เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว คนขับรถจึงโน้มตัวลงกระซิบบางอย่างกับบุรุษร่างใหญ่ บุรุษร่างใหญ่ใจนหน้าซีดเผือด มุดหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในตรอกโดยไม่สนใจทองคำสองร้อยแท่ง
ฝนยังคงโปรยปรายลงมา ฉีซีนั่งอยู่บนรถม้า สวมเสื้อคลุมที่ยังคงหลงเหลือความอบอุ่นจากบุรุษผู้นั้น และยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกบัวหลวงอยู่
นางหลับตาลงโดยไม่ได้หลั่งน้ำตา ทว่าน้ำตาภายในใจยังคงไหลริน ราวกับแม่น้ำตงอิ่นที่ไหลผ่านอาณาจักรหยวนฉีโดยไม่เคยแห้งเหือด
ภายในรถม้านั้นมีเพียงความเงียบงันและเสียงล้อหมุนเอี๊ยดอ๊าด
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องตนมาเป็เวลานาน ฉีซีจึงเงยหน้าขึ้น สบตากับบุรุษที่นั่งตรงข้ามนาง บุรุษผู้นั้นจ้องมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ทว่ากลับเงียบไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด และเห็นว่านางรู้สึกไม่สบายใจ ฉีซีเปลี่ยนท่านั่ง ก้มศีรษะลง ห่อตัวเองไว้แน่นในชุดคลุมของบุรุษผู้นั้นโดยไม่โผล่มาแม้แต่นิ้วเท้า
นางหวาดกลัวมากว่าบุรุษผู้นี้จะลงมือกับนาง เช่นเดียวกับเ้าหน้าที่หอนางโลมที่น่ารังเกียจพวกนั้น
บุรุษผู้นั้นจ้องไปที่เสื้อคลุมสีฟ้าบนร่างของฉีซี ลายกิเลนที่ปักด้วยไหมหิมะค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีแดงเื เขาสูดลมหายใจและพูดอย่างสงบ "ยื่นมือออกมาสิ ข้างที่าเ็น่ะ"
ฉีซีเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง เขาสลัดสายตาที่ทำให้นางหวาดกลัวออกไปแล้ว ดวงตาสีเข้มของเขาราวกับบ่อน้ำลึกไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ซึ่งทำให้นางลังเล
บุรุษผู้นั้นหมดความอดทน ยื่นมือออกมากระชากเสื้อคลุมสีฟ้าอย่างแรง ฉีซีใมากจนกรีดร้องออกมา "อย่านะ! อย่ามาแตะต้องตัวข้า!"
ทว่าบุรุษผู้นั้นเพียงคว้ามือของนางที่ถูกเ้าหน้าที่หอนางโลมฟาดแส้ใส่ มองอย่างละเอียดอยู่นาน จากนั้นจึงดึงผ้าไหมเช็ดหน้าจากเข็มขัดหนังออกมาพันรอบแผล ผูกปมแล้วพูดว่า "กลับถึงจวนแล้วจะทายาให้"
หลังจากพูดจบก็มองไปที่ฉีซีอีกครั้ง เห็นว่ามีรอยนิ้วสีช้ำบนหน้าอกและขาของนางที่เกิดจากการถูกบีบเคล้นอย่างหยาบคาย นิ้วเท้าเต็มไปด้วยโคลนสกปรกและยังมีหยดเืไหลซึมออกมา เขาอ้ำอึ้งจนพูดไม่ออก
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉีซีห่อเสื้อคลุมของเขากลับจนมิดชิด สุดท้ายจึงล้มเลิกความคิดที่จะพูดอะไรต่อ
ฉีซีไม่คาดคิดว่าแม้บุรุษตรงหน้าจะทำตัวหยาบคาย ทว่ากลับมีจิตใจอ่อนโยน ความกังวลในใจจึงคลายลงบ้างเล็กน้อย
แต่เมื่อนึกถึงราคาที่เขาเสนอจะซื้อตน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองกลับบิดเบี้ยวจนกลายเป็ความสัมพันธ์ระหว่างเ้านายกับข้ารับใช้ ไม่รู้ว่าเขาวางแผนจะทำอะไรกับตนบ้างจึงได้แต่นิ่งเงียบไว้
ทั้งสองคนนั่งเงียบ บุรุษผู้นั้นเพียงแค่เปิดม่านสีน้ำเงินเข้มออก แล้วมองไปด้านนอกรถโดยไม่พูดอะไรอีก
เมื่อมองออกไปนอกม่าน รถม้าก็มาถึงเขตหกตะวันตกแล้ว ด้านนอกหน้าต่าง สระน้ำหย่งจิ้งที่อยู่ติดกับถนนหลวงจิงจีสะท้อนภาพราวกับกระจกเงา มองออกไปเห็นบัวสายบานสะพรั่งเป็ทุ่งกว้างไกลกำลังสั่นไหวเบาๆ ภายใต้สายฝน แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเศร้าสร้อย
ในบรรยากาศที่เงียบสงบเช่นนี้ ทำให้ฉีซีรู้สึกว่าบางทีตนอาจจะหลุดพ้นจากหอนางโลมและตรอกโกวหลานมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว นางจึงกล้าลอบมองใบหน้าด้านข้างของบุรุษผู้นั้นและสังเกตรูปลักษณ์ของบุรุษตรงหน้า
ใบหน้าด้านข้างของบุรุษผู้นั้นมีเส้นที่ประณีตสะอาดตา จอนผมทั้งสองข้างราวกับน้ำหมึก สายรัดกวานก็ปลิวไสวตามสายลม หล่อเหลาและสง่างาม มีท่าทางสงบในทุกอิริยาบถ ระดับความงามของเขาเทียบได้กับเฝิงซื่อหลาง
ทว่าเมื่อเขาเม้มริมฝีปาก แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวและเ็า เมื่อเทียบกับความอ่อนโยนของเฝิงซื่อหลางที่ทำให้รู้สึกสบายใจแล้ว บุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดูเข้าถึงได้ยากกว่ามาก
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นบุรุษงั้นหรือ?”
บุรุษผู้นั้นพูดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ฉีซีใ ด้วยความเขินอายกับคำพูดของเขา ฉีซีจึงรีบหลบสายตามองไปที่พื้นแทน
ขณะนั้นเองนางจึงเพิ่งค้นพบว่ากิเลนที่ปักด้วยไหมหิมะได้กลายเป็กิเลนสีแดงไปเสียแล้ว นางค่อยๆ เปิดด้านในออกและพบว่าผ้าผืนนี้ถูกย้อมไปด้วยเืของนางที่ซึมเข้าไปตามเส้นใยของผ้าจนถึงด้านนอก ทำให้ไหมหิมะดูดซึมมันเข้าไป ดูเหมือนว่าเสื้อคลุมนี้จะเปื้อนเืจนเกรงว่าจะไม่สามารถซักให้สะอาดได้และไม่สามารถสวมใส่ได้อีก
ควรจะชดใช้เขาอย่างไรดี?
ตอนนี้นางตัวเปล่าและถูกเขาซื้อมาเป็ข้ารับใช้ ควรทำอย่างไรดี?
ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่นางหาเฝิงซื่อหลางเจอก็จะสามารถคืนทองคำสองร้อยแท่งให้บุรุษผู้นี้ได้ จากนั้นจะกลับไปที่หอนางโลมเพื่อช่วยหรงรั่วที่ยังไม่รู้ชะตากรรม และหนีจากดินแดนแห่งความวุ่นวายนี้ เพื่อรอโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพหยวนฉี
ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด รถม้าก็หยุดลง คนขับกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า "นายท่าน ถึงจวนแล้วขอรับ"
บุรุษผู้นั้นหันศีรษะไปมองที่ฉีซีแล้วถามเบาๆ "ยังเดินไหวหรือเปล่า?"
ฉีซีเห็นเขามองนิ้วเท้าของนางที่ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุม และอดไม่ได้ที่จะหดนิ้วเท้าเข้ามา ฝ่าเท้าได้รับาเ็และยังคงรู้สึกเ็ป ทว่ายังพอเดินไหวจึงพยักหน้าให้เขา
หลังจากบุรุษผู้นั้นพยักหน้าด้วยความเข้าใจแล้วเปิดประตูรถ ก้มตัวลงและลงจากรถไปก่อน
ฉีซีเดินตามเขาและก้มตัวเพื่อออกจากรถม้า ทว่ารถม้าสูงเกินไป นางจึง้าเก้าอี้เสริม ไม่เช่นนั้นหากะโลงไป หินแหลมคมจะทิ่มฝ่าเท้าจนได้รับาเ็หนักยิ่งขึ้น
บุรุษผู้นั้นเลิกคิ้ว โอบแขนยาวรอบเอวของฉีซี ก่อนที่นางจะได้ทันร้องอุทาน เขาก็อุ้มนางลงจากรถม้าแล้ว ฉีซีให้เขากอดไว้ในอ้อมแขน แก้มแดงก่ำราวกับแสงอาทิตย์ ทำได้เพียงผลักเขาเบา ๆ และกระซิบ "นายน้อย ปล่อยมือได้แล้ว"
ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะตอบสนอง เสียงะโอันทรงพลังทำให้ฉีซีหันกลับไป "ขอต้อนรับท่านอ๋องกลับจวน!"
เมื่อฉีซีรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ประตูไม้สนแดงตรงหน้าประดับหมุดทองเก้าตัวเรียงเป็แนวตั้งและแนวนอนเจ็ดตัว ป้ายบนทับหลังเขียนอย่างชัดเจนว่า จวนซีอ๋อง
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางใไม่ใช่แค่ว่าบุรุษผู้นั้นคือโม่ซี ซีอ๋องแห่งต้าจิ้งเท่านั้น ทว่าจวนแห่งนี้คือตำหนักองค์หญิงของนางอย่างชัดเจน!
นางและหรงรั่วพยายามทุกวิถีทางที่จะหลบหนีจากพระราชวังต้องห้าม หลบหนีการตามล่าของทหารต้าจิ้ง ไม่คาดคิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลก นางขายตัวให้เขาและตกมาอยู่ในกำมือของซีอ๋องแห่งต้าจิ้ง!
นางรับมือกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไม่ไหวจึงรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่และเกือบจะหมดสติไป
โม่ซีพบว่าหยกอันอ่อนนุ่มในอ้อมแขนสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ จึงมองนางอย่างครุ่นคิด
สถานะของเขาทำให้นางหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ? หรือมีสาเหตุอื่นใดอีก?
โม่ซีอยากจะถามเื่ราวของฉีซีั้แ่บนรถม้าแล้ว เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง ความสงสัยก็ยิ่งทวีขึ้น ทว่าเขาไม่รีบร้อนถามนางในเวลานี้ เขาเหลือบมองนาง ก่อนจะโอบไหล่พานางเข้าไปในจวนซีอ๋อง
ฉีซีก้มศีรษะลงไม่กล้ามองไปมากกว่านี้ กลัวว่าหากเข้าไปในจวนแล้วจะบังเอิญเจอกับนางกำนัลรับใช้เก่า ทำให้ตัวตนถูกเปิดเผยและถูกซีอ๋องแห่งต้าจิ้งสังหารในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้