แต่ในเมื่อหลี่ฮูหยินมาเองเช่นนี้ ก็แปลว่าสมุนไพรนี้มีความสำคัญมาก นี่ทำให้นางดีใจอยู่พอสมควร
ส่วนเื่ประกายความไม่พอใจในสายตาของหลี่ฮูหยิน หลินฟู่อินไม่คิดเก็บมาใส่ใจ
สิ่งที่นางสนมีเพียงเื่ที่ว่าตระกูลหลี่จะเป็คู่ค้าที่ดีของนางได้เท่านั้น
หลี่ฮูหยินถูกเชิญเข้ามานั่งในห้องรับแขก ย่าหลี่ที่กำลังดูแลเ้าตัวน้อยทั้งสองเปิดม่านออกมา ตะลึงไปเมื่อเห็นบุรุษและสตรีนั่งอยู่ในบ้าน
หลินฟู่อินรีบแนะนำแก่นางทันที “ท่านย่า นี่คือหลี่ฮูหยิน ส่วนนี่คือศิษย์ของท่านหมอหลี่” แล้วจึงแนะนำย่าหลี่ให้อีกฝ่ายต่อ “นี่ย่าของข้า แซ่ข้าคือหลิน”
สตรีผู้นั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้ว่านั่นคือย่าของหลินฟู่อิน แต่นางคิดว่ามันเป็ปัญหาของบ้านคนอื่น นางจึงไม่สนใจ
เมื่อได้ฟังคำแนะนำตัวของหลินฟู่อิน ย่าหลี่จึงเปลี่ยนสีหน้าเป็ประหลาดใจทันที แล้วทักทายทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
หลี่อี้ลุกขึ้นทำความเคารพนาง
หลี่ฮูหยินหรี่ตาลง คนผู้นี้เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แต่งตัวก็ดี มีบรรยากาศชวนให้รู้สึกดี และเมื่อเห็นว่าเป็ผู้าุโแซ่หลี่เช่นเดียวกัน นางจึงทำการทักทายด้วย
แต่ไม่ได้ทำความเคารพ
สำหรับหลี่ฮูหยินแล้ว นางคิดว่าการทำความเคารพผู้าุโบ้านนอกคงไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของนางนัก
ย่าหลี่ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง นางจึงรู้ว่าหลี่ฮูหยินทำความเคารพแม่บ้านบ้านนอกที่ไหนก็ไม่รู้เช่นนี้ไม่ได้ นางจึงไม่โกรธเคือง แล้วเชิญทั้งสองให้นั่งอย่างร่าเริง ก่อนจะเข้าไปเตรียมชาให้แขกในครัว
หลี่ฮูหยินมองสำรวจเครื่องประดับในบ้าน มันสะอาดมาก ทั้งยังจัดเรียงอย่างดี นางจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจในใจ
ก่อนจะมาที่นี่ นางได้ส่งคนมาถามไถ่เื่ของหลินฟู่อินผู้นี้ก่อนแล้ว จึงได้รู้เื่ที่นางได้ประสบ และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งเ่าั้อยู่บ้าง
ดูท่าผู้ที่เคยตกอยู่กลางกองไฟ แล้วกลับมาได้โดยไร้รอยขีดข่วนผู้นี้ จะไม่ใช่สาวบ้านนาธรรมดาเสียแล้ว
นางเป็คนดูแลกิจการและทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของที่บ้าน หากสามีของนางไม่ได้ชื่นชมวิชาแพทย์ของแม่นางหลินผู้นี้ จนขอให้นางมาคุยเื่ธุรกิจเองแล้ว นางก็คงไม่มีวันยอมมาเยือนบ้านนอกเช่นนี้แน่
แน่นอนว่าตอนแรกนางก็ไม่ได้ยอมรับแม่นางหลินผู้นี้ คิดว่าให้หลี่อี้เป็คนคุยธุรกิจเองก็ได้ แต่ดูท่าสามีของนางจะคิดถูกแล้ว
หลี่ฮูหยินเป็คนใจกว้าง เมื่อได้เปิดใจกับหลินฟู่อินแล้ว นางจึงรู้ว่าควรคุยเื่งานนี้ให้จบโดยเร็วจะดีกว่า หลังพูดคุยกันไม่นาน นางจึงตัดเข้าประเด็นทันที
“ว่ากันตามตรง สมุนไพรที่แม่นางหลินบอกให้หลี่อี้นำกลับมาในวันนั้น หมอหลี่ของบ้านเราก็ได้ไปลองขุดหามาใช้เช่นกัน และผลลัพธ์ทางยาก็ยอดเยี่ยมดั่งปาฏิหาริย์สมคำกล่าวอ้างจริงๆ หากเราจะขอให้แม่นางหลินจัดหาสมุนไพรตากแห้งให้ ท่านจะจัดหาให้ได้มากเท่าไรหรือ”
เป็การถามที่เข้าใจได้ง่ายและตรงจุด แต่กลับไม่มีการพูดถึงเื่ราคาเลย
ที่จริงแล้ว หลี่ฮูหยินก็ได้เสนอให้หมอหลี่ไปแล้วว่า พวกนางรู้แล้วว่าสมุนไพรหน้าตาเป็อย่างไรและมีผลทางยาอย่างไร หากลืมๆ หลินฟู่อินไปเสียแล้วจ่ายเงินให้คนอื่นไปหามาให้แทนจะทำกำไรได้มากกว่า
แต่หมอหลี่ปฏิเสธข้อเสนอนั้น
หนึ่งคือเพราะหลินฟู่อินเชื่อใจเขา และสองคือเพราะหลินฟู่อินเป็ผู้มีวิชาแพทย์ในระดับสูง รู้จักสมุนไพรที่แม้แต่ตระกูลหลี่ของเขายังไม่รู้ แปลว่ามันต้องไม่ได้มีแค่สองต้นนี้แน่…
สิ่งสำคัญที่สุดในระยะยาว คือการที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์
หลี่ฮูหยินเองก็เห็นด้วย
หลินฟู่อินได้ยินแล้วก็เข้าใจถึงอำนาจในการตัดสินใจของหลี่ฮูหยิน นางจึงเม้มปากและยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ข้ามีของเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้ราคาเลยไม่ใช่หรือ?”
นางไม่อายที่จะคุยเื่เงิน ในเมื่อหลี่ฮูหยินไม่ยอมพูดก่อน เช่นนั้นนางก็จะพูดเอง
คุณนายหลี่คิดจะกดราคาก่อนแล้วค่อยพูด ไม่ได้ดูถูกหลินฟู่อินเลยแม้แต่น้อย หลี่อี้ผู้นั่งอยู่ข้างๆ มาตลอดโดยไม่ได้พูดอะไรถึงกับตะลึงไป
เขาเองก็รู้เื่ที่หลินฟู่อินได้ประสบมา
และทำได้เพียงถอนหายใจ เด็กสาวที่ผ่านสถานการณ์เป็ตายมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
หลี่อี้เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของผู้เป็ป้า
สีหน้าของหลี่ฮูหยินยิ่งดูจริงจังขึ้น ชัดเจนแล้วว่านางปฏิบัติกับอีกฝ่ายเช่นศัตรูที่แข็งแกร่ง
นางหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวช้าๆ “หมอหลี่ของข้าเคยพูดถึงราคาของสมุนไพรนี้อยู่ว่าเพราะแม่นางหลินเป็เด็กดี เพราะอย่างนั้นถ้าแค่นิดหน่อยละก็ยอมๆ ไปก็ได้ แต่ข้าอยากรู้ว่าแม่นางหลินอยากขายเท่าไร”
หลินฟู่อินเหลือบมองเล็กน้อย หลี่ฮูหยินผู้นี้มีฝีมือด้านการเจรจาจริงๆ ผู้ขายต้องเป็คนวางราคาก่อน
หากราคาออกมาต่ำกว่าที่นางคิดไว้ ก็ยอมรับข้อเสนอ
หากสูงกว่า ก็ต้องต่อราคาลงมา
นอกจากนี้ นางยังรู้ว่าเพราะหญ้าเชอเฉียนและพั๊วกิไน้ ต่างก็เป็สมุนไพรใหม่สำหรับวงการแพทย์ของต้าเว่ย มันจึงไม่มีราคาให้ใช้เป็ฐาน แต่แน่นอนว่าหลี่ฮูหยินย่อมไม่อยากจ่ายในราคาสูง
ดังนั้นแล้ว หลินฟู่อินจึงไม่คิดที่จะตั้งราคาของสมุนไพรเหล่านี้เอง แต่ก็ไม่ได้คิดอยากขายราคาสูงเฉียดฟ้า
เป้าหมายจริงๆ ของนางคือการหาเงินก้อนแรกเพื่อเป็ทุนไปสู่กิจการต่อไปเท่านั้น
“หลี่ฮูหยิน ว่ากันตามตรง สมุนไพรเหล่านี้มันหาได้ไม่ยาก ข้าจึงไม่คิดจะเรียกราคาสูง เพราะอย่างนั้นท่านว่าราคาที่ท่านหมอหลี่ตีไว้มาก่อนได้เลย” หลินฟู่อินหัวเราะ
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หลี่ฮูหยินจึงกลอกตาเล็กน้อย
ในตอนที่นางออกจากบ้านมา นางได้คุยกับสามีไว้แล้ว หากราชสีห์ตัวนี้อ้าปากเพื่อขย้ำเนื้อขึ้นมา ครั้งนี้ให้ยอมซื้อไป แต่ครั้งหน้าไปหาเ้าอื่น
หรืออย่างมากที่สุดก็ยอมจ่ายเพื่อซื้อข้อมูลสมุนไพรใหม่
เพราะสาวน้อยผู้นี้กล่าวชัดเจนขนาดนี้ หากนางยังลีลาอีกย่อมไม่เป็ผลดีต่อภาพลักษณ์ของนางแน่
หลินฟู่อินไม่พลาดสีหน้าหยุดคิดของหลี่ฮูหยิน จึงเสริมขึ้นว่า “ข้าให้ความสำคัญในการร่วมงานกับท่านหมอหลี่ต่อไปในภายภาคหน้า วิชาแพทย์นั้นกว้างใหญ่กว่าผืนฟ้าและลึกล้ำยิ่งกว่าก้นมหาสมุทร หากตั้งใจแล้วละก็ โลกใบนี้ก็เรียกได้ว่ามีสมุนไพรอยู่นับอนันต์ ฮูหยินไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
คำพูดนี้มาจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งแต่กลับนำเสนออย่างเรียบง่าย ใบหน้าของหลี่ฮูหยินแข็งค้างไปเล็กน้อย
ในใจของนางเกิดความคิด ‘เด็กสาวผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก ถึงกับสามารถกล่าวในสิ่งที่แม้แต่สตรีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวัยสี่สิบผู้นี้ยังไม่อาจสื่อออกมาง่ายๆ ได้’
เมื่อหลี่อี้เห็นบรรยากาศเริ่มตึงเครียด เขาจึงกล่าวขึ้นมา “แม่นางหลินช่างกล่าวได้ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ต่อวิชาแพทย์ของท่านก็นับว่าโดดเด่น อาจารย์ของข้าเองก็อยากร่วมงานกับท่านอีกเช่นกัน”
“เป็เกียรติที่ได้กล่าว” หลินฟู่อินกล่าว พลางมองหลี่ฮูหยิน
หลี่ฮูหยินไม่ได้คาดคิดถึงการเสริมจากหลี่อี้เพราะกำลังปลาบปลื้มกับคำกล่าวเมื่อสักครู่อยู่ จิตใจนางหวั่นไหว แล้วจึงหันไปมองหลี่อี้ และเผลอจ้องเขา
เด็กคนนี้ เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งแท้ๆ แต่กลับเห่อของใหม่เสียแล้ว
“หากแม่นางหลินพอใจ ข้าก็ไม่คิดจะขัด” หลี่ฮูหยินมองหลี่อี้อย่างสงบ เมื่อเห็นสีหน้าเขาเป็กังวลขึ้นมา นางจึงยกมือป้องปากตัวเองแล้วส่งเสียงหัวเราะ
หลินฟู่อินประหลาดใจว่าคุณนายหัวเราะเื่อะไรกัน
เมื่อครู่นี้ยังมองนางต่างศัตรูอยู่แท้ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้