หนิงมู่ฉือมองคนในชุดดำอย่างสงสัย คนผู้นั้นเดินเข้ามาในกระท่อมอย่างไม่เกรงใจ สองสามีภรรยาที่กำลังนั่งกินหมั่นโถว เมื่อเห็นคนของนายอำเภอเดินเข้ามาจึงรีบลุกขึ้นยืนโดยพลัน ยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ผู้น้อยคาราวะหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนขอรับ / เ้าค่ะ”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนยิ้ม มือยังคงถือมีดเอาไว้ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก้มหน้ามองหมั่นโถวสีขาวซึ่งมีสีเขียวแซมอยู่พร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย
ผู้เป็สามีมองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนอย่างแปลกใจเล็กน้อย “วันนี้ท่านขึ้นไปเดินตรวจบนเขา ได้สิ่งใดกลับมาหรือไม่ขอรับ หมูเพียงตัวเดียวของบ้านข้าตัวนั้น…”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ไม่เจอสิ่งใดเลย วันนี้พวกเราขึ้นเขา แม้แต่ขนของหมูก็ยังไม่เห็น”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะขณะเอ่ย “วันนี้ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลย เ้า…”
ผู้เป็สามีมองอาหารบนโต๊ะอย่างเสียดายเล็กน้อย หากสุดท้ายก็จำใจต้องพยักหน้า นายอำเภอเห็นเช่นนั้น ขยับตะเกียบลงมือทันที
ผู้เป็สามียิ้มขอโทษ “ท่านหัวหน้าหน่วย ผู้น้อยไม่มีเนื้อให้ท่านทาน เสื่อมเสียเกียรติของท่านนัก”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนส่ายหน้าขณะเคี้ยว “ข้าอยากจะถามเ้าพอดีเลยว่า ผู้ใดเป็คนทำหมั่นโถวนี่ ั้แ่เกิดมาข้ายังไม่เคยกินหมั่นโถวสมุนไพรที่เลิศรสเช่นนี้มาก่อนเลย”
หนิงมู่ฉือนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าท่าทางอวดดี มองกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดูแคลน “เป็ฝีมือของข้าเอง”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนมองมายังนาง พลางเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เ้าคงเป็คนต่างถิ่นสินะ”
ผู้เป็ภรรยารีบพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยอธิบาย “สตรีนางนี้เป็คนต่างถิ่นเ้าค่ะ นางอยากจะขอพักที่นี่สักคืน พวกเราเห็นว่านางดูแล้วไม่ใช่คนร้ายจึงให้นางพักอยู่ที่นี่”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉือ “พอดีเลย ในจวนของท่านนายอำเภอตอนนี้กำลังขาดแม่ครัวอยู่พอดี อีกเดี๋ยวเ้าตามข้ากลับไปที่จวนนายอำเภอด้วยก็แล้วกัน”
นางได้ฟังเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน เค้นเสียงฮึขึ้นจมูกใส่หัวหน้าหน่วยลาดตระเวน “ข้าออกมาท่องเที่ยว เหตุใดข้าต้องอยู่ที่นี่ตามที่ท่านบอกด้วย”
แม้มือหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนจะกำหมัดแน่น หากใบหน้ายังคงแย้มยิ้มออกมา ด้วยกลัวว่าสตรีตรงหน้าจะไม่ตอบตกลง จึงลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้ๆ เอ่ยพร้อมกับยิ้มประจบ “แม่นาง เ้าจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ หมู่นี้นายอำเภอของข้ามักจะทานอะไรไม่ค่อยลง นี่ก็เพิ่งจะผ่านพ้นปีใหม่ไปได้แค่วันเดียว ท่านทานอาหารเลิศรสจนเบื่อแล้ว ข้าเห็นแม่นางมีฝีมือทำกับข้าวยอดเยี่ยม สามารถ…”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนยังไม่ทันได้เอ่ยจบก็ถูกตัดบทขึ้นเสียก่อน “จะให้ข้าไปทำอาหารให้นายอำเภอของท่านใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ท่านต้องรับปากข้าเื่หนึ่งเสียก่อน”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเห็นหนิงมู่ฉือมีเื่ต่อรองก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเอ่ยว่า “แม่นางเชิญพูดมาได้เลย ไม่เห็นจำเป็ต้องทำเป็มีลับลมคมในเช่นนี้เลย”
นางยิ้ม “คนเราช่วยคนก็ย่อมหวังผลตอบแทน ข้าอยากให้ท่านเติมข้าวสารในถังของบ้านนี้ให้เต็ม”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงประณาม “ตอนนี้พวกเรากำลังประสบภัยพิบัติ อาหารมีราคาแพงยิ่งกว่าแร่เงินเสียอีก เ้าพูดว่าเติมข้าวสารให้เต็มถังก็จะสามารถทำได้หรือ”
นางยิ้มยั่วโทสะ “ได้ เช่นนั้นท่านก็เติมแร่เงินให้เต็มถังสิ”
“สามหาว!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนตบโต๊ะเสียงดัง “เ้าคิดว่าจวนนายอำเภอคือร้านขายแร่เงินหรืออย่างไร พวกเรามาแวะพักที่นี่ กินข้าวที่นี่ เท่านี้นับว่าให้เกียรติครอบครัวนี้มากแล้ว ให้เ้าไปทำอาหารนับเป็เกียรติของเ้าด้วยซ้ำ แต่เ้ายังจะกล้าเล่นลิ้น ไว้หน้าเ้า เ้ายังไม่ชอบ คิดว่าเ้าคือผู้ใดกัน ทุกคน จับนางเอาไว้!”
นางหยิบป้ายห้อยเอวออกมา แล้วชูไปเบื้องหน้าหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดัง “เ้าคนตาสุนัขไร้แววชอบดูถูกผู้อื่น คิดว่าข้าคือใครหรือ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร ข้าคือบุตรสาวสกุลใหญ่ คนที่ฮ่องเต้พระราชทานฉายาเทพแม่ครัวให้ด้วยพระองค์เอง คิดจะเชิญข้าไปทำอาหารแต่ขี้งก แม้แต่ข้าวสารก็ไม่ยอมให้ แล้วยังจะกล้าพูดจาโอหังว่าให้จับตัวข้าเอาไว้อีก”
พูดจบสองสามีภรรยาเ้าของบ้านก็เห็นหนิงมู่ฉือเป็ดั่งเทพมาโปรดทันที หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเอาป้ายห้อยเอวที่หนิงมู่ฉือชูขึ้นมาไปดู ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “เ้าคือเทพแม่ครัวที่ฮ่องเต้พระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เองจริงหรือ แต่…”
แต่บุตรสาวสกุลใหญ่ เหตุใดถึงมาเป็แม่ครัวได้?
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนไม่กล้าคิดมากและไม่กล้าพูดมาก ถึงอย่างไรป้ายห้อยเอวนั้นก็ไม่ใช่ของปลอม!
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนนำลูกน้องคุกเข่าทำความเคารพป้ายห้อยเอวพระราชทานจากฮ่องเต้
ครั้นหนิงมู่ฉือสั่งให้ลุกขึ้นยืน หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนรั้งแขนนางให้ไปด้านข้าง ยิ้มพร้อมกับเอ่ยประจบประแจง “ในเมื่อแม่นางเป็เทพแม่ครัว ข้าจะให้ท่านพักอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรเช่นนี้ได้อย่างไร แม่นางสู้ตามข้าไปพักที่จวนนายอำเภอจะดีกว่า แม่นางจะได้พักให้สบาย”
นางทำท่าขบคิด ทำตามที่อีกฝ่ายว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สองสามีภรรยาเ้าของกระท่อมหลังนี้ด้วย คิดได้ดังนั้นนางก็พยักหน้าออกไป “เช่นนั้นข้าจะตามท่านกลับไป ส่วนข้อเสนอที่ข้าเสนอไป อย่าได้ขาดแม้แต่เม็ดเดียวเชียว!”
“ได้แน่นอน จะไม่ให้ขาดแม้แต่ครึ่งเม็ดเป็แน่!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเดินนำออกไป สองสามีภรรยามองหนิงมู่ฉืออย่างขอบคุณ ทั้งคู่ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดีถึงจะบรรยายความซาบซึ้งที่มีต่อหนิงมู่ฉือได้ จึงได้แต่คุกเข่าลงกับพื้นให้ หนิงมู่ฉือพยุงทั้งคู่ขึ้นมา ก่อนจะกระซิบข้างหู “ไปถึงที่จวนนายอำเภอเมื่อใด ข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้พวกท่านได้หมูมา”
ผู้เป็ภรรยาจับแขนหนิงมู่ฉือเอาไว้อย่างขอบคุณ น้ำตาไหลพรากไม่เอ่ยวาจาใด หนิงมู่ฉือส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากกระท่อมไป นางให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนจูงม้าเดินนำอยู่ข้างหน้า ข้างหลังคือคนของหน่วยลาดตระเวนที่เดินตามมา ประหนึ่งจะคุ้มครองความปลอดภัยให้นาง
เดินผ่านทิวเขาอยู่นาน ในที่สุดนางก็มาถึงจวนนายอำเภอ นางอดไม่ไหวจึงเอ่ยถามหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนออกมา “ท่านช่างตั้งใจทำงานเหลือเกิน ต้องขึ้นเขาไปตั้งไกล คงจะใช้แรงไปไม่น้อย”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบ “จะให้ทำอย่างไรได้ นายอำเภอมีคำสั่งลงมาว่า หาโจรเจอหรือไม่เจออย่างไรก็ต้องมีคำตอบให้ชาวบ้าน”
นางคิดในใจ นายอำเภอผู้นี้ดูท่าน่าจะเป็คนใช้ได้ ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไปในจวน ภายในจวนดูเก่าและทรุดโทรมอย่างมาก นางอดขมวดคิ้วไม่ได้ “จวนนายอำเภอของท่าน…มีเงินซื้ออาหารดีๆ เหตุใดถึงไม่ซ่อมจวนให้ดูน่าอยู่กว่านี้เล่า”
ทันทีที่นางเอ่ยจบ นางเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งในชุดขุนนางมองมายังนางด้วยแววตาคมกริบ นางถึงกับเหงื่อตก สะดุ้งใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้