มู่เสวียนเย่และมู่เฉิงอินเห็นการกระทำของฮวาเหยียนจากประตูห้องชั้นสอง พวกเขาใจนไร้คำพรรณนา
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ ทั้งยังเป็ปรมาจารย์ขั้นที่สอง นางคือสตรีเพียงคนเดียวในต้าโจวที่อยู่ระดับปรมาจารย์ขั้นที่สอง!
หัวใจของมู่เสวียนเย่ทั้งรักและยินดี น้องสาวของเขามีนิสัยอ่อนโยน นางเคยโปรดปรานเพียงการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ ไม่เคยสนใจเื่การฝึกยุทธ์ แต่ยามนี้น้องหญิงของเขาราวกับได้เกิดใหม่ กลายเป็ผู้ที่คนอื่นต้องแหงนหน้าชื่นชม
ทว่ามู่เสวียนเย่รู้ดี น้องหญิงของเขาต้องทนทุกข์นับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะมีวันนี้ได้
“น้องหญิงมู่เก่งกาจนัก!”
มู่เฉิงอินก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
เมื่อนางเห็นฮวาเหยียนลงมือ สั่งสอนบทเรียนแก่ฉู่หลิวซวง ในใจของนางรู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้น และเมื่อพบว่าฮวาเหยียนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นที่สอง ในใจนางมีเพียงความรู้สึกเทิดทูนปรากฏขึ้นเท่านั้น
เทพธิดาก็ยังคงเป็เทพธิดา ไม่ว่านางจะผ่านอะไรมาก็ตาม
หากเป็เมื่อสี่ปีก่อน มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ถือเป็ตัวแทนสตรีสูงศักดิ์หมายเลขหนึ่งแห่งต้าโจว เช่นนั้นสี่ปีถัดมามู่อันเหยียนก็เป็ตัวแทนของผู้แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็ยากที่คนทั่วไปจะเอื้อมคว้าได้
ดวงตาของมู่เฉิงอินเปล่งประกายร้อนแรงและสดใส นางทำเพียงมองฮวาเหยียนจากระยะไกล
ราวกับรับรู้ได้ ฮวาเหยียนส่งยิ้มไปทางมู่เฉิงอินและมู่เสวียนเย่ งดงามดั่งดอกท้อเดือนสาม สั่นไหวหัวใจคน จะเหลือภาพความโเี้ที่นางลงมือสั่งสอนฉู่หลิวซวงเมื่อครู่ได้ที่ใด
ฉู่รั่วหลานยังคงยืนอยู่ที่ประตูห้องบนชั้นสอง นางเห็นฉู่หลิวซวงผู้ซึ่งภูมิใจในตนเองตลอดมาถูกทุบตีและถูกทำให้อับอายด้วยฝีมือของมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ อีกฝ่ายนอนอยู่บนพื้นในสภาพน่าขายหน้า มิอาจตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
นางอยากก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามปราม แต่กลับไม่อาจขยับเท้าของตนได้ เพราะนางเองก็กลัวถูกทุบตีเช่นกัน
เกรงว่ามู่อันเหยียนผู้นี้จะเสียสติไปแล้ว จึงไม่สนใจฐานะและหน้าตาของจวิ้นจู่ฉู่หลิวซวงเลยสักนิด ดังนั้นต้องไม่นำพาองค์หญิงเช่นนางอยู่ในสายตาเป็แน่ ยิ่งไปกว่านั้น เส้นลมปราณของนางก็ยังไม่ตื่น โดยพื้นฐานย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของมู่อันเหยียน เกรงว่านางคงถูกเตะกระเด็น
ฉู่รั่วหลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ยังมิกล้าก้าวออกมาข้างหน้า
ด้านหนึ่งคือฉู่หลิวซวงซึ่งถูกฮวาเหยียนเตะจนบอบซ้ำราวกับตายไปแล้ว ส่วนอีกด้านคือฮวาเหยียนที่หันมองฉู่รั่วหลาน เมื่อนางถูกฮวาเหยียนมองเข้า ทั้งร่างพลันสะดุ้งใและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ทว่าจากนั้นนางค่อยรู้สึกตัวว่าตนเป็ถึงองค์หญิงผู้สูงส่งสง่างาม มู่อันเหยียนจะไม่เห็นกฎหมาย ไม่สนกฎ์ได้จริงหรือ? กล้าลงมือกับนางจริงหรือ?
ครู่ต่อมาฮวาเหยียนก็ยกเท้าขึ้นและเดินมาหานาง
ในไม่ช้ามู่อันเหยียนก็มาอยู่เบื้องหน้านางอย่างรวดเร็ว
“มะ มู่อันเหยียน เ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”
ฉู่รั่วหลานจับคอของตนขณะที่เอ่ยถาม ในใจบังเกิดความขลาดกลัว
เวลานี้โรงน้ำชาซินเยว่เงียบสงัดจนน่ากลัว ไม่มีกระทั่งเสียงกระซิบของฝูงชน ทุกคนล้วนถูกฝ่ามือฟ้าผ่าที่ใช้จัดการฉู่หลิวซวงของมู่อันเหยียนทำให้ตะลึงจนตาค้าง ยามนี้เห็นนางเดินไปหาฉู่รั่วหลาน หรือมู่อันเหยียนจะกล้าลงมือแม้แต่กับองค์หญิงหรือ?
“พระองค์ไม่คู่ควรที่จะเป็พี่สะใภ้ของหม่อมฉัน”
ฮวาเหยียนเหลือบมองฉู่รั่วหลาน เปล่งเสียงเ็ากล่าวออกมา
ฉู่รั่วหลานถูกคำพูดเหยียดหยามของฮวาเหยียนทำให้ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ โทสะพุ่งปรี๊ดจากก้นบึ้งของหัวใจ “มะ มู่อันเหยียน เ้าหมายความว่าอย่างไร? อย่าคิดว่าตนเองอยู่ระดับปรมาจารย์ขั้นที่สองแล้วข้าจะกลัวเ้า ข้ากับพี่ใหญ่ของเ้ามีความสัมพันธ์ล่วงเกินกันมานานแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้ในครรภ์ของข้าอาจมีลูกของเขาอยู่ ดังนั้นหากอิงตามเหตุผลเ้าก็ควรเรียกข้าว่าพี่สะใภ้...”
ขวับ!
ฉู่รั่วหลานกำลังจับคอของตนเอง นางยังไม่ทันกล่าวจบ ฮวาเหยียนก็คว้าข้อมือของอีกฝ่ายมาฉีกแขนเสื้อทันที...
ผิวของนางไม่นับว่าขาว เป็สีเหลืองนวลเล็กน้อย เมื่อแขนเสื้อของนางถูกฮวาเหยียนฉีกจนขาด แต้มพรหมจรรย์บริเวณแขนของนางพลันถูกเปิดเผยออกมา
“อ๊า...!”
ฉู่รั่วหลานกรีดร้องยามได้สติกลับมา นางรีบร้อนปิดแขนของตน ก่อนจับจ้องฮวาเหยียนด้วยความละอายและขุ่นเคือง
ทันทีที่ฮวาเหยียนลงมือ มู่เสวียนเย่ก็หันมามองเรียบร้อยแล้ว
ฮวาเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงกรีดร้องของฉู่รั่วหลาน นางดูสงบนิ่งนัก “แต้มพรหมจรรย์ยังคงอยู่ แล้วพระองค์จะมีสัมพันธ์ล่วงเกินจากที่ใด ทั้งยังทรงตั้งครรภ์ลูกของพี่ใหญ่อีกด้วย? องค์หญิง บุตรของพระองค์จะเกิดมาได้อย่างไร? ฝันถึงแล้วตั้งครรภ์หรือเพคะ? คำว่า ‘อัปยศ’ เขียนอย่างไร เกรงว่าองค์หญิงคงทราบดีกระมัง?”
น้ำเสียงของฮวาเหยียนเปี่ยมด้วยความเยาะเย้ยถากถาง
ฉู่รั่วหลานตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ
มู่อันเหยียน นางกล้าดีอย่างไร?! นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร!
“เ้า บังอาจ!”
ฉู่รั่วหลานร้องลั่นด้วยความอับอาย
ใบหน้าของฮวาเหยียนไม่แสดงออกถึงความกลัวเลยสักนิด นางเพียงเหลือบตามองฉู่รั่วหลานก่อนกล่าวว่า “เป็องค์หญิงฉู่ทำตนเองต่างหากเล่า!”
หลังจบประโยคนี้ ฮวาเหยียนก็ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
และคำที่กล่าวว่าให้นางทำตัวดีๆ ทำให้ฉู่รั่วหลานอับจนวาจา นางอยากหารูให้พบแล้วมุดหนีไปจนแทบทนไม่ไหว
ขายหน้าเป็อย่างยิ่ง!
วันนี้นางไม่เพียงขายหน้า แต่ตอนนี้แม้แต่ฐานะของนางก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
เดิมพันด้วยชื่อเสียงของตนเองและโวยวายอยู่เป็นาน ทว่าทุกสิ่งกลับกลายเป็แค่เื่ขบขัน
แต้มพรหมจรรย์ที่ปรากฏออกมา ไม่ว่าคำใดก็ล้วนไม่จำเป็อีก ที่แท้แล้วนางยังเป็หญิงบริสุทธิ์!
เมื่อคิดว่าเมื่อครู่นางยังคงเรียกร้องเพราะมีสัมพันธ์ล่วงเกินกับมู่เสวียนเย่ ทั้งยังบอกว่าในครรภ์ของนางมีลูกของเขา นางแทบทนไม่ไหวอยากเป็ลมไปทั้งเช่นนี้
เวลานี้ ผู้คนที่อยู่ใกล้นางล้วนมองมาที่แขนของนาง ใบหน้าของฉู่รั่วหลานแดงก่ำด้วยความอับอาย นางปิดแขนไว้และปรารถนาจะร้องไห้ทั้งที่ไม่มีน้ำตา อยากสลบไปเหมือนลูกพี่ลูกน้องของนางเสีย จะได้ไม่ต้องเผชิญกับสายตาเย้ยหยันของคนเหล่านี้
“ดูอะไร! มีอันใดน่าดูนักหรือ? เชื่อหรือไม่ว่าองค์หญิงผู้นี้จะควักลูกตาของเ้าออกมา!”
ฉู่รั่วหลานะโเสียงดังไปรอบทิศ
นางทั้งเกลียดทั้งเสียใจ นางเกลียดที่มู่อันเหยียนฉีกแขนเสื้อของนาง เผยให้เห็นแต้มพรหมจรรย์ซึ่งเป็สัญลักษณ์ความบริสุทธิ์ของสตรี เช่นนั้นสิ่งที่นางกล่าวไปทั้งหมดจึงกลายเป็เพียงเื่ขบขัน เกรงว่ายังไม่ทันผ่านพ้นวันนี้ เหตุการณ์นี้ก็คงกระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงเป็แน่...
และที่เสียใจคือนางทำตามคำแนะนำของลูกพี่ลูกน้องของนาง จนเกิดเป็ความคิดชั่วร้ายนี้ขึ้น ยามนี้เมื่อถูกเปิดโปง ไม่เพียงเสียหน้า แต่เกรงว่ามู่เสวียนเย่คงไม่ยอมชายตามองนางอีก เวลานี้นางจึงโยนความผิดให้ฉู่หลิวซวงทั้งหมด
เหล่าฝูงชนมิกล้ายั่วโมโหฉู่รั่วหลาน ขณะนี้ทุกคนล้วนเห็นว่าองค์หญิงผู้นี้ใกล้จะแตะเส้นขอบะเิแล้ว ที่แท้ช่างน่าอายเกินไปจริงๆ เหตุใดองค์หญิงผู้สง่างามจึงคิดกลอุบายต่ำช้าเช่นนี้มาทำร้ายผู้อื่นได้?
คนที่ซื่อตรงเยี่ยงแม่ทัพมู่ กลับต้องมาถูกปรักปรำเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
ยังมีจวิ้นจู่ฉู่ นางด่าทอคนทั้งตระกูลมู่ ทว่าข้อพิสูจน์ที่ปรากฏออกมากลับย้อนตบปากตัวนางเองเรียบร้อย
ที่น่าชื่นชมที่สุดคือคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ นางมิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใด เพียงพุ่งเข้าไปฉีกเสื้อผ้าขององค์หญิงโดยตรง ช่างเรียบง่ายและหยาบคายนัก!
ทุกคนสัญญากับตนเองในใจ วันหลังแม้้าเยาะเย้ย์ท้าทายใต้หล้า ทว่าห้ามยั่วยุคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ผู้นี้เป็อันขาด มิเช่นนั้นแม้ตายไปก็อาจไม่รู้ตัว
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้มู่ พวกเรากลับบ้านกันเถิด”
เื่ขบขันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็ต้องเสียเวลาอีกต่อไป ที่นี่ไม่มีผู้ใดเป็คนโง่ พวกเขาล้วนรู้ชัดเจนว่าเกิดอันใดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาซินเยว่ในวันนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปตามธรรมชาติ คนที่เสียหน้าคือพี่น้ององค์หญิงและจวิ้นจู่ตระกูลฉู่ มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลมู่ และแม้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะล่วงรู้ถึงวังหลวง พวกเขาก็ยังคงมีเหตุผลที่จะอธิบาย
“กลับ”
ฮวาเหยียน มู่เสวียนเย่ และมู่เฉิงอินต่างลงมาจากชั้นสอง ไม่ว่าเดินไปทางใดฝูงชนก็ล้วนเปิดทางให้
ทั้งสามลงมาจากบันได เดินผ่านห้องโถงชั้นหนึ่งไปที่ประตู ทุกคนในโรงน้ำชาทำความเคารพให้ มิได้ใช้สายตาดูถูกจ้องมองฮวาเหยียนอีกต่อไป มีเพียงความชื่นชมเท่านั้น
ทันใดนั้นฮวาเหยียนก็หยุดเดินเมื่อไปถึงหน้าประตู
ทุกคนมองส่งนางด้วยสายตา เมื่อพวกเขาเห็นนางหยุดกะทันหัน หัวใจของพวกเขาก็เต้นดัง ไม่รู้ว่านางจะทำอันใด พริบตาถัดมาจึงได้ยินฮวาเหยียนกล่าวว่า “เื่ที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาซินเยว่ในวันนี้ หลังจากคิดทบทวนให้ดีแล้ว จู่ๆ ข้าก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้