ตามด้วยเสียงเท้าของจางหยาง เจียงไป๋ก้าวเข้าไปในห้อง พอเข้าประตูไปก็เห็นคนสิบกว่าคนยืนอยู่ตรงกลางห้องส่วนตัวที่ใหญ่โต และมีเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่
ตำแหน่งตรงกลาง ชายอายุสามสิบเจ็ดสามสิบแปดปีคนหนึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น ลักษณะท่าทางคนคนนี้ธรรมดา ดูความพิเศษอะไรไม่ออก เพียงแค่วินาทีที่เจียงไป๋เดินเข้ามา จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น มีแสงหนึ่งแวบผ่านและท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เดิมทีเขาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย ก็มีความรู้สึกราวกับนกกระสายืนอยู่ในฝูงไก่ เพียงนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ใครๆ ก็เทียบไม่ได้แล้ว ราวกับพระจันทร์กลางกลุ่มดาว ช่างมีความโดดเด่น
“เจียงไป๋?”
ตอนที่เจียงไป๋กำลังสังเกต อู่เทียนซีก็มองเจียงไป๋เหมือนกัน และตรงมุมปากยังเผยรอยยิ้มออกมา
“ใช่ ผมเอง”
เจียงไป๋ยักไหล่ และแบมือออก พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
พูดจบก็เดินเข้ามา แล้วลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าอู่เทียนซีมาตัวหนึ่ง เขานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจอะไร และไม่ได้สนใจสายตาพิฆาตสิบกว่าคู่ที่อยู่ในห้องนี้เลยด้วยซ้ำ
“เหอะๆ เป็เด็กหนุ่มที่อายุน้อยมาก พูดจริงๆ หลายปีแล้วที่ไม่เคยเห็นคนหนุ่มอย่างนาย เมื่อเห็นฉันแล้วกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย ยากที่จะเจอจริงๆ ความกล้าอย่างนี้ ก็แตกต่างจากคนปกติทั่วไป มิน่าล่ะจ้าวอู๋จี๋ถึงได้ยกนายให้เป็แขกผู้มีเกียรติ”
อู่เทียนซีโบกมือหยุดลูกสมุนที่คิดจะก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งไว้ และตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม
“ขอบคุณที่คุณอู่ให้เกียรติผม และยังเชิญผมมาทานข้าวอีก เหอะๆ แต่ที่เ้าพ่อจ้าวยกให้ผมเป็แขกผู้มีเกียรติก็ไม่ใช่เพราะผมยังหนุ่ม”
เจียงไป๋หัวเราะและไม่ได้ติดใจแม้แต่น้อย ราวกับไม่เห็นการกระทำของอู่เทียนซี แต่กลับใช้สายตากวาดมองไปยังคนที่คิดจะก่อการร้ายกลุ่มหนึ่ง และแสดงอาการยั่วยุเป็ที่สุด ทั้งยังฉีกยิ้มอย่างดูถูก
คนที่อู่เทียนซีพามากลุ่มนี้ล้วนเป็คนมีฝีมือ เจียงไป๋แทบจะยืนยันได้ แต่ละคนต่างก็เคยฆ่าคน เคยเห็นเื และบริเวณหน้าอกของพวกเขาก็มีอาวุธอยู่แน่นอน แค่พูดไม่เข้าหู ก็คงจะหยิบออกมาฆ่าทันที และยิงจนพรุนเหมือนรังผึ้ง ดูจากหนังมือด้านๆ ตรงง่ามมือระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งข้างขวาก็เดาได้ไม่ยาก แต่ละคนล้วนเป็นักแม่นปืนที่เป็หนึ่งไม่เป็สอง
แต่เจียงไป๋ยังคงไม่กลัว
“เหอะๆ เื่ของนาย ฉันรู้แล้ว พูดตรงๆ ร้ายกาจมาก แต่เื่ที่กระพือข่าวกันอยู่ด้านนอกก็มากเกินไปแล้ว ยอดฝีมือฉันเคยเห็น แต่หากพูดถึงรับลูกะุมือเปล่า คนเดียวสู้กับคนสองร้อยกว่าคน ยังรวมถึงยอดฝีมือวูซูจีนอีกสิบกว่าคน และปรมาจารย์ใหญ่วูซูจีนหนึ่งท่าน ฉันก็รู้สึกว่าน่าขำ”
อู่เทียนซีหยิบแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา และจิบไปนิดหน่อย หลังจากนั้นก็หัวเราะพลางพูดกับเจียงไป๋
ตอนที่พูดยังไม่ลืมที่จะโบกมือให้คนที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีคนหยิบไวน์แดงมาหนึ่งขวด เขาเดินมาหาเจียงไป๋ และเทไวน์ให้เจียงไป๋เต็มแก้ว
“จะล้อเล่นหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ลองดูเดี๋ยวก็รู้ไม่ใช่หรือ?” เจียงไป๋พูดอย่างยิ้มแย้ม
เพิ่งพูดออกไป สีหน้าคนสิบกว่าคนที่ติดตามอู่เทียนซีก็เริ่มแปรเปลี่ยน “ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว” ปืนสั้นหลายกระบอกถูกดึงออกมา และเล็งมาที่เจียงไป๋ทันที
“เก็บปืน!”
อู่เทียนซีตะคอกอย่างเยือกเย็น และมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังอย่างเจ็บใจที่ไม่ได้ดั่งใจ
“ไม่พูดไร้สาระแล้ว เป้าหมายที่ผมมา เชื่อว่าคุณอู่ก็รู้ เพื่อนของผมหวงเทียนฉวนมีของอยู่ลอตหนึ่ง ได้ยินว่าเป็คุณอู่ที่สั่งให้ยึดไว้ ผมมาเพื่อขอน้ำใจ คุณอู่ขอได้โปรดกรุณาปล่อยของจะได้ไหม?”
ั้แ่ต้นจนจบเจียงไป๋ไม่ได้เห็นคนกลุ่มนี้อยู่ในสายตา แต่มองแค่อู่เทียนซีที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม และตรงประเด็น
“ปล่อยหรือ? แค่พูดง่ายๆ อย่างนี้ แต่ฉันมีคำถามหนึ่ง ทำไมฉันต้องให้เกียรตินายด้วยล่ะ?”
อู่เทียนซีแสยะยิ้ม และกอดอกนั่งสังเกตเจียงไป๋อยู่ตรงนั้น
จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปราวกับจะชักดาบออกมาห้ำหั่นกัน
“ง่ายมาก เพราะเกียรติของผมนั้นถึงคุณจะไม่ให้ก็ต้องให้!”
เจียงไป๋แสยะยิ้ม และก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอ เขาพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ พูดได้ดี แต่เสียดายฉันแปลกใจมาก นายมีสิทธิ์อะไรถึงพูดอย่างนี้! ฉันอยากจะรู้ แค่ฉัน้า วันนี้นายก็จะเดินออกไปจากภัตตาคารอาหารปินไห่แห่งนี้ไม่ได้!”
อู่เทียนซีราวกับได้ยินเื่น่าสนใจ เขายืนขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง
คนที่อยู่ข้างๆ เขาหยิบปืนออกมาอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่นี้ แต่เวลานี้ประตูด้านนอกก็ถูกถีบจนเปิดออก คนหลายสิบคนพุ่งเข้ามา แต่ละคนถือปืนมาด้วย
คนหลายสิบคนล้อมเจียงไป๋ไว้ พวกเขามีอาวุธครบมือและเล็งมาที่หัวของเจียงไป๋ทั้งหมด ราวกับว่าหากเจียงไป๋กล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาก็จะยิงเจียงไป๋จนพรุนเป็รูเหมือนกระชอนทันที
“ตอนนี้นายยังคิดอย่างนี้อีกหรือ?”
หลังจากที่ทุกคนเข้ามาแล้ว มือทั้งคู่ของอู่เทียนซีวางลงบนโต๊ะ และโค้งตัวมองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงข้ามพลางถาม
“อยาก ยังอยากทำอย่างนี้ คำพูดเดิม แค่ผมพอใจ ผมก็สามารถเด็ดหัวคุณได้ ดังนั้นเกียรตินี้ของผม คุณจะไม่ให้ไม่ได้!”
เจียงไป๋พูดอย่างไม่ใส่ใจ และหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งกล่อง แล้วก็จุดตามอำเภอใจ เขาไม่ได้สนใจปืนสั้นยาวที่อยู่โดยรอบเลย แล้วก็พิงอยู่บนเก้าอี้ที่อ่อนนุ่มอยู่อย่างนั้น เขาสูบบุหรี่อย่างสบายใจ
เพิ่งสูบไปได้สองที ก็เหมือนจะคิดอะไรออก เขาหยิบออกมาอีกหนึ่งมวนแล้วโยนให้อู่เทียนซีที่อยู่ไกลออกไป
“ยี่ห้อหงถ่าชานราคาเจ็ดหยวน เถ้าแก่อย่างคุณคงสูบไม่ถนัด แต่พอดีผมชอบกลิ่นนี้ และก็ไม่มีเงินซื้อยี่ห้ออื่น”
“ก่อนทีู่เาไท่ชานจะพังทลายก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แค่ความกล้าอย่างนี้ของนายก็ทำให้ฉันเลื่อมใส นานแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้เห็นคนอย่างนาย พูดตามตรงหากเป็ปกติ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะให้เกียรตินาย แต่ทางกูซูฉันก็อยากจะยื่นมือเข้าไป เพื่อนของนายมันไม่สน แต่ดันมีคนสนเสียอย่างนั้น ฉันก็เลยลงมือ โทรศัพท์ไปแล้ว เอาอย่างนี้ไหม ในเมื่อนายมาแล้ว ฉันจะให้เกียรตินาย ให้หวงชานมาเจอฉันที่ปินไห่ แค่ต่อไปมันฟังฉัน ส่วนของแน่นอนว่าฉันจะปล่อย และแน่นอนว่า … มีเงื่อนไข ต่อไปนายก็ต้องมาติดตามฉัน เพื่อทำงานให้ฉัน!”
อู่เทียนซีหยิบบุหรี่หงถ่าชานที่เจียงไป๋โยนให้ขึ้นมาจุดแล้วสูบอย่างคาดไม่ถึง เขามีท่าทางราวกับเคลิบเคลิ้มมาก มองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้า พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
คิดไม่ถึงว่าจะให้เกียรติเจียงไป๋ แต่เมื่อพูดถึงคำขอของเขาแล้ว
“เหมือนกับว่าคุณจะฟังผมไม่เข้าใจ ความหมายของผมคือให้คุณเห็นแก่หน้าผมแล้วปล่อยของ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้เหลาหวงมาปรนนิบัติคุณ สำหรับผม? ผมจะไม่ทำงานให้ใครทั้งนั้น!”
เจียงไป๋ยังคงไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
“เฮ้อ คนหนุ่มจะอวดเก่งสักหน่อยก็ดี หรือมั่นใจก็ดี แต่บางครั้งก็ไม่ควรบ้าระห่ำเกินไป และก็ไม่ควรมั่นใจเกินไป! นายควรจะพิจารณาสถานการณ์ดูก่อน ดูสภาพแวดล้อมโดยรอบสักหน่อย ที่นี่อย่างน้อยก็มีปืนสี่สิบกระบอกเล็งนายอยู่ ถึงนายจะเก่งแค่ไหน แค่ขยับก็รับประกันได้ว่าจะทำให้นายพรุนเหมือนกระชอนได้! คิดไม่ถึงว่านายยังจะกล้าพูดอย่างนี้อีก ไม่รู้สึกว่าโง่บ้างหรือ?”
อู่เทียนซีขมวดคิ้ว และไม่พอใจอยู่บ้าง
เขาให้โอกาสเจียงไป๋แล้ว แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่เห็นค่า และไม่แสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย
“ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ผมกลับคิดว่า ทางที่ดีที่สุดคุณอย่าให้พวกเขาขยับ ไม่อย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะไม่รับผิดชอบ เื่ที่เดิมทีสามารถคุยกันได้ จะทำให้เืนองกันไปทำไม!”
เจียงไป๋ยังคงมีท่าทางที่ไม่ใส่ใจอย่างนั้น และจะไม่มีการถอยแม้แต่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้