“แกมันผู้หญิงใจร้ายใจทราม! ทำไมถึงเอาลูกชิ้นทอดให้แม่ฉันกิน! รู้ทั้งรู้ว่าแม่เป็โรคความดันสูง ระบบย่อยไม่ดี ก็ยังจะให้กิน! เล่นเอาแม่ฉันท้องเสียอาเจียนปางตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว! นังผู้หญิงสารเลว! ฉันจะตีแกให้ตาย!”
ระหว่างที่พูด ฟู่ซินหลางที่กำลังเดือดดาลก็ระดมหมัดใส่คังอิงผู้เป็ภรรยาอย่างโเี้
คังอิงทางหนึ่งพยายามดิ้นรนหลบหลีก ทางหนึ่งร้องลั่น “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำลูกชิ้นทอดให้ท่านสักหน่อย! หลายวันก่อนท่านเอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าลูกชิ้นอร่อย ฉันเลยจำใจทำให้ท่านกิน!”
“ลูกแม่! ผู้หญิงคนนี้เลวมาก! แม่แค่บอกว่าลูกชิ้นน่ากิน บอกตอนไหนว่าอยากกินลูกชิ้นทอด! มื้อเที่ยงเมื่อวานมีกับข้าวจานเนื้อนั้นแค่จานเดียว แม่ไม่มีทางเลือกเลยจำใจกิน! หล่อนมันกลับดำเป็ขาวชัดๆ!”
เหมยเหนียงมารดาของฟู่ซินหลางยืนกุมท้องอยู่ในห้องนั่งเล่น ดวงตาคู่นั้นจ้องมองคังอิงอย่างเคียดแค้น พอเห็นลูกชายทุบตีคังอิง นางก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
“เห็นชัดๆ ว่าท่านแม่เอาแต่พูดซ้ำๆ ั้แ่เช้าจนค่ำว่าลูกชิ้นน่ากินแค่ไหน ฉันจะทำอะไรได้นอกจากทอดให้กินสักหน่อย ใครจะไปคิดว่าแม่จะกินหมดเกลี้ยงรวดเดียว กินไปมากขนาดนั้น ท้องจะไม่เสียได้ยังไง” คังอิงพยายามแก้ตัว
“ยังจะเถียง! ยังจะปากแข็งอีก! แม่ฉันอดทนเลี้ยงดูฉันมาั้แ่เด็กอย่างยากลำบากโดยลำพัง แกกล้าดียังไงมาใส่ร้ายแม่ฉัน! นางสารเลว ฉันจะตีแกให้ตาย!”
ฟู่ซินหลางยกเท้าขึ้นถีบไปที่หน้าอกของเธออย่างจัง คังอิงไม่ทันตั้งตัวจึงโดนถีบเข้าเต็มๆ ร่างของเธอลอยละลิ่วไปด้านหลังราวกับว่าวที่สายป่านขาด ศีรษะกระแทกเข้ากับมุมตู้ในห้องนั่งเล่น โลกพลันมืดดับ หมดสติไปในทันที...
เมื่อเห็นเธอนอนนิ่งไม่ไหวติง ฟู่ซินหลางที่รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจึงก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลงใช้มืออังจมูกของเธอเพื่อตรวจดูลมหายใจ ก่อนจะร้องเสียงหลง
“แย่แล้ว! เหมือนจะไม่หายใจแล้ว! เป็ไปไม่ได้ที่ฉันจะตีหล่อนจนตาย! จบสิ้นแล้ว! จะทำยังไงดี ถ้าฆ่าคนตายต้องติดคุกแน่!”
พอเหมยเหนียงได้ยินอย่างนั้น ก็รีบแตะต้นคอของคังอิงด้วยท่าทางร้อนรน จากนั้นนางก็มีสีหน้าโล่งอก “ไอ๊หยา ชีพจรยังอยู่ รีบพาหล่อนส่งโรงพยาบาลเร็วเข้า!”
...
คังอิงค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นที่โรงพยาบาล สมองบวมจนปวดร้าวไปหมด ภาพเหตุการณ์มากมายที่ไม่ใช่ของเธอเองวาบผ่านเข้ามาในหัว ปากของเธอถูกสอดด้วยท่อออกซิเจน ส่วนมือก็ถูกรัดด้วยสายวัดชีพจรกับความดันโลหิต ทำให้เธอได้แต่นอนตัวตรง ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้เลย
นี่มันที่ไหนกัน? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้?
คังอิงจำได้แค่เพียงว่า ตอนเครื่องบินโบอิ้งที่เธอนั่งอยู่กำลังแล่นสู่พื้นดิน เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว จากนั้นเปลวไฟก็ลุกโชติ่ขึ้นตรงหน้า จากนั้นเธอก็ไม่รู้เื่อะไรอีกเลย พอเธอได้สติอีกที เธอก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
ในตอนนี้เอง สายตาของเธอก็ค่อยๆ ปรับโฟกัส จึงเห็นโปสเตอร์โฆษณาติดอยู่ที่ปลายเตียง ภาพในโปสเตอร์นั้นเป็รูปเด็กอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่งกำลังกอดปลาตัวใหญ่พร้อมกับยิ้มแย้มสุดใจ บนโปสเตอร์เขียนว่า ‘วางแผนครอบครัวเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน’
นี่มันโปสเตอร์จากยุคไหนกันเนี่ย คังอิงมองดูโปสเตอร์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุคตรงหน้า แล้วก็อยากจะหัวเราะ แต่พอสายตาของเธอเหลือบไปเห็นปีที่เขียนไว้บนโปสเตอร์ ก็พลันชะงักไปชั่วขณะ ปี 1991... นี่มันไม่ถูกต้อง...
ทันใดนั้นเอง ข้อมูลจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของคังอิง เธอใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึงเข้าใจสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญตอนนี้
กลายเป็ว่า เธอเสียชีวิตแล้วจริงๆ จากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทว่าิญญาของเธอได้เดินทางข้ามกาลเวลามาเกิดใหม่ในร่างของผู้หญิงที่ชื่อ คังอิง เหมือนกับเธอในปี 1991
ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมาก ถูกสามีทุบตีจนตาย และบังเอิญว่าคังอิงมาร่างของหล่อนพอดี
คังอิงอดถอนหายใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้กลับมาเกิดใหม่จริงๆ ในชาติก่อนจนเธออายุสามสิบแปดแล้วยังไม่ได้แต่งงาน แต่พอลืมตาขึ้นมา เธอกลับแต่งงานแล้ว แถมสามีที่แต่งด้วยยังเป็ผู้ชายจำพวกเสือพวกสุนัขป่า ไหนจะยังมีแม่สามีที่พิษร้ายเหมือนแมงป่อง
ฟู่ซินหลางผู้เป็สามีสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงสามครั้ง และในที่สุดครั้งนี้เขาก็สอบเข้าวิทยาลัยครูท้องถิ่นอำเภอหลี่ได้ แม้ว่าจะเป็เพียงวิทยาลัย แต่ด้วยนโยบายในเวลานี้ หลังจากจบการศึกษาแล้วรัฐยังจัดสรรงานรองรับให้ด้วย สำหรับฟู่ซินหลางแล้ว นี่ไม่ต่างจากการเปลี่ยนไก่ให้กลายเป็หงส์
ฟู่ซินหลางเป็ลูกแหง่ติดแม่ เขาเติบโตมาพร้อมกับเหมยเหนียงที่เป็ม่าย แม่ของเขาก็รักใคร่ผูกพันกับเขามากเช่นกัน จนบางทีคล้ายกับมีปมโจคาสตา [1] อยู่มาก
หลังจากฟู่ซินหลางล้มเหลวจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งแรก เหมยเหนียงก็ล้มป่วยพอดี เพื่อให้ลูกชายเตรียมตัวสอบได้อย่างสบายใจ เหมยเหนียงจึงวางแผนให้ฟู่ซินหลางแต่งงานกับคังอิงผู้ซื่อสัตย์และจิตใจดี
ั้แ่นั้นเป็ต้นมา คังอิงที่เป็คนขี้ขลาดต้องทำงานหนักราวกับวัวกับม้าให้กับบ้านตระกูลฟู่ ไม่เพียงแค่ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงแม่ลูกตระกูลฟู่เท่านั้น แต่เธอยังต้องจัดการงานทุกอย่างทั้งในบ้านนอกบ้าน แถมยังต้องทนกับการถูกแม่ลูกตระกูลฟู่รังแก หลังจากแต่งงานกันได้สามปี ฟู่ซินหลางไม่เคยหลับนอนกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ เขาอ้างว่า เพราะไม่อยากส่งผลกระทบต่อการเรียน และยังต้องดูแลแม่ที่ล้มป่วย คังอิงกลับเชื่อคำพูดพวกนี้
หลังจากฟู่ซินหลางได้รับจดหมายตอบรับจากวิทยาลัย ทัศนคติของเขาที่มีต่อคังอิงก็ยิ่งแย่ลงไปอีก เขารู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น เขาเริ่มรังเกียจคังอิง หลายวันก่อน เขาเจอเื่ไม่น่าพอใจนิดหน่อย เลยจับคังอิงไว้แน่น แล้วดุด่าทุบตี จนนึกไม่ถึงว่าสุดท้ายจะพลั้งมือทำร้ายเธอจนตาย
คังอิงลอบถอนใจ นี่มันน้องสาวผู้น่าเห็นใจและน่าสงสารชัดๆ เธอไม่รู้ว่าเ้าของร่างเดิมยังหลงเหลือสติรับรู้อยู่บ้างหรือเปล่า จึงได้แต่พูดในใจว่า
น้องสาว เธอไม่ต้องกังวลนะ ในเมื่อฉันยืมร่างของเธอมาเกิดใหม่ ฉันจะแก้แค้นแทนเธอเอง ฉันจะทำให้แม่ลูกใจร้ายคู่นี้ได้พบจุดจบที่พวกเขาสมควรได้รับ!
พอคังอิงพูดจบ ประตูห้องก็เปิดออก เสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้นทันที เป็แม่ลูกตระกูลฟู่ เหมยเหนียงและฟู่ซินหลางที่เดินเข้ามา
คังอิงรีบหลับตาแสร้งทำเป็หมดสติ เธอยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับแม่ลูกคู่นี้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงหลับตาลงไม่สนใจอะไร
“โอย แย่แล้ว ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว หล่อนยังไม่ฟื้นเลย หมอบอกว่าได้รับาเ็ที่สมอง ถ้าเธอไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็ หล่อนอาจกลายเป็มนุษย์ผัก [2] ก็ได้ ถ้าเธอนอนเป็ผักจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลต่อวันน่าจะหลายร้อยหยวน นี่มิใช่เป็การเลี้ยงภาระก้อนโตหรือ? บ้านเรามีเงินมากให้ใช้รักษาเธอได้ที่ไหนกัน?” ฟู่ซินหลางโมโหจนหายใจแทบไม่ทัน
เหมยเหนียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำว่า “ถ้าหล่อนไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ อีกสามวัน พวกเราก็ถอดสายออกซิเจนทิ้งไปเสีย จะรักษาหล่อนต่อไปทำไม แม่เองยังไม่มีเงินซื้อยารักษาอาการตัวเองมากินเลย คราวนี้ถึงคราวหล่อนบ้างแล้ว”
“เยี่ยมเลย แม่ เป็ความคิดที่ดีมากเลยครับ ถึงยังไงหมอก็บอกแล้วว่าถ้านอนเป็ผักไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว” ฟู่ซินหลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย
คังอิงได้ยินแม่ลูกคู่นี้พูดคุยกันอย่างผ่อนคลายเกี่ยวกับเื่การตัดสินชีวิตของคนคนหนึ่งโดยไม่ลังเล หากเธอไม่ได้ควบคุมตัวเองไว้ คงจะตัวสั่นสะท้านออกมาแล้ว เธอคิดในใจว่าโชคดีจริงๆ ที่ตื่นขึ้นมาทันเวลา หากช้าไปอีกสามวัน เธอคงตายแหงๆ
“รอดูอีกสามวันแล้วค่อยว่ากันอีกที ถึงแม้วันนึงจะต้องจ่ายเงินไม่น้อยเลย เพราะดูเหมือนหมอจะสงสัยเกี่ยวกับแผลบนร่างกายคังอิง ผมแอบได้ยินพวกเขาพูดเื่จะแจ้งตำรวจด้วย ถ้าตอนนี้เราไปบอกเื่การถอดสายออกซิเจนกับหมอ เกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก” ฟู่ซินหลางกล่าวอย่างหวาดกลัว
“เื่แจ้งตำรวจไม่ต้องเป็ห่วงหรอก หมอเ้าของไข้เป็ลูกชายของลูกพี่ลูกน้องของป้าลูก เดี๋ยวแม่ไปบอกเขาเอง ญาติห่างๆ ก็นับว่าเป็ญาติ แม่จะไปบอกเขาว่าอย่าได้แจ้งความ”
เหมยเหนียงกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ จุดดีของเมืองเล็กๆ ก็ตรงนี้แหละ ทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องกันหมด หากสาวไปสาวมาก็จะเจอญาติพี่น้องมากมาย
“เยี่ยมไปเลย แม่ไหวพริบดีจริงๆ!” ลูกแหง่อย่างฟู่ซินหลางพลันมีน้ำเสียงผ่อนคลายลง
“เฮ้อ! ลูกคนนี้ก็ใจร้อนเกินไป ทำไมถึงทุบตีหล่อนจนเป็แบบนี้ คราวหน้าตอนลงมืออย่ารุนแรงนัก ถ้าตีจนเป็อะไรขึ้นมา พวกเราก็ต้องควักเงินค่ารักษาอีก” เหมยเหนียงบ่น
“ก็ตอนนั้นผมเห็นหล่อนทำแม่ทรมาน ก็เลยโกรธมาก อีกอย่าง ตอนนี้ผมสอบเข้าวิทยาลัยได้แล้ว หล่อนก็ไร้ประโยชน์ มิสู้ผมหย่ากับหล่อนไปดีกว่า” ฟู่ซินหลางกล่าวถึงความคิดที่แท้จริงของตัวเอง
เชิงอรรถ
[1] ปมโจคาสตา (Jocasta complex) เป็หนึ่งในทฤษฎีจิตวิเคราะห์ เกี่ยวกับแม่ที่มีความรู้สึกทางชู้สาวหรือทางเพศกับลูกชาย มีที่มาจากตำนานกรีกเื่ออดิปุส เื่ของลูกชายที่แต่งงานกับมารดาของตนเองโดยไม่รู้ตัว โดยทั่วไปคนมักคุ้นเคยกับปมออดิปุส คือลูกชายที่หลงรักแม่ตัวเองมากกว่า
[2] มนุษย์ผัก หรือ ภาวะ “ผัก” เป็ภาวะหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวและตัวเองได้ แต่ยังคงมีวงจรการหลับตื่น หรือลืมตาได้ตามปกติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้