เวินซีขมวดคิ้วอย่างไม่ใคร่จะชอบใจเท่าไรนัก แต่ก็ฝืนใจวางหม้อเหล็กลงบนเตาแล้วนำอาหารใส่ลงหม้อ
เมื่อคนตระกูลเวินได้เห็นนางก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ไม่นานนักสายตาก็เปลี่ยนเป็ความเย่อหยิ่งและดูถูก
“นี่คุณหนูเวินซีมิใช่หรือ? มาเป็คนรับใช้ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
เวินเยียนเยาะเย้ยถางถากนางตรงๆ
“เวินเยียน หุบปาก!” เวินอวิ๋นโปแสร้งทำทีเป็เอ่ยปากเอ็ดนางด้วยความโกรธ ก่อนหันไปยิ้มให้เวินซี “เวินซี เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“เกรงว่าร้านเครื่องหอมกำลังจะปิดตัวลงเพราะไปต่อไม่ได้ ถึงได้มาทำงานที่นี่ ใช่หรือไม่?” โอกาสที่หายากเช่นนี้ เวินเยียนจะไม่เหน็บแนมได้อย่างไร นางยังคงพูดต่อ
“ท่านพ่อ อย่างไรเสียเวินซีก็เป็คนของตระกูลเวิน หากมาเป็คนรับใช้ที่นี่ แล้วเื่แพร่ออกไปจะไม่เป็การทำให้ตระกูลเวินขายหน้าหรือเ้าคะ?”
เวินอวิ๋นโปขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็กลับมามีสีหน้าปกติอย่างรวดเร็วแล้วเบือนหน้าไปทางเวินซี “เ้าคงกำลังลำบากล่ะสิ หากเ้าอยากกลับไป วันนี้ก็กลับไปกับเราเถิด”
“กลับไป? กลับไปเตรียมการแข่งขันทำเครื่องหอมให้ตระกูลเวินน่ะหรือเ้าคะ?” เวินซีเอ่ยอย่างรู้ทันพวกเขา
เมื่อของทุกอย่างลงหม้อแล้ว นางจึงหมุนกายหันหลังกลับ
“น้องตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ไม่ต้องทำตัวเย่อหยิ่งไปหรอกนะ อยากจะกลับก็กลับไปได้ พี่ต้อนรับเ้าเสมอ” เวินเยียนจะยอมปล่อยนางไปง่ายๆ ได้อย่างไร
“ปัง—”
ฉับพลันนั้นประตูก็ถูกปิดเสียงดังปัง เวินซีคร้านจะสนใจพวกเขาจึงรีบเดินออกไปทันที นางเพียงแค่อยากจะช่วยงานจึงยกหม้อไฟมาให้ ผู้ใดจะรู้ว่าจะได้เจอกับคนตระกูลเวิน ช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง
ด้วยความที่ไม่อยากเจอคนเหล่านี้อีก หลังจากนั้นเวินซีจึงทำบัญชีอยู่แค่ที่โต๊ะหน้าร้าน
หนึ่งชั่วยามต่อมา เวินเยียนจับราวบันไดเดินลงมาช้าๆ เมื่อเห็นเวินซียืนอยู่ นางก็จงใจเดินเข้าไป “ทั้งหมดเท่าไหร่?”
“สองตำลึงเงิน” เวินซีไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง นางแค่พูดราคาไปมั่วๆ
“สองตำลึง?” เวินเยียนใกับราคาพลางมองเวินซีอย่างครุ่นคิด แต่ก็เก็บความสงสัยไว้แล้วจ่ายเงินไป นางยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ที่ตนเองต้องลงมาด้านล่าง “ข้า้าพบเถ้าแก่ของที่นี่”
“เถ้าแก่ไม่อยู่ มีอันใดก็บอกข้า ข้าจะรายงานให้” เวินซีหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือ ใช้แขนเท้าศีรษะพลันตอบคำถามด้วยท่าทีเกียจคร้าน
“เช่นนั้นเ้าก็บอกเถ้าแก่ด้วยว่า คนงานในร้านปฏิบัติต่อลูกค้าไม่ดี”
เวินเยียนตั้งใจทำให้นางกลัว
“ได้” เวินซีตอบอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ที่ไม่สั่นไหวใดๆ เวินเยียนเห็นว่าคำขู่ของตนไม่เป็ผล ทั้งยังทำให้ตนเองโมโหแทน จึงกลับออกไปอย่างโกรธเคือง
ใน่บ่าย ด้วยความเหนื่อยล้า ประกอบกับอาหารที่ทำไว้ก็ขายจนหมดแล้ว เวินซีจึงปิดร้านก่อนเวลา
ทุกคนนั่งลงบนโต๊ะยาวเพื่อทำบัญชี
ในตอนสรุปบัญชี เวินซีพบว่าเงินที่ทำได้ในวันนี้เป็รายได้ของร้านเครื่องหอมรวมกันถึงหนึ่งสัปดาห์ นับว่าดีมาก ไม่ทำให้นางผิดหวังเลย หากเป็เช่นนี้ต่อไปนางน่าจะมีเงินเปิดร้านที่สามได้อย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเวินซี วันนี้ข้าได้ยินข่าวลือมากมายที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยขอรับ”
หัวหน้าขอทานพูดขึ้นขัดจังหวะความคิดของนาง
“ว่ามา” เวินซีเอนพิงพนักเก้าอี้ด้วยความสนใจ
“เื่แรก ได้ยินมาว่าผลการแข่งขันการทำเครื่องหอมของปีนี้ได้กำหนดไว้แล้วว่าจะให้ตระกูลเวินชนะขอรับ ขุนนางจากราชวงศ์กับตระกูลเวินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ดูเหมือนว่าใน่นี้พวกเขาจะเข้าๆ ออกๆ จวนตระกูลเวินด้วยนะขอรับ”
“เื่ที่สอง แม่ทัพใหญ่ผู้ปกป้องราชวงศ์ได้หายตัวไปขอรับ”
“เื่ที่สาม การแข่งขันทำเครื่องหอมจะมีรอบคัดคนออกอีกภายในสองวันขอรับ”
เมื่อหัวหน้าขอทานพูดจบ เวินซีก็กำชับว่า “่นี้พวกเ้าสอดส่องดูให้ดีล่ะ หากได้ยินเื่ราวสำคัญใด อย่าลืมนำมาบอกข้า”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็กลับไปที่ร้านขายเครื่องหอม โดยไม่ลืมที่จะทำอาหารกลับมาให้พวกยียีด้วย
ในตอนที่นางกลับถึงร้าน จ้าวต้านก็กำลังดูป้ายโองการแผ่นหนึ่งอยู่ เวินซีรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาจึงรีบคลำกระเป๋า
มันหายไปแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าหล่นออกไปั้แ่เมื่อใด
“เ้าเจอคนพวกนี้เมื่อใด?” เขาเอ่ยถาม
“ไม่นานมานี้”
นางไม่ได้คิดมาก แต่เป็จ้าวต้านที่มีสีหน้ามืดครึ้มลง
ป้ายโองการของนักฆ่าลับจะอยู่ติดตัวพวกเขาเสมอ การที่เวินซีมีมันก็แสดงว่าเคยเจอ และเป็ไปได้มากว่านางเคยต่อสู้กับพวกเขา ทั้งที่อยู่ใกล้ตัวมากแท้ๆ แต่เขากลับไม่รู้เื่เลย
“เป็อันใดไป?” เวินซีรู้สึกสับสนจากท่าทีที่เปลี่ยนไปของจ้าวต้าน
“ไม่มีอันใด ข้าเห็นว่ามันสวยดีน่ะ แค่ถามดู”
จ้าวต้านวางป้ายโองการลงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เวินซีพยักหน้าอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก นางนำอาหารส่งให้ยียีแล้วเดินไปที่สวนหลัง วันนี้ยุ่งมากทั้งวัน นางแทบจะหลับทันทีเมื่อถึงห้อง
ในตอนดึกนั้นเอง จ้าวซานย่องเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นจ้าวต้านนั่งอยู่ก็คุกเข่าลงทันที “นายท่าน”
“่นี้สถานการณ์เป็เช่นไรบ้าง?”
ท่ามกลางความมืด สายตาของจ้าวต้านดูมืดมน เขามองไปที่เตียง เมื่อเห็นว่าเวินซีกำลังหลับสนิทก็เบาใจลงได้
“ผู้ที่ตามล่าเรามีมากขึ้นเรื่อยๆ ขอรับ น่าจะมีคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเราแล้ว และยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จ้องจะทำร้ายคุณหนูเวินซีขอรับ”
เื่ที่จะมีคนรู้ตัวตนที่แท้จริงนั้น จ้าวต้านคาดการณ์ไว้นานแล้ว ่นี้จึงมีคนมาตามหาเขาอยู่ตลอด เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าผู้ใดที่จ้องจะทำร้ายเวินซี เขานึกว่าตนเองจะมีแต่เป็ตัวถ่วงให้นาง
“คนขององค์ชายใหญ่จะมาเมื่อใด?”
“พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงแล้วขอรับ น่าจะอีกสองวันคงจะมาถึง”
“เตรียมตัวให้พร้อม ส่งคนไปคุ้มกันเวินซี จะให้นางได้รับาเ็มิได้ สืบหาผู้ที่มุ่งทำร้ายเวินซีด้วย”
“ขอรับ” ร่างของจ้าวซานกลืนหายไปกับความมืดยามค่ำคืน
จ้าวต้านยืนขึ้นและนอนลงข้างๆ เวินซี แววตาคู่นั้นอ่อนโยนขณะที่โอบนางเข้าสู่อ้อมแขน ทว่ามุมปากกลับยกขึ้นอย่างขมขื่น
เขาอาจต้องจากไปโดยปราศจากคำร่ำลา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่จะเป็การจากลาตลอดกาลหรือไม่
เขารู้จุดจบของตนเองและยินดีที่จะยอมรับมัน แต่ตอนนี้กลับไม่อยากจะจากไปเลย ถึงได้ทุกข์ทรมานเช่นนี้
จ้าวต้านยกมือข้างหนึ่งลูบผมของนางอย่างเอ็นดู สูดดมกลิ่นหอมของนางอย่างไม่อาจหักห้ามใจ
เขาอยากจะพานางกลับไปด้วยจริงๆ
แต่นางรักอิสระเช่นนี้ หากพากลับไปด้วยก็เหมือนเป็การพันธนาการอย่างหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นคือตนเองจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน จะทำให้นางเสียเวลาได้อย่างไร
คืนนี้จ้าวต้านกอดนางไว้ในอ้อมแขนและนอนไม่หลับทั้งคืน ในยามที่ฟ้าใกล้สางจึงแอบออกไปเงียบๆ
เวินซีตื่นขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาก็มิได้นึกแปลกใจ เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ไปที่เวินเซียงเก๋อ
เมื่อไปถึง ยังไม่ทันที่นางจะได้เปิดร้านก็มีคนมาต่อแถวรอยาวเหยียด
มีทั้งลูกค้าที่มาเมื่อวานและผู้ที่อยากจะมาลิ้มลองรสชาติตามคำร่ำลือ คนจึงเยอะกว่าเมื่อวานมาก
“คุณหนูเวินซี เราจะทำอย่างไรดีขอรับ? หากลูกค้าบางคนรอไม่ไหวพากันกลับไปจะทำอย่างไรขอรับ?”
ขอทานที่ทำงานในร้านกังวลใจ พวกเขาก็ไม่คิดเช่นกันว่าร้านจะเป็ที่นิยมเพียงนี้
“รีบไปซื้อเก้าอี้แล้วเขียนตัวเลขแปะไว้ พวกเ้าคอยบริการลูกค้าตามลำดับ บอกให้ลูกค้าที่รออยู่หลังๆ พับกระดาษ พับเสร็จหนึ่งแผ่นสามารถนำมาลดราคาหม้อไฟได้หนึ่งอีแปะ ไม่จำกัดจำนวน หากผู้ใดพับกระดาษได้เกินกว่าราคาหม้อไฟก็ไม่ต้องคิดเงิน”
เวินซีรับมือกับเื่เช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย ในยุคที่นางเคยอยู่ นางเคยพับกระดาษมาไม่น้อยเลย
เมื่อคำพูดของนางถูกประกาศออกไป ผู้ที่ต่อแถวรอต่างก็ชื่นชมว่าเถ้าแก่เป็คนเก่ง หลังจากที่ได้กระดาษมาพวกเขาก็นั่งลงพับมัน
การพับกระดาษสมัยโบราณมีแต่ของรูปร่างแปลกๆ อย่าง ตั๊กแตน เรือ โคมไฟ ไม่นานนักที่หน้าร้านเวินเซียงเก๋อก็กลายเป็ภาพที่น่าชม
ในตอนที่เวินซีเตรียมตัวจะเดินเข้าร้านอย่างพอใจ ทันใดนั้นร้านที่อยู่ข้างๆ เวินเซียงเก๋อก็เปิดประตูออกมา เป็กลุ่มคนที่สวมชุดสีแดง ทั้งยังจุดประทัดอีกหลายชุด
เหมือนว่าจะเป็ร้านที่เปิดใหม่
แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้สนใจนัก
“ร้านหลิวเซียงจวีเปิดแล้วขอรับ ยินดีต้อนรับทุกท่านมาลิ้มลอง เรารับรองว่าอาหารของเราทั้งถูกและอร่อยแน่นอนขอรับ”
เสี่ยวเอ้อจากร้านหลิวเซียงจวีะโเรียกลูกค้า ทำให้ผู้ที่ต่อแถวกันอยู่หน้าประตูเวินเซียงเก๋อเริ่มพูดคุยกัน
“ร้านเ้าขายอาหารใดหรือ?” มีคนถามขึ้น
“เราขายหม้อไฟขอรับ” เสี่ยวเอ้อตอบกลับด้วยเสียงดัง เวินซีจึงหันไปมองด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
เหตุใดถึงมีคนเปิดร้านหม้อไฟแห่งที่สองได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้