ั้แ่เมื่อก่อน มีทั้งคนที่เคยช่วยเหลือเขา ช่วยชีวิตเขา และเขาก็จะจำคนที่เคยช่วยเหลือเขาเ่าั้เอาไว้อย่างใส่ใจ เพื่อหาโอกาสตอบแทน และเขาก็จะไม่มองข้ามเื่ที่ต้องทำ
“ท่านตวนมู่ ท่านมีกระดาษกับพู่กันหรือไม่?” หลินฟู่อินถาม
“คิดว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกข้า จะพกกระดาษและพู่กันออกมาข้างนอกด้วยอย่างนั้นหรือท่าน?” ตวนมู่เฉิงหัวเราะ
หลินฟู่อินนิ่วหน้ามองเขา “ว่ากันตามตรง สิ่งที่เป็อันตรายกับเ้านายของพวกท่านมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่พิษที่เขาโดน แต่เป็แผลบนขา ข้ามีสูตรยาที่ต้องใช้อยู่ในใจแล้ว แต่มันต้องใช้สมุนไพรหายากหลายชนิดที่ร้านสมุนไพรในเมืองไม่น่าจะมี ดังนั้นจึงอาจจะต้องไปหาจากร้านยาใหญ่ของเขต หรือในเมืองหลวงถึงจะพอหาได้”
“ขนาดนั้นเลยหรือ?” ตวนมู่เฉิงตกตะลึง
ระดับเขตยังพอว่า เพราะระยะทางมันไม่ได้ไกลมาก แต่สำหรับเมืองหลวงนั้น ระยะทางนับว่าไกลของจริง
“มัวใอะไรอยู่อีก? ไปหากระดาษกับพู่กันมาให้แม่นางหลินเร็วสิ” เสียงอ่อนล้าของชายคนหนึ่งดังขึ้น
หลินฟู่อินก้มหน้าแล้วคลี่ยิ้ม
ชายคนนี้มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แต่ก็ไม่แตกตื่น
“นายท่าน ท่านตื่นแล้วหรือ? ท่านรู้สึกยังไงบ้าง? รู้สึกเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่?” ตวนมู่เฉิงรีบไปอยู่ข้างเตียงทันที
หวงฝู่จินจึงให้เขาช่วยยกตัวขึ้นมาพิงหมอนไม้ หันมาหรี่ตามองหลินฟู่อิน
จากนั้นจึงกวาดสายตาไปหาตวนมู่เฉิง “ตวนมู่ ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ?”
“ดะ… ได้ยินขอรับ! ข้าจะให้ลูกน้องไปหามาให้…” ตวนมู่เฉิงรีบออกไปหาพู่กัน หมึก และกระดาษมาทันที
“แม่นางหลิน เราได้พบกันอีกแล้ว และครั้งนี้ท่านยังช่วยชีวิตข้าด้วย” หวงฝู่จินมองหลินฟู่อิน เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของนางแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
หลินฟู่อินลุกขึ้นเพื่อคำนับเขา “ท่านไม่ต้องสุภาพมากก็ได้เ้าค่ะ”
เแต่ในใจนางกำลังถอนหายใจพลางคิด ‘ถ้าลูกน้องท่านไม่ตีหัวข้าจนสลบ แล้วลักพาตัวมา ชาตินี้ก็ไม่ได้อยากเจออีกนักหรอก’
นางไม่อยากเจอคนที่ดูท่าจะสร้างปัญหาเช่นนั้นอีกแล้ว
“ไม่ต้องกลัว พอฟ้าสางแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งเ้ากลับ” เมื่อเห็นว่านางมีท่าทีเหมือนอยากพูดอะไรอยู่ เขาก็คิดว่านางกำลังกลัว จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น
และในขณะเดียวกัน เขาก็กำลังนึกถึงแผลติดพิษสีดำเมี่ยม ที่มีเือาบบนน่องขาของตน มันเป็ภาพที่แม้แต่ชายห้าวหาญยังไม่อยากมอง แต่นางยังเป็เพียงเด็กสาว
หลินฟู่อินเพียงพยักหน้าโดยไม่กล่าวอะไร
เมื่ออยู่เพียงลำพังกับชายผู้นี้แล้ว นางก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดัน รู้สึกว่าสถานะของนางตอนนี้ หากนางไม่ตอบอะไรเลยก็คงไม่ดี แต่ถ้าพูดมากไปก็ไม่เหมาะ จึงไม่พยายามที่จะเริ่มการสนทนา
หวงฝู่จินเห็นเช่นนั้นแล้วจึงย่นคิ้ว แต่ก็ไม่กล่าวอะไรมากกว่านั้น
บรรยากาศในห้องจึงอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เป็ตอนนั้นเองที่ตวนมู่เฉิงนำกระดาษ หมึก และพู่กันมาให้
ตวนมู่เฉิงคลี่กระดาษลงบนโต๊ะ พร้อมจัดแจงอุปกรณ์หมึกให้ หลินฟู่อินหันไปพยักหน้าให้หวงฝู่จินที่อยู่บนเตียงไม้ แล้วจึงไปนั่งลงที่โต๊ะเพื่อเขียนวัตถุดิบสำหรับทำยาพอกสมานแผล
“ท่านตวนมู่ เื่การไปซื้อยา จะเป็การดีที่สุดหากให้คนที่มีประสบการณ์และสุขุมรอบคอบไปซื้อ ยิ่งเร็วยิ่งดี” หลินฟู่อินเป่าหมึกบนกระดาษให้แห้ง ก่อนจะยื่นกระดาษให้ตวนมู่เฉิง
ตวนมู่เฉิงตอบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ขาของเ้านายของท่าน ขึ้นอยู่กับสมุนไพรพวกนี้แล้ว” หลินฟู่อินกล่าวเสริม
ตวนมู่เฉิงที่เพิ่งก้าวขาก้าวแรกได้ยินคำพูดของนางเข้า จึงคิดว่านางผู้นี้กังวลเื่แผลของนายท่านของตนจริงๆ เขาจึงหันกลับมาโค้งคำนับ “แม่นางโปรดสบายใจ ตวนมู่ผู้นี้จะเป็คนจัดการเื่นี้เอง แล้วข้าจะกลับมาตอนรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ ขอฝากนายท่านไว้กับแม่นางด้วย!”
หลินฟู่อินเห็นเขาฝากฝังอย่างจริงจังเช่นนี้ ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา “ไปเถอะ เื่ของทางนี้ให้ข้าจัดการเอง ข้าจะช่วยตราบใดที่ไม่มีศัตรูโผล่มา”
“ไม่ต้องห่วง ศัตรูของข้าคงไม่คิดหรอกว่าข้าจะมาซ่อนอยู่ในป่า แทนที่จะไปโรงหมอน่ะ” หวงฝู่จินตะลึงกับความระมัดระวังและสติปัญญาของหลินฟู่อิน จึงประเมินค่านางสูงขึ้นไปอีก
ตวนมู่เฉิงคาดไม่ถึงว่า นายท่านของเขาจะอธิบายกับหลินฟู่อินด้วยตัวเอง เขาจึงปรับท่าทีที่มีต่อหลินฟู่อินใหม่อีกครั้ง
ตวนมู่เฉิงออกเดินทางไปซื้อสมุนไพร โดยฝากให้เหล่าลิ่วเป็คนเฝ้าระวังบ้าน
เหล่าลิ่วเป็คนใจกว้าง เมื่อตวนมู่เฉิงออกไปแล้ว เขาจึงมาระวังภัยให้หลินฟู่อินด้วยตัวเอง เพราะกำลังดีใจที่นายท่านของเขาพ้นอันตรายแล้ว และเพราะอารมณ์ที่ดีล้ำ เขาจึงถามโน่นถามนี่หลินฟู่อินไม่หยุด
หลินฟู่อินตอบคำถามเขาอย่างมีน้ำอดน้ำทน เมื่อหวงฝู่จินเห็นนางขมวดคิ้วอย่างหมดแรง ก็อดขำไม่ได้ จึงไม่ห้ามเหล่าลิ่วที่เอาแต่ถามคำถามไร้สาระไม่หยุด
ทันทีที่หลินฟู่อินเห็นเหล่าลิ่วปิดปากแล้ว นางก็หันมาถามหวงฝู่จินทันที “ให้ท่านตวนมู่เฉิงออกไปซื้อสมุนไพรกลางดึกเช่นนี้ จะราบรื่นดีหรือไม่เ้าคะ?”
หวงฝู่จินหรี่ดวงตาที่ดูราวกับวิหคเพลิงคู่นั้นลง แล้วจึงกล่าวออกมาเรียบๆ “สบายใจเถอะ เขาทำได้แน่”
กิจการค้าขายยานั้นมีกำไรสูง และเป่ยหรงก็มีวัตถุดิบทางยาที่ต้าเว่ยไม่มีอยู่มากมาย เขาเองก็เคยขนวัตถุดิบทางยามาให้ร้านยาในต้าเว่ยอยู่
เช่นร้านยาหลี่จี้ที่เป็ร้านใหญ่ของตระกูลหลี่เอง ก็ให้ความร่วมมือกับเขาอยู่ ขอเพียงเอาตราประทับไปให้ดู ต่อให้ต้องตาย เ้าของร้านหลี่จี้นั่นก็คงเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเตรียมของให้เขาแน่!
“คุณชาย ได้รับยาไปแล้วรู้สึกยังไงบ้างเ้าคะ?” หลินฟู่อินเห็นว่าเขาดูสบายดีแล้ว จึงตรวจชีพจรต่อ พบว่ามันเต้นคงที่ นางจึงซักถามว่าเขารู้สึกอย่างไร
หวงฝู่จินพยักหน้า ก่อนจะตอบ “เหลือเพียงอาการอ่อนล้าเล็กน้อยกับท้องบวมเท่านั้น”
“เมื่อถึงรุ่งสาง ให้ดื่มยาอีกหนึ่งถ้วย แล้วท่านจะรู้สึกดีขึ้น ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าพิษถูกล้างไปหมดแล้วเ้าค่ะ” หลินฟู่อินโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
ครั้งนี้นางมาถอนพิษและรักษาาแ กล่าวได้ว่า มันไม่ได้ง่ายกว่าครั้งก่อนที่ถูกพามาทำคลอดม้าแสนรักของคนผู้นี้ ในใจของนางรู้ดีว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับคนผู้นี้ แม้มันจะไม่ใช่ความผิดของนาง แต่นางก็คงไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิมของตัวเองเป็แน่
ดังนั้นแล้ว แม้จะหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา ก็ต้องกดฟันข่มมันให้จิตใจสงบ แล้วหวังพึ่งกับโชคชะตาว่าจะสามารถถอนพิษให้เขาได้
และนับเป็โชคดีที่พิษที่เขาได้รับคือพิษมะเค็ด เพราะนางเคยศึกษาเื่พืชมีพิษร้ายแรงหลายชนิดรวมถึงวิธีแก้มาก่อน
แต่แม้นางจะช่วยเขาล้างพิษได้ แต่หลินฟู่อินก็ไม่คิดย่ามใจ “ท่านพักผ่อนให้เพียงพอเสีย แล้วข้าจะปลุกท่านเองเมื่อถึงเวลาดื่มยา”
เขาทั้งโดนพิษ ได้แผล และขาดเื จึงควรผักผ่อนให้มากๆ
“เข้าใจแล้ว” หวงฝู่จินมองนางอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลง
ไม่รู้ว่าเพราะเขาได้รับาเ็ทั้งยังถูกพิษจนอ่อนล้าหรืออย่างไร แต่เขาอยากคุยกับนางมากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าทางฝั่งสาวน้อยนั้นไม่อยากพูดอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้แล้ว
ท่าทีสงบนิ่งนั่น ช่างดูราวกับหมอใหญ่วัยห้าสิบย่างเข้าหกสิบเหลือเกิน
เพราะตัวบ้านไม้มีอ้ายเฉ่าห้อยไว้ล้อมรอบ ข้างในจึงไม่มียุงอีกแล้ว และหลินฟู่อินเองก็ง่วง จึงหลับไปบนเตียงไม้ที่ทำขึ้นง่ายๆ นั่น
แม้มันจะเป็ค่ำคืนในฤดูร้อน แต่กลางป่าเขาเช่นนี้ก็ทำให้มีอากาศที่เย็น
หวงฝู่จินมองภาพของนางที่ถูกแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องกระทบ ใบหูฟังเสียงหายใจเบาๆ ของนาง เขาลดเสียงลงแล้วสั่ง “เ้าหก เอาชุดที่ใช้เปลี่ยนของข้ามา แล้วห่มให้แม่นางหลินเสีย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้