เฉิงชิงคาดไม่ถึงว่านายท่านห้าเฉิงจะมองทะลุการแสดงปาหี่ของนาง!
ทว่าบนโลกใบนี้มีผู้ชาญฉลาดมากมาย นางย่อมไม่อาจหาญดูิ่ใคร
เฉิงจือซู่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างชัดเจน แต่ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของนายท่านห้าเฉิง เขาจึงไม่กล้าที่จะออกปากคัดค้าน
นางหลิ่วสับสนงุนงง เพียงรู้สึกว่าผู้นำตระกูลมีเจตนาดี เฉิงชิงควรตกปากรับคำ
เื่เช่นนี้นางหลิ่วเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนอยู่ที่อำเภอเจียงหนิงก็ตกปากรับคำข้าหลวงใหญ่เื่เชิญดวงิญญากลับบ้านเกิด ภายในใจยังคงซาบซึ้งบุญคุณของใต้เท้าข้าหลวงใหญ่
นางมองเฉิงชิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง บนไปหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน ในใจของหญิงม่ายที่น่าสงสารผู้นี้คิดแต่เพียงให้โลงศพของเฉิงจือหย่วนผู้เป็สามีกลับคืนสู่ผืนดินอย่างสงบสุข
เฉิงชิงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ ในขณะที่นางหลิ่วแทบอยากจะตกปากรับคำแทนเฉิงชิง
ริมฝีปากนางเพิ่งจะขยับ บุตรสาวคนโตที่อยู่ด้านข้างก็มากระตุกแขนเสื้อนางเบาๆ
นางจะพูดไม่ได้
ก่อนที่จะเดินทางมาถึง บุตรชายได้ให้พวกนางสัญญาว่า วันนี้ไม่ว่าจะพูดหรือกระทำการอันใดล้วนต้องฟังบุตรชายทั้งสิ้น
บุตรสาวคนโตแม้จะรู้สึกว่าหลังจากน้องชายป่วยหนักก็เปลี่ยนไปแข็งกร้าวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็เื่ที่ผิด
ทั้งบ้านมีแต่ผู้หญิง หากผู้ชายเพียงคนเดียวยังอ่อนแอปวกเปียกไปด้วย จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรในวันหน้า?
เมื่อได้บุตรสาวคนโตเตือนสติ นางหลิ่วจึงระลึกได้ถึงข้อกำชับของเฉิงชิง
เฉิงชิงแสร้งทำเป็ใคร่ครวญอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง ปฏิเสธความหวังดีของผู้นำตระกูลด้วยท่าทีหนักแน่น
“ไม่ขอรับ ถ้าจะให้ฝังบิดาโดยที่เื่ราวยังไม่แน่ชัด เฉิงชิงก็ถือว่ากระทำผิดในฐานะมนุษย์… ข้า้าชำระล้างมลทินเพื่อบิดา ให้ท่านได้ฝังในสุสานบรรพชนอย่างผู้บริสุทธิ์”
เด็กหนุ่มรับไม่ได้กับคำพูดใส่ไคล้เ่าั้
ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ เฉิงจือซู่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ก็ใช่ พี่ใหญ่เป็คนเ้าอารมณ์เช่นนั้น จะสอนบุตรชายให้ออกมาสุขุมเยือกเย็นได้อย่างไร แม้จะฉลาดในเื่เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ยังยากที่จะทำการใหญ่ได้!
เฉิงจือซู่พลันรู้สึกวางใจอย่างแท้จริง
นายท่านห้าเฉิงเอ่ยว่า “ดี” แล้วถามเฉิงชิงอีก
“บิดาเ้ามีความผิดจริงหรือไม่ ต้องรอราชสำนักตัดสิน แต่ก่อนหน้านั้น โลงศพของบิดาเ้าสามารถนำมาเก็บไว้ในตระกูลได้ ส่วนพวกเ้าแม่ม่ายบุตรกำพร้า คนในตระกูลก็ย่อมรับไปดูแล”
เหล่าเพื่อนบ้านล้วนเคยพูดไว้แล้ว นายท่านห้าเป็คนจัดการเื่ราวอย่างยุติธรรม ไม่แปลกที่ตระกูลจะสามารถพัฒนาจนใหญ่โต
เฉิงจือซู่มองท่าทีของผู้นำตระกูล เขาก็ไม่ควรแกล้งโง่อีก
“หากโลงศพของพี่ใหญ่ไม่เข้ามาในบ้านรอง ข้าก็ยินดีดูแลคนในครอบครัวของเขา ให้พี่สะใภ้ใหญ่และหลานชาย รวมถึงบรรดาหลานสาวกลับมาอาศัยอยู่ที่นี่”
วาจานี้คล้ายกับจะเป็วาจาของคน น่าเสียดายที่เอ่ยช้าไปเสียแล้ว
ครั้งนี้เฉิงชิงจะรับปากหรือไม่? นางหลิ่วกังวลว่าเฉิงชิงจะรับปากเร็วเกินไปอีก
นางหลิ่วไม่กลัวสิ่งอื่นใด กลัวเพียงหากนางนำบุตรกลับบ้านเดิม พวกเขาจะต้องกล้ำกลืนฝืนทน ทำได้เพียงยอมถูกเอาเปรียบเพียงเพราะคำว่า ‘กตัญญู’ ที่กดทับลงมา
สายตาของเหล่าเพื่อนบ้านต่างก็จับจ้องไปที่เฉิงชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับความหวังดีของผู้นำตระกูล ใบหน้าซีดเหลืองราวเทียนไขของนางก็แดงระเรื่อ
“ท่านปู่ห้า หากโลงศพของบิดาข้าเก็บไว้ภายในตระกูล เกรงว่าจะนำคำครหามาสู่ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ ไม่สู้นำโลงศพของบิดาไปไว้ที่บ้านโลงศพ[1] รอให้มลทินการฆ่าตัวตายหนีความผิดของบิดาถูกชำระจนสะอาดหมดจดแล้ว ค่อยนำบิดาไปจัดพิธีที่บ้านรอง ให้บิดาได้รับการฝังอย่างสมเกียรติ!”
เ้าหนุ่มเฉิงมีปณิธานและยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี เลือกหนทางที่ยากลำบากกว่าเพื่อชื่อเสียงของบิดาที่ล่วงลับ
ความสงสัยของเหล่าเพื่อนบ้านลดน้อยลงแล้ว แววตาที่มองไปยังนางมีทั้งความชื่นชมและความเห็นใจ
เห็นได้ชัดว่ามีโอกาสฝังศพบิดา แต่เฉิงชิงกลับปฏิเสธ เพียงเพราะไม่้าให้บิดาที่จากไปแบกรับข้อกล่าวหาที่ยังไม่ชัดแจ้ง นี่สิถึงจะเป็ความกตัญญูอย่างแท้จริง!
แม้แต่เศรษฐีเฒ่าเหอผู้โอบอ้อมอารีก็เอ่ยว่า “เด็กดี”
ไม่ว่าเฉิงจือหย่วนจะผิดจริงหรือไม่ ด้วยวิธีของเฉิงชิงก็ทำให้รอดพ้นจากการถูกกล่าวโทษ
นายท่านห้าเฉิงเองก็พยักหน้า “ข้าชอบคนหนุ่มที่มีปณิธาน เ้าไม่ผิด อาสามของเ้าควรเชิญพวกเ้ากลับไปอาศัยที่บ้านรอง เ้าเห็นด้วยหรือไม่?”
เฉิงจือซู่ลอบเบิกตากว้าง
แยกบ้านไปตั้งนานแล้ว เขายังเชิญเฉิงชิงและพวกนางหลิ่วกลับไปอยู่บ้านรองก็นับว่าใจกว้างมากแล้ว เ้าเด็กนี่ยังกล้าปฏิเสธ!
เ้าเด็กน้อยเฉิงชิงยังคงปฏิเสธอีกครั้ง
นางทำสีหน้าลำบากใจ “ในเมื่อแยกบ้านกันแล้ว ข้าก็จะหาที่พักใหม่ให้มารดาและเหล่าพี่สาว หลานขอขอบคุณความหวังดีของท่านอาสาม”
“เ้า…”
นายท่านห้าเฉิงกวาดสายตาไปมอง เฉิงจือซู่ปิดปากเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในใจกลับอัดอั้นเป็อย่างมาก
ชายชรากล่าวอย่างเด็ดขาด “ในเมื่อเ้ามีปณิธาน ก็ต้องรับผิดชอบหนทางที่เลือกเดิน เตรียมรับมือมลทินที่มิอาจชำระล้างของบิดาเ้า หากยืนยันแล้วว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ของข้าก็มิอาจยอมรับลูกหลานเช่นนี้ได้”
นายท่านห้าเฉิงกล่าวอย่างชัดเจน หากข้อกล่าวหาของเฉิงจือหย่วนเป็ที่แน่ชัดแล้ว คำมั่นที่นายท่านห้าเฉิงที่เอ่ยอนุญาตให้ฝังเฉิงจือหย่วนในสุสานบรรพชนก็จะเป็โมฆะ
ผู้นำตระกูลผู้เปี่ยมด้วยความยุติธรรมในตอนนี้ เมื่อถึงเวลานั้นอาจเปลี่ยนไปมีจุดยืนเช่นเดียวกับเฉิงจือซู่!
“ท่านปู่ ข้าเคารพรักบิดาที่จากไป ข้าเชื่อมั่นในการประพฤติตนของบิดาผู้ล่วงลับอย่างไร้ข้อกังขา และไม่สงสัยการสั่งสอนของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ที่มอบให้แก่บิดา หากบทสรุปไม่ดี ข้าเองก็ไม่อาจยอมรับเช่นกัน จะนำคดีนี้ไปร้องต่อกรมอาญา ร้องต่อศาลต้าหลี่[2] จนถึงตำหนักจินหลวน[3]”
ใบหน้าเฉิงชิงฉายชัดถึงความดื้อดึง คำพูดของนางทำให้นางหลิ่วน้ำตาไหลพรากดุจสายฝนพรำ
เศรษฐีเฒ่าเหอปรบมือนำ เพื่อนบ้านที่รายล้อมอยู่ก็ต่างก็ปรบมือตาม
เ้าหนุ่มเฉิงช่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์ดีงามจริงๆ!
สายตาที่นายท่านห้าเฉิงมองไปยังเฉิงชิงฉายแววตั้งอกตั้งใจเป็พิเศษ อายุเพียงสิบสามปี กลับเปล่งประกายถึงเพียงนี้
คำพูดที่ดีและไม่ดีล้วนถูกเฉิงชิงกล่าวไปหมดแล้ว ทั้งยังเหลือหนทางรอดไว้อย่างพอเหมาะพอดี
นายท่านห้าเฉิงพึมพำกับตนเองครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ดี ในเมื่อเ้ามีความคิดเช่นนี้ ในตระกูลก็พร้อมยอมรับ ไม่อยากกลับบ้านรองก็ไม่ต้องกลับ ไม่ว่าเื่ใดก็ต้องผ่านความยากลำบากมาก่อนจึงจะสำเร็จ คนหนุ่มไม่หวั่นเกรงความยากลำบากย่อมมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ รอเ้าจัดหาที่ไว้โลงศพและที่พักของพวกมารดาเ้าแล้ว ค่อยไปพบข้าที่บ้านห้า”
ภายในั์ตาเฉิงชิงปรากฏความยินดี
นี่แหละคือผลลัพธ์ที่นาง้า
“เฉิงชิงเชื่อฟังท่านปู่!”
นายท่านห้าเฉิงคือผู้นำตระกูล ความาุโก็มากกว่าเฉิงจือซู่ มีผู้าุโอื่นพูดขนาดนี้แล้ว นางก็ไม่กลัวบ้านรองจะมารังแกอีก
ไม่ต้องพูดถึงอาสามเฉิงจือซู่ แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าจูผู้เป็ย่าเลี้ยงยังต้องฟังนายท่านห้าเฉิง
เมื่อเสียเปรียบก็ต้องค่อยๆ พลิกกลับมา การที่เฉิงชิงพูดว่าจะชำระมลทินแทนเฉิงจือหย่วนนั้นไม่ใช่เื่ล้อเล่น อย่างน้อยก้าวแรกในวันนี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
เื่ที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูบ้านรองในวันนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วอำเภอหนานอี๋ ชื่อเสียงความกตัญญูและความมีปณิธานของนางได้กลบมลทิน ‘ฆ่าตัวตายหนีความผิด’ ของเฉิงจือหย่วนไว้ชั่วคราว อย่างน้อยระหว่างที่พวกนางอาศัยอยู่ที่อำเภอหนานอี๋ ก็จะไม่ถูกผู้คนชี้หน้าด่าทอและสามารถหลีกเลี่ยงการถูกบ้านรองทำให้ลำบากใจ
เฉิงชิงพอใจเป็อย่างมาก
คาดว่าผู้นำตระกูลนายท่านห้าเฉิงก็คงรู้สึกพอใจเช่นกัน จนถึงขั้นให้คนนำเงินสองร้อยตำลึงเงินมาให้ ทั้งไม่อนุญาตให้เฉิงชิงปฏิเสธ
นายท่านห้าเฉิงรู้สึกเอ็นดูคนรุ่นหลัง เอ่ยชื่นชมไม่ขาดสาย เฉิงจือซู่เองก็กลั้นใจส่งเงินให้เฉิงชิงสองร้อยตำลึงเงิน ยังคิดไปว่าเฉิงชิงจะถือตัวปฏิเสธ ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายกลับรับไว้อย่างไม่ขัดขืน
“ขอบคุณท่านอาสาม ก่อนหน้านี้หลานได้เข้าใจท่านอาสามผิดไป บอกว่าท่านอาสามไร้ไมตรีต่อพี่น้อง เป็หลานเองที่เอาใจคนต่ำต้อยไปวัดท้องสุภาพบุรุษ[4]”
เฉิงจือซู่ไม่รู้ว่าตรงไหนกันที่ไม่ถูกต้อง เพียงแต่ถ้อยคำนี้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
เฉิงชิงไม่สนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร รับเอาสี่ร้อยตำลึงเงินแล้วพานางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามไปยังตรอกหยางหลิ่ว
ที่พักเป็นายท่านห้าเฉิงให้คนจัดหาให้ แม้จะไม่ใช่ห้องหับในตระกูล แต่ก็อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่คนตระกูลเฉิงอาศัยอยู่มาก ที่นี่เป็เรือนแยกของพ่อค้าผ้าแซ่วังคนหนึ่ง เนื่องด้วยเพราะธุรกิจภายในบ้านเกิดปัญหา จึงก่อกำแพงกั้นเรือนแยกแบ่งให้ครอบครัวอื่นเช่าอาศัย
ครอบครัวเฉิงชิงเช่าบริเวณเรือนหลัง มีห้องหับหลายห้องและมีลานกว้างอยู่ตรงกลางลานหนึ่ง ประตูหลังตรงไปยังท่าเรือเล็กริมแม่น้ำ เดินทางได้สะดวก สถานที่เงียบสงบและงดงาม ค่าเช่าหนึ่งปีเพียงสิบห้าตำลึงเท่านั้น สภาพการเงินของครอบครัวเฉิงชิงสามารถแบกรับภาระนี้ไหวแน่นอน
เฉิงชิงหมุนตัวรอบหนึ่งอย่างพึงพอใจ เอ่ยกับนางหลิ่ว
“ท่านแม่ ท่านปู่ห้าช่วยเหลือธุระใหญ่ในครั้งนี้ เช่นนั้นพวกเราควรไปแสดงความขอบคุณที่บ้านท่านปู่ห้า!”
[1] บ้านโลงศพ หมายถึงสถานที่ที่รับเก็บโลงศพไว้ชั่วคราวระหว่างรอการเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ฝังศพ
[2] ศาลต้าหลี่ คือศาลที่ใช้ตัดสินคดีความของเหล่าขุนนาง
[3] ตำหนักจินหลวน คืออีกชื่อหนึ่งของตำหนักไท่เหอที่ฮ่องเต้ทรงใช้ในการออกว่าราชการแผ่นดินและจัดพระราชพิธีสำคัญ
[4] เอาใจคนต่ำต้อยไปวัดท้องสุภาพบุรุษ หมายถึงใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้