เกิดใหม่มั่งคั่ง ทำฟาร์มกลางหุบเขาลึก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


      เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่พวกหลิวเสี่ยวเตามาเคาะประตูบ้านสกุลลู่นั้น ลู่เสี่ยวหมี่ที่ยุ่งอยู่ในครัวทั้งคืนคร้านจะกลับไปนอนที่เรือนหลังของตนนอนฟุบอยู่ในห้องครัวได้หนึ่งชั่วยามแล้ว

         ตอนที่ทุกคนเข้ามาก็เห็นว่าจมูกของนางเปื้อนเขม่าดำ จึงพากันหัวเราะ

         “เสี่ยวหมี่ เมื่อคืนนี้วุ่นอยู่ในครัวทั้งคืนเลยหรือ”

         ลู่เสี่ยวหมี่ใช้แขนเสื้อเช็ดลวกๆ ไม่มีอารมณ์มาล้อเล่น แล้วหยิบถังหูลู่มาแจกทุกคนคนละไม้

         “พี่เสี่ยวเตา พวกท่านลองชิมดู นี่คือถังหูลู่ที่ข้าทำขึ้น วันนี้ต้องลำบากพวกท่านช่วยเข้าเมืองไปขายให้ข้าสักหน่อย ถังหูลู่หนึ่งไม้ราคาสามอีแปะ หากบางคนซื้อเยอะ ก็ขายสิบอีแปะสี่ไม้ได้ แน่นอน เข้าเมืองไปตอนนี้คงหนาวจนแทบตัวแข็ง ข้าย่อมไม่ให้พวกท่านทำงานให้เปล่าๆ วันหนึ่งให้ค่าแรงให้พวกท่านยี่สิบอีแปะ พวกท่านเห็นเป็๞อย่างไร”

         พรานหนุ่มทั้งหลายกัดกินถังหูลู่ในมือ ต่างรู้สึกประหลาดใจพลางดื่มด่ำไปกับรสชาติแสนอร่อย เดิมทีพวกเขาคิดว่าเป็๲การช่วยเหลือเปล่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้ค่าเหนื่อยด้วย จึงรีบพากันปฏิเสธ “น้องเสี่ยวหมี่ คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ช่วยเหลือกันเล็กน้อย พวกข้าไม่กล้ารับค่าแรงหรอก หากท่านพ่อท่านแม่ที่บ้านทราบเกรงว่าคงจะถูกเขกกะโหลกเป็๲แน่”

         “ท่านพี่ทั้งหลายวางใจ ข้าจะช่วยพูดเอง ถังหูลู่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะขายแค่วันเดียว หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด จะอย่างไรก็ต้องขายไปนานถึงกว่าครึ่งเดือน พวกท่านช่วยเหลือข้าย่อมเสียเวลาช่วยงานของที่บ้านไป ข้าจะไม่ให้ค่าแรงได้อย่างไร พวกท่านทั้งหลายอย่าได้รังเกียจว่าเงินน้อยเกินไป หากสะสมไปเรื่อยๆ เกรงว่าพอถึงปีใหม่คงจะพอซื้อดอกไม้ประดับผมให้ว่าที่พี่สะใภ้ทั้งหลายได้แล้ว”

         นายพรายหนุ่มทั้งหลายส่วนมากถ้าไม่แต่งงานก็มีคู่หมั้นแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็พากันยิ้มหน้าแดง

         พวกเขาไม่ปฏิเสธอีก ถึงตอนนั้นหากว่าถังหูลู่ขายไม่ดีขึ้นมา พวกเขาค่อยปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างก็ใช้ได้แล้ว

         คิดได้เช่นนี้ทุกคนก็ช่วยกันเอาไม้ถังหูลู่เสียบเข้ากับเสาสำหรับเสียบที่มัดขึ้นจากหญ้า เมื่อวานนี้ลู่เสี่ยวหมี่ให้ลู่อู่ไปขอให้ท่านลุงหลิวช่วยทำให้ ลู่อู่ตระเตรียมเลื่อน และเป็๲อีกครั้งที่ต้องยืมม้าสีแดงของเฝิงเจี่ยน จากนั้นพวกเขาก็พากันออกจากหมู่บ้านไปอย่างเอิกเกริก

         ลมหนาวพัดผ่านเลื่อนของหนุ่มๆ ไปอย่างซุกซน พาเอากลิ่นหอมหวานของถังหูลู่กลับเข้ามาในหมู่บ้านเขาหมี ทำเอาบรรดาเด็กๆ รีบวิ่งไปออหน้าบ้านสกุลลู่อีกครั้ง

         น่าเสียดาย ลู่เสี่ยวหมี่ง่วงจนทนไม่ไหว พอทำอาหารเช้าเสร็จก็กลับไปนอนที่ห้องของตนเองไม่รู้เ๱ื่๵๹ใดอีกต่อไปแล้ว

         มนุษย์ริเริ่มแผนการ แต่สุดท้ายแล้วผลสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับลิขิตฟ้า นางทำสิ่งที่ควรทำไปหมดแล้ว ส่วนว่าถังหูลู่พวกนั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความสามารถของพี่ชายพวกนั้นแล้ว

         ตอนที่พวกลู่อู่และหลิวเสี่ยวเตาถือถังหูลู่เข้าเมืองไปก็ทำให้คนที่พบเห็นพากันสนใจ

         ทหารที่เฝ้าประตูเมืองเห็นคนขนของเข้ามาขายในเมืองบ่อยแล้ว แต่นี่เป็๞ครั้งแรกที่เห็นของพวกนี้

         หลิวเสี่ยวเตาเป็๲คนฉลาด จึงส่งถังหูลู่ให้ทหารเฝ้าประตูไปคนละไม้ ถังหูลู่ไม้น้อยถูกบรรดาทหารกัดกินอย่างรวดเร็ว ต่อให้จะไม่ชอบ แต่เห็นแก่มารยาทและความเกรงอกเกรงใจที่ได้รับเช่นนี้ก็ทำให้วันนั้นพวกเขาเข้าเมืองไปได้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่อีแปะเดียว

         หิมะและลมหนาวสงบลงแล้ว ในเมืองจึงคึกคักไม่น้อย โดยเฉพาะตามถนนการค้า บรรดาสตรีออกมาเลือกซื้อแพรพรรณสำหรับตัดอาภรณ์ บรรดาบุรุษเที่ยวเล่นตามโรงน้ำชาชมการร่ายรำ เด็กๆ ที่พักอาศัยอยู่แถวนั้นก็ออกมาวิ่งเล่นหน้าบ้านกันอย่างครึกครื้น

         เหล่าพรานหนุ่มล้อมวงปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกระจายตัวออกไป บางคนยืนอยู่ด้านล่างโรงน้ำชา บางคนก็เดินไปตามถนน บางคนไปยืนหน้าร้านขายของว่าง

         เมื่อส่งเสียงเรียกลูกค้า เพียงไม่นานสีแดงแวววาวก็ดึงดูดสายตาของบรรดาสตรีและเด็กๆ 

         ยิ่งเมื่อได้ยินว่าราคาเพียงไม้ละสามอีแปะ จึงมีคนเข้ามาลิ้มลองมากมาย

         รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งอ่อนๆ เช่นนี้เป็๞ที่ชื่นชอบของทุกคนที่ได้ลิ้มลอง

         เงินสามอีแปะ ซื้อซาลาเปาไส้หมูได้หนึ่งลูก ไม่พอจะจ่ายภาษีเข้าเมืองได้ด้วยซ้ำ แต่กลับได้ผลไม้สีแดงแวววาวรสชาติหวานหอม ทั้งสวยงามทั้งรสชาติอร่อยมาหนึ่งไม้ ช่างคุ้มค่าจริงๆ

         เ๹ื่๪๫ทุกอย่างในโลกมักยากลำบากตอนเริ่มต้นเสมอ แต่เมื่อผ่านครั้งแรกไปได้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น

         เสาหญ้าสิบต้น แต่ละต้นมีถังหูลู่หนึ่งร้อยไม้ ทั้งหมดหนึ่งพันไม้ ขายหมดภายในสองชั่วยาม

         บรรดาพรานหนุ่มพากันตื่นเต้นดีใจไม่น้อย ลู่อู่เห็นว่าเป็๞ยามเที่ยงแล้ว คิดจะพาทุกคนไปซื้อเสบียงใส่ท้อง แต่กลับถูกหลิวเสี่ยวเตาลากออกจากเมือง

         ตอนเดินทางเข้าเมืองมาว่ารีบเร่งแล้ว ตอนกลับรีบเร่งยิ่งกว่าเพราะทุกคนอยากจะรีบนำเ๱ื่๵๹น่ายินดีกลับไปป่าวประกาศ

         ลู่เสี่ยวหมี่หลับไปครึ่งวันเต็มๆ จากนั้นก็รอข่าวจากเหล่าพรานหนุ่มที่เข้าเมืองไป นางรู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่ตลอด สุดท้ายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตน นางจึงเอาแป้งที่นวดไว้แล้วเมื่อคืนนี้ออกมาเตรียมทำซาลาเปาไส้ผักดอง

         เนื้อหมูที่ล่ามาได้ก่อนหน้านี้ ใช้ทำอาหารเลี้ยงคนในหมู่บ้านไปแล้วหนึ่งในสี่ส่วน เมื่อวานนี้นำไปตุ๋นพะโล้แทนคำของคุณให้ลุงสามปี้ เนื้อสามชั้นที่เหลือนางจึงเอาออกมาเจียวน้ำมัน

         น้ำมันกากหมูเดือดพล่านอยู่ในกระทะ เมื่อนำซาลาเปาไส้ผักดองลงไปทอด กลิ่นหอมของกากหมูก็ผสมคลุกเคล้าไปกับซาลาเปาทอดนั้น รวมกันเป็๞รสชาติที่เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี

         พี่ใหญ่ลู่ทำหน้าที่ผ่าฟืนอยู่ที่ลานเรือน ถึงแม้จะเป็๲๰่๥๹ฤดูหนาวแต่เขากลับมีเหงื่อโซมกาย ส่วนพี่สามลู่ก็ไม่เอาแต่หมกตัวอ่านตำราอยู่ในห้องเหมือนกาลก่อน แต่มาช่วยเป็๲ลูกมือให้น้องสาวในครัว

         น่าเสียดาย เขาที่เป็๞บุรุษไม่เคยเข้าครัวมาก่อนจะไปช่วยอะไรได้ มาช่วยสร้างความวุ่นวายเสียมากกว่า

         ลู่เสี่ยวหมี่เองก็เดาได้ว่าพี่ชายทั้งสองคงรู้สึกผิดจากเ๱ื่๵๹เมื่อวาน ใจคิดอยากจะปฏิเสธ แต่ก็กลัวว่าพวกเขาจะยิ่งเสียใจไปกันใหญ่ จึงแบ่งงานให้พี่ใหญ่ไปหาบน้ำ และให้พี่สามไปก่อไฟ

         บิดาลู่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวภายนอก แต่กลับปิดประตูหน้าต่างเงียบเชียบ ลู่เสี่ยวหมี่ยังคงยุ่งวุ่นวายเช่นเดิม คล้ายไม่สังเกตเห็น แต่ความจริงแล้วในใจนางก็แอบทอดถอนใจ

         เ๱ื่๵๹บางเ๱ื่๵๹ ความรู้สึกบางอย่าง นางเข้าใจดี แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดกล่าวโทษไม่ได้...

         เมื่อซาลาเปาทอดไส้ผักดองชุดแรกออกจากเตา ลู่อู่ก็นำเหล่าพรานหนุ่มกลับมาพอดี

         เหรียญสีทองอัดแน่นเต็มสามถุง ส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ทำเอาลู่เสี่ยวหมี่ดีอกดีใจจนแทบสิ้นสติ

         “โอ้โห ขายได้มากขนาดนี้เชียว”

         บรรดาพรานหนุ่มต่างพากันเชิดหน้า อกผายไหล่ผึ่ง คลี่ยิ้มไม่หุบ

         “คนพวกนั้นบอกว่าถังหูลู่อร่อยมาก บางคนซื้อกลับไปตั้งสามอันห้าอัน บางคนที่ซื้อไม่ทันยังถามข้าว่าพรุ่งจะไปหรือไม่อีกด้วย”

         “ไปสิ ต้องไปแน่นอน”

         เงินในถุงนี้รวมกันไม่ถึงสามพันอีแปะ แต่เป็๞เงินชุดแรกที่ลู่เสี่ยวหมี่หามาได้โดยอาศัยความสามารถในชาติก่อนของนาง

         เริ่มต้นดีก็เรียกว่าสำเร็จไปแล้วกึ่งหนึ่ง แผนการที่นางวางไว้หลังจากนี้ก็ย่อมสัมฤทธิ์ผลโดยดีแน่นอน

         ฤกษ์ดีเช่นนี้ทำให้รอยยิ้มของนางจะอย่างไรก็หุบไม่ลง มือขาวเรียวเล็กจึงโบกเบาๆ

         “พี่รอง พาพวกพี่เสี่ยวเตาไปล้างมือ ข้าจะต้มน้ำแกงไข่ไก่สาหร่ายอีกหนึ่งอย่างก็ได้เวลาตั้งโต๊ะแล้ว ยังมีซาลาเปาไส้ผักดองทอดน้ำมันกากหมู พอให้ทุกคนกินแน่นอน”

         “โอ้โห มีซาลาเปาด้วยหรือ”

         “ดีจริง เมื่อครู่อยู่ในเมืองยังคิดจะซื้อซาลาเปามากินให้อยู่ท้อง คิดไม่ถึงว่ากลับบ้านมาจะได้กินจริงๆ”

         บรรดาพรานหนุ่มต่างสรวลเสเฮฮาแย่งกันจะไปล้างมือเป็๞คนแรกให้ได้

         น้ำในบ่อ๰่๥๹ฤดูหนาวเย็นจับใจ แต่พรานหนุ่มทั้งหลายอยู่ในวัยคึกคะนอง ทั้งยังรีบร้อนจะไปกินซาลาเปา จึงไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย ถึงขนาดว่าบางคนที่ซุกซนสักหน่อยยังสะบัดน้ำเย็นๆ จากมือใส่หน้าสหายตัวเองก็มี

         ลานบ้านสกุลลู่ก็ครึกครื้นขึ้นมาเพราะพวกเขา

         ผู้เฒ่าหยางเปิดหน้าต่างออกดู แล้วจึงกลับเข้าไปรายงานให้เ๽้านายฟังด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย ถังหูลู่ของแม่นางลู่ขายออกไปแล้ว เหมือนว่าจะได้ผลตอบรับไม่เลว”

         เฝิงเจี่ยนพยักหน้า สายตาแฝงความยินดีอยู่สามส่วน คนที่ไม่ยอมแพ้ให้กับความยากลำบาก ทั้งยังกล้าลองสิ่งใหม่ๆ ย่อมได้รับความนับถือจากผู้อื่นโดยง่าย อีกอย่างนางยังเป็๞เพียงแม่นางน้อยคนหนึ่งเท่านั้น...

         ลู่เสี่ยวหมี่ไม่ใช่คนตระหนี่ ซาลาเปาที่นางทำจึงอวบอ้วนชิ้นใหญ่ เหล่าพรานหนุ่มกัดลงไปคำใหญ่โดยไม่มีอาการเกรงอกเกรงใจแต่อย่างใด

         ลู่เสี่ยวหมี่วุ่นวายตักน้ำแกงร้อนๆ ใส่ถ้วยให้พวกเขา จากนั้นจึงตักโจ๊กกระดูกหมูที่ต้มมาตลอดเช้า และซาลาเปาเข้าไปส่งที่เรือนพักฝั่งตะวันออก

         นางไม่มีเวลาสนทนาเรื่อยเปื่อยกับเฝิงเจี่ยนนายบ่าว แล้วรีบออกไปหาเชือกมาร้อยเงิน

         หนึ่งพวงยี่สิบอีแปะ ทั้งหมดสิบพวง พวงของหลิวเสี่ยวเตายังเพิ่มไปอีกยี่สิบอีแปะ เป็๞การขอบคุณท่านลุงหลิวที่เขาทำเสาหญ้าให้

         บรรดาพรานหนุ่มกินทั้งซาลาเปาทั้งน้ำแกงจนหมดอย่างรวดเร็ว ยามนี้พวกเขาอิ่นจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว 

         กระทั่งถึงตอนได้รับค่าแรงจากลู่เสี่ยวหมี่ พวกเขาก็พากันหน้าแดง คิดจะปฏิเสธแต่ใจจริงก็อยากได้ ดีที่ลู่เสี่ยวหมี่กำชับว่าพรุ่งนี้ให้พวกเขารีบมาแต่เช้า

         ทุกคนจึงพากันรับปากอย่างดิบดีว่าพรุ่งนี้จะรีบมาแต่เช้าแล้วนำถังหูลู่ไปขายให้ได้เยอะๆ จากนั้นจึงพากันลากลับบ้านไปอย่างเบิกบาน

         เมื่อพี่ใหญ่ลู่และพี่สามลู่ได้ยินพี่รองลู่เล่าว่าถังหูลู่ขายดีเพียงใด จึงเสนอความคิดว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะเข้าเมืองไปขายด้วย

         ลู่เสี่ยวหมี่กินซาลาเปาสองลูกอย่างลวกๆ แต่จะเป็๲ตายอย่างไรก็ไม่อนุญาตให้พี่สามลู่เข้าเมืองไปขายถังหูลู่

         ถึงแม้ตัวนางเองจะไม่ได้รู้สึกว่าการค้าขายเป็๞เ๹ื่๪๫น่าอับอายแต่อย่างใด แต่อาชีพพ่อค้าในยุคสมัยนี้เป็๞อาชีพที่อยู่ในระดับแทบจะต่ำที่สุดของสังคม หากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพี่สามลู่เห็นเข้า เกรงว่าวันหน้าอยู่ในสำนักศึกษาเขาคงจะถูกดูแคลนไม่น้อย

         คืนนี้ห้องครัวของสกุลลู่ยังจุดไฟไว้ทั้งคืนเช่นเดิม

         ดีที่ครั้งนี้พี่น้องสกุลลู่อีกสามคนมาช่วยเหลือด้วย พี่ใหญ่ลู่กับพี่รองลู่ช่วยกันเสียบซันจาเข้ากับไม้ ส่วนพี่สามลู่ช่วยจุดไฟเคี่ยวน้ำตาล ไม่ถึงครึ่งคืนก็ทำถังหูลู่เสร็จไปพันกว่าไม้

         เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าพรานหนุ่มมาถึงกันแต่เช้า แต่ละคนล้วนมีสีหน้ายินดี ในอกเสื้อพกเอาเสบียงอาหารแห้งที่มารดาหรือภรรยาเตรียมไว้ให้มาด้วย

         คนในหมู่บ้านต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในความคิดของพวกเขา ในเมื่อคนหนุ่มเหล่านี้ได้รับเงินค่าจ้างจากสกุลลู่แล้วก็ไม่ควรกินข้าวที่บ้านลู่อีก ไม่เช่นนั้นจะเป็๞การเอาเปรียบจนเกินไป

         ลู่เสี่ยวหมี่เขียนรายการยืดยาว อธิบายให้ลู่อู่ฟังอย่างละเอียดว่าตอนขากลับต้องซื้อของเหล่านี้กลับมาให้ครบ แล้วจึงส่งพวกเขาออกไป

         วันนี้ พวกเขากลับมาถึงประมาณยามเที่ยงเหมือนเมื่อวาน ในถุงเงินเต็มไปด้วยเหรียญส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งอีกเช่นเคย

         แต่วันที่สามกลับลากยาวไปจนถึงตอนพระอาทิตย์เกือบตกดินถึงได้กลับมา วันที่สี่ถึงขั้นว่าแต่ละคนนำถังหูลู่เหลือกลับมาคนละครึ่งเสา

         ลู่เสี่ยวหมี่คาดเดาไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าไปต้อนรับพวกเขาพลางถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ขายไม่ดีหรือ? หรือว่ามีคนทำถังหูลู่ออกมาขายแข่งเช่นกัน?”

         เดิมทีบรรดานายพรานคิดว่ารับเอาเงินค่าจ้างจากลู่เสี่ยวหมี่แล้ว แต่กลับไม่อาจทำภารกิจให้สำเร็จได้ จึงรู้สึกผิดกันอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำถามนี้ก็พากันโอดครวญว่า “เสี่ยวหมี่ เ๽้ารู้ได้อย่างไรว่ามีคนมาแย่งทำการค้ากับเรา? หลายคนซื้อถังหูลู่กลับไปแล้วก็เอาไปทำเลียนแบบ จากนั้นก็เอาออกมาขายเต็มถนนไปหมด แล้วยังขายในราคาที่ต่ำกว่าของพวกเราถึงหนึ่งอีแปะ”

         “ใช่แล้ว พวกเราไม่ยินดีลดราคาให้ จึงถูกแย่งลูกค้าไปมากมาย”

         ลู่เสี่ยวหมี่โบกมือ ปลอบทุกคนว่า “พี่ชายทั้งหลายวางใจ นำถังหูลู่กลับไปให้คนที่บ้านแบ่งกันกินเถอะ ที่เหลือค่อยขายต่อพรุ่งนี้”

         ครั้งนี้ตอนที่พวกเขารับเงินค่าจ้างจึงยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนกว่าเดิม

        

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้