ง ฝีเท้าก็ยิ่งไวขึ้น
แม้มู่จื่อหลิงจะรู้อยู่แล้วว่าหลงเซี่ยวหลีนั้นหยิ่งผยองวางตัวเหนือผู้อื่น แต่เมื่อเห็นเขาไม่เห็นร่างไร้ิญญาเ่าั้ในสายตา ในใจนางก็อดไม่ได้ที่จะมีไฟโทสะลุกโชนขึ้นมา
เมื่อเห็นหลงเซี่ยวหลีเหมือนจะโผเข้ามาหานางอย่างหื่นกระหายในวินาทีถัดไป ทันใดนั้นนางก็สาดน้ำเย็นใส่เขาทั้งถังด้วยการพูด
“ยานี้สามารถบรรเทาอาการขององค์ชายใหญ่ได้ แต่การรักษาที่ต้นเหตุจำต้องหายาบนเทียบยานี้ให้พบ ใน่ก่อนจะหายานี้พบ องค์ชายใหญ่สามารถพบสตรีได้เป็ปกติ แต่มิอาจััสตรีได้ งดกิจระหว่างชายหญิง หาไม่แล้วหากโรคกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เปิ่นหวางเฟยเองก็คงไร้กำลังจะช่วยเหลือเช่นกัน”
ก่อนหน้านี้นางทำให้หลงเซี่ยวหลีทั้งมิอาจพบสตรีและมิอาจเห็นสตรีได้ ยามนี้นาง้าให้หลงเซี่ยวหลีมองได้แต่มิอาจัั ทรมานเขาอีกระยะหนึ่ง หลงเซี่ยวหลีอยากััสตรีก็รอวันที่หายาเจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทว่านางเพียงแค่คิดเท่านั้น การกระทำต่อมาของหลงเซี่ยวหลีก็ทำให้แผนการแสนงดงามในใจนางต้องเปลี่ยนแปลง
หลงเซี่ยวหลีได้ยินคำพูดมู่จื่อหลิงก็ชะงักฝีเท้าลง
อารมณ์ดีๆ แต่เดิมของเขาดับมอดไปเสียกว่าครึ่ง ถีบหมอหลวงที่ส่งยาให้เขาอย่างแรง กล่าวอย่างมีโทสะ “มัวตะลึงอันใดอยู่ ยังไม่รีบไสหัวไปหายามาอีก หาไม่เจอก็ถือหัวมาเข้าเฝ้าเสีย”
หมอหลวงถูกเขาใช้เท้าถีบออกไปไกลสองสามเมตร กุมท้องตัวสั่นงันงก ตะเกียกตะกายคุกเข่าขึ้นมา จากนั้นกล่าวอย่างขลาดกลัว “เหล่าเฉินน้อมรับคำสั่ง เหล่าเฉินน้อมรับคำสั่ง”
“ไสหัวไป!” หลงเซี่ยวหลีคำรามออกมา ไม่ชายตาแลแม้แต่น้อย
มู่จื่อหลิงเห็นแล้วก็โกรธจัด ล้วนกล่าวว่าใกล้กษัตริย์ดั่งเคียงเสือ แต่ว่าหลงเซี่ยวหลีนี้ เสือก็ยังคงยกย่องเขา สารเลวยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก
สถานการณ์ในตอนนี้หากหมอหลวงไม่หายามาโดยเร็วที่สุด ชีวิตน้อยๆ ก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ดูท่าว่านางต้องยกเลิกความคิดที่จะทรมานหลงเซี่ยวหลีต่อไปเสียแล้ว
มู่จื่อหลิงรีบเดินก้าวเข้าไป รั้งหมอหลวงที่กำลังจะออกไปไว้ กล่าวเตือนเรียบๆ “รอเดี๋ยว ได้ยินว่าหลิงซั่นถังที่เพิ่งเปิดในเมืองหลวงมีตัวยามากมาย ท่านหมอหลวงสามารถไปดูที่นั่นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะหาได้บางส่วน”
ในเวลาคับขันนางยังไม่ลืมโฆษณาเล็กๆ ให้กับร้านของตนเอง ในเมื่อต้องนำมาให้หลงเซี่ยวหลี นางจำต้องขุดหลุมพรางให้ดี นางมิได้บอกชัดเจนว่าหลิงซั่นถังมียาพวกนี้
นางเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ว่ายาเหล่านี้หายาก ยามนี้ก็มาพูดว่าหลิงซั่นถังมีอีก อีกเดี๋ยวหลงเซี่ยวหลีไตร่ตรอง ก็คงดูออกว่านางปั่นหัวเขา อาจจะก่อเื่อะไรขึ้นมาก็ได้
หมอหลวงได้ฟังแล้วแม้จะไม่ค่อยเชื่อว่าร้านยาเปิดใหม่จะมีตัวยาหายากอันใด แต่ก็ยังคงซาบซึ้งมู่จื่อหลิงที่ช่วยชี้ทางสว่าง เขาค้อมหลังลงกล่าวกับมู่จื่อหลิงอย่างนอบน้อม “ขอบพระทัยหวางเฟยที่ชี้แนะ เหล่าเฉินจะไปเดี๋ยวนี้”
ไม่ว่าจะมีหรือไม่ เขาก็ต้องไปดูที่หลิงซั่นถัง ต่อให้มิอาจหาซื้อได้ทั้งหมด แต่สามารถหาซื้อได้หนึ่งสองอย่างเขาก็วางใจแล้ว หากหวางเฟยมาไม่ทันกาล เกรงว่าชีวิตชราของเขานี้คงมิอาจรักษาไว้ได้
มู่จื่อหลิงพยักหน้ากล่าว “รีบไปเถิด”
อ่อนแอเป็เนื้อ แข็งแกร่งกินเนื้อ ของสังคมโบราณ นางได้เห็นด้วยตาตัวเองก็วันนี้
ในบรรดาขุนนางทั้งหมดนั้นหมอหลวงน่าสงสารที่สุดแล้ว ไม่เพียงแค่ต้องให้ความร่วมมือกับสตรีวังหลังที่แย่งชิงความโปรดปรานกัน ในท้ายที่สุดเมื่อผลสืบสวนออกต้องกลายเป็ผู้ที่รับโทษตายแทน อีกทั้งหากพบเ้านายเช่นหลงเซี่ยวหลีนี้ เพียงปรนนิบัติไม่ดี ก็คงสิ้นชีวิตเร็วขึ้น
หมอหลวงเพิ่งออกไปฮองเฮาก็เข้ามา คาดว่าเมื่อครู่คงรอด้านนอกมาตลอด หลังจากหมอหลวงออกไปจึงรายงานนางว่ามู่จื่อหลิงรักษาโรคประหลาดของหลงเซี่ยวหลีได้ ยามนี้ใช้ยาระงับไว้ก่อน สามารถพบสตรีได้แล้ว ดังนั้นนางจึงเข้ามาอย่างมิรอช้า
“หวงเอ๋อร์ ตอนนี้เ้าพบแม่ได้แล้วใช่หรือไม่?” แม้จะได้ฟังหมอหลวงพูดแล้ว แต่นางก็ยังถามอย่างไม่แน่ใจ ์รับรู้ว่าที่เห็นหลงเซี่ยวหลีทุกข์ทรมานเช่นนี้ นางเองก็ทุกข์ระทมตามไปด้วย
“ฮ่าๆ เสด็จแม่ เปิ่นหวงจื่อไม่เป็ไรแล้ว หลังกินยาก็จะหายเป็ปกติ” ดูเหมือนว่าอารมณ์ของหลงเซี่ยวหลีจะไม่เลวเลย กล่าวด้วยความโล่งใจเป็อย่างยิ่ง
เขาอดกลั้นมาตั้งหลายวันแล้ว ทุกเวลาล้วนเฝ้าคิดถึงสตรีหอหมีเซียงเ่าั้และร่างกายชดช้อยของพวกนาง รอหายดี เขาจะต้องไปออกศึกใหญ่ที่หอหมีเซียงเสียสองสามคืน
มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวหลีตกอยู่ในห้วงจินตนาการด้วยท่าทางอันน่ารังเกียจ นางไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาจินตนาการถึงสิ่งใด หยาบคายไม่เปลี่ยนแปลง
ยามนี้นางไม่สามารถจัดการหลงเซี่ยวหลีได้ นางเกรงว่าจะนำหายนะมาให้ผู้บริสุทธิ์อีก รอวันที่หลงเซี่ยวหลีกรรมตามสนอง นางจะต้องเป็คนแรกที่จุดประทัดเฉลิมฉลอง
“หวงเอ๋อร์หายดีได้ แม่ก็วางใจ” ฮองเฮากล่าวอย่างใจอารี เสมือนว่าั้แ่แรกที่เข้ามาในสายตานางนั้นมีแค่หลงเซี่ยวหลี เห็นมู่จื่อหลิงเป็อากาศโดยสมบูรณ์
มู่จื่อหลิงเองก็ไม่แยแส นางแทบอยากจะถูกการเมินจากพวกเขาด้วยซ้ำ แม้นางถูกพวกเขาเมินเฉย ก็มิได้หมายความว่านางอยากฟังสองแม่ลูกร้องรับกัน แสดงละครมารดาคุณธรรมบุตรกตัญญู นางยิ่งไม่อาจทนดูท่าทางคางคกขึ้นวอและใบหน้าอันน่ารังเกียจของหลงเซี่ยวหลี
นางก้าวออกไปข้างหน้าถอนสายบัวให้ฮองเฮา กล่าวอย่างเรียบเฉย “เสด็จแม่ ในเมื่ออาการป่วยขององค์ชายใหญ่ได้รับการยับยั้งแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอตัวกลับจวนก่อนนะเพคะ”
ทว่าฮองเฮาหาได้ปล่อยให้มู่จื่อหลิงจากไปโดยง่ายไม่ นางอาจจะรู้สึกซาบซึ้งมู่จื่อหลิง ไม่ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะสนใจมู่จื่อหลิงหรือไม่ ตราบเท่าที่มู่จื่อหลิงยังเป็หวางเฟย นางก็มิอาจดีต่อมู่จื่อหลิงได้
ยามนี้มู่จื่อหลิงไม่เหมือนคนทั่วไป หากวันใดหลงเซี่ยวอวี่สังเกตเห็นนางขึ้นมา ลางสังหรณ์บอกนางว่ามู่จื่อหลิงจะกลายเป็อุปสรรคขัดขวางความสำเร็จการใหญ่ของพวกนาง
เหมือนฮองเฮานั้นเพิ่งเห็นมู่จื่อหลิงขึ้นมา จึงเผยท่าทางเป็มิตรออกอีกครั้ง “ยากนักที่หลิงเอ๋อร์จะเข้าวังสักครั้ง เมื่อครู่แม่ให้ห้องเครื่องหลวงจัดเตรียมอาหารชั้นเลิศ ครานี้หลิงเอ๋อร์รักษาเสด็จพี่ใหญ่เ้าจนหาย แม่ต้องตอบแทนเ้าให้ดี”
มู่จื่อหลิงคิดจะเอ่ยปากปฏิเสธ ฮองเฮาจึงชิงพูดว่า “วันปกติหลิงเอ๋อร์ก็เข้าวังน้อยนัก ครั้งนี้ก็อยู่เป็เพื่อนแม่ พวกเรามาปรับความเข้าใจกัน หลิงเอ๋อร์อย่าได้ปฏิเสธแม่เลย”
คำพูดนี้ของฮองเฮาทำให้มู่จื่อหลิงตัวสั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง เหตุใดก็ทำให้แผ่นหลังนางพลันเย็นวาบขึ้นมา นางรู้ว่าทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในวังหลวง การถอนตัวคงมิใช่เื่ง่ายดาย
-------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] พังพอนอวยพรปีใหม่ไก่ แปลว่าไม่มีเจตนาดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้