ชุนหยารีบหาทางลงทันที นางเป็ถึงนางกำนัลข้างกายขององค์หญิงหก เป็หน้าเป็ตาขององค์หญิงหก หากนางถูกผู้อื่นต้อนให้จนมุมที่หน้าประตูวังละก็ เมื่อกลับไปองค์หญิงต้องกริ้วเป็แน่แท้ หากเป็เช่นนั้นนางก็จำต้องรับผลที่ตามมา
“เ้าค่ะๆๆ ย่อมต้องเป็เื่ล้อเล่น ขอเชิญคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋เ้าค่ะ อย่าให้องค์หญิงทรงคอยนาน”
ชุนหยามองแผ่นหลังที่เหยียดตรงของไป๋เซี่ยเหอด้วยความรู้สึกที่ยากจะเอื้อนเอ่ย คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ผู้นี้ดูไม่เหมือนที่คุณหนูรองเคยพูดไว้
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความหยิ่งผยอง และท่าทีเหยียดหยามที่คุณหนูรองตระกูลไป๋มีต่อสาวใช้ของตนเองแล้ว ชุนหยากลับชื่นชอบคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ผู้นี้มากกว่า อย่างน้อยยามที่อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับชุนหยา ก็ไม่ได้มีความดูแคลนใดๆ ในแววตา
ทั้งสามเดินไปยังพระราชวังชั้นในด้วยความคิดที่แตกต่างกันไป หารู้ไม่ว่ายามที่พวกนางเพิ่งจะเลี้ยวโค้ง กลับมีเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งย่างกรายเข้ามาจากประตูวัง เขามองแผ่นหลังของทั้งสามอย่างครุ่นคิด
ณ ตำหนักชั้นใน
องค์หญิงหกแต่งกายด้วยชุดกระโปรงชาววังปักลายดอกไห่ถังสีเหลืองอ่อน เมื่อเห็นไป๋หว่านหนิงนางก็เดินลงจากที่นั่งทันที นางตรงเข้าไปจับมือไป๋หว่านหนิง แล้วดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงที่ม้านั่งข้างกายตนเองก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
ทว่าไป๋เซี่ยเหอที่ยืนอยู่เคียงข้างไป๋หว่านหนิงกลับถูกเพิกเฉยโดยสมบูรณ์
ไป๋หว่านหนิงนั่งเคียงข้างองค์หญิงหก ทั้งสองพูดคุยกันราวกับเป็พี่น้องแท้ๆ อย่างไรอย่างนั้น ไป๋หว่านหนิงเหลือบมองมาทางไป๋เซี่ยเหอ แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความอวดดี แต่น่าเสียดายที่ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้เห็นละครปาหี่เล็กๆ นี้ในสายตาเลย
เดิมทีไป๋เซี่ยเหอก็ไม่คุ้นเคยกับโลกใบนี้อยู่แล้ว นางไม่รู้จักใครสักคนในวังหลวง ไม่ว่าผู้อื่นจะคิดเห็นอย่างไร จะสนใจนางหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง เรียกได้ว่าไม่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของนางเลยด้วยซ้ำ
ที่ใดมีสตรีที่นั่นย่อมต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ไป๋เซี่ยเหอไม่สนใจผู้อื่น ทว่าไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะปล่อยนางไป
เหล่าคุณหนูที่ถูกเชิญมาที่วังหลวงล้วนแต่มีเกียรติสูงส่ง ใครจะล่วงรู้ว่าเมื่อไป๋หว่านหนิงปรากฏตัว นางจะกลายเป็จุดสนใจเช่นนี้ ทุกคนย่อมไม่สบอารมณ์ ทว่าไม่กล้ายั่วยุนาง เพราะใครบ้างที่ไม่รู้ว่าองค์หญิงหกให้ความสำคัญกับนาง
ทว่าเมื่อไม่อาจยั่วยุไป๋หว่านหนิงได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยั่วยุไป๋เซี่ยเหอไม่ได้
“นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋หรอกหรือ? เมื่อก่อนได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังไม่ว่าใครจะส่งเทียบเชิญไปก็ตาม แต่เหตุใดเมื่อองค์หญิงหกทรงส่งเทียบเชิญไปถึงได้มาเล่า? ดูเหมือนว่าพระพักตร์ขององค์หญิงหกจะใหญ่โตยิ่งกว่าฮองเฮาอีกกระมัง”
แววตาเย็นะเืของไป๋เซี่ยเหอตวัดไปหาหญิงสาวที่กล่าวประโยคนั้น สายตาของนางแผ่รังสีอันตรายออกมา ทำให้อีกฝ่ายใจนสั่นสะท้าน
ปากของหญิงสาวเหล่านี้ล้วนไม่มีความประนีประนอมเอาเสียเลย ด้านหนึ่งก็ยกยอองค์หญิงหก ด้านหนึ่งก็ทำให้ไป๋เซี่ยเหอแบกรับโทษฐานดูิ่ฮองเฮา
นอกจากนี้ สาเหตุที่เมื่อก่อนไป๋เซี่ยเหอไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังเป็เพราะไม่มีผู้ใดในจวนแจ้งให้นางทราบ
ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้โต้ตอบ นางติดนิสัยหยิ่งผยองจากในอดีต หาก้าความเปลี่ยนแปลง นางก็ไม่ได้รีบร้อนจะให้มันเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน นางเพียงปรายตามองหญิงสาวคนดังกล่าว ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะด้านข้าง นางลงมือละเลียดน้ำชาและของว่าง ส่วนสายตาเพ่งเล็งจากหญิงสาวคนอื่น นางไม่เจ็บไม่คันเลยจริงๆ
อาหารอันเย็นชืดที่วางอยู่บนโต๊ะตัวน้อยมีรสชาติอร่อย หากเปรียบเทียบกับอาหารการกินในจวนตระกูลไป๋แล้วนับว่าดีกว่าเล็กน้อย ทว่าหากเปรียบเทียบกับจวนเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วยังด้อยกว่าอยู่มากโข
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ มุมปากของไป๋เซี่ยเหอก็กระตุกเล็กน้อย จู่ๆ นางนึกถึงจวนเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอนั่งกินของว่างอยู่เบื้องล่างอย่างสบายอารมณ์ สองคน้าที่วางแผนจะทำให้อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบากก็เริ่มกังวล ไป๋หว่านหนิงขอร้องให้องค์หญิงหกระบายโทสะแทนนางมานานแล้ว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ นางก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที ก่อนจะดึงแขนเสื้อขององค์หญิงหก
องค์หญิงหกหรือฮั่วอวิ๋นเยียนเห็นไป๋หว่านหนิงเป็สหายคนสนิทเสมอมา ย่อมไม่ปฏิเสธคำร้องขอของนางเป็แน่ หลังจากกลั้วคอเรียบร้อยแล้ว นางก็จงใจเอ่ยขึ้นมาว่า “หนิงเอ๋อร์ เ้ารู้หรือไม่ว่า่นี้ข้าได้ยินอะไรจากเหล่านางกำนัลบ้าง?”
ไป๋หว่านหนิงมัวแต่คิดหาแผนการที่จะทำให้ไป๋เซี่ยเหอพ่ายแพ้ ไหนเลยจะสนใจว่าฮั่วอวิ๋นเยียนพูดอะไรในเวลานี้ นางตอบอย่างขอไปทีว่า “ได้ยินอะไรหรือเพคะ?”
“ญาติของนางกำนัลคนหนึ่งได้ให้กำเนิดบุตร ไม่ทันไรก็ล้มป่วยหนัก สลบไสลไม่ฟื้น เหมือนกับ...”
นางหยุดพูดหลังเอ่ยไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วมองไปทางไป๋เซี่ยเหอ
ใครๆ ก็รู้ว่าไป๋ฮูหยินสลบไปหลังจากให้กำเนิดไป๋เซี่ยเหอ
เมื่อได้ยินคำกล่าวขององค์หญิง ทุกคนต่างพูดสนับสนุนทันที
“อา...”
“แล้วเื่ราวหลังจากนั้นเป็อย่างไรหรือเพคะ? องค์หญิงโปรดตรัสต่อได้หรือไม่?”
ฮั่วอวิ๋นเยียนอารมณ์ดียิ่งนัก นางมองทุกคนด้วยดวงตาเป็ประกาย
“บังเอิญมีนักพรตผู้หนึ่งผ่านมารับทานที่จวนของนางกำนัลผู้นั้น และเห็นว่าเหล่าไท่ไท่[1]ของนางเป็คนจิตใจดี นักพรตจึงแสดงความเมตตาด้วยการบอกถึงเหตุผล แท้จริงแล้วบุตรที่เพิ่งให้กำเนิดออกมานั้นเป็ดาวพิฆาตกลับชาติมาเกิดน่ะสิ!”
“ดาวพิฆาตหรือ!”
สายตาของทุกคนมองมาทางไป๋เซี่ยเหอโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปฏิกิริยาของไป๋เซี่ยเหอชะงักงัน นางขว้างป้ายแผ่นเล็กในมือทิ้ง จากนั้นก็หยิบผ้าเปียกมาเช็ดมือ แต่ยังคงไม่พูดอะไร
หากนางพูดอะไรออกมาในตอนนี้จะถูกพวกนางจับจุดอ่อนเอา และเชื่อมโยงนางเข้ากับเื่เล่าขององค์หญิงหก
“ต่อจากนั้นเล่าเพคะ?” เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอยังคงทำตัวเป็ทองไม่รู้ร้อน ไป๋หว่านหนิงก็โมโหจนปากเบี้ยว
ฮั่วอวิ๋นเยียนเหลือบมองไป๋เซี่ยเหอด้วยแววตาสงสัย ทว่ายังคงเล่าต่อตามคำขอของไป๋หว่านหนิง “ต่อมานักพรตผู้นั้นก็บอกให้ฆ่าเด็กคนนั้นเสีย สถานการณ์จะได้คลี่คลาย คนในครอบครัวของนางกำนัลจึงทำตามคำแนะนำของนักพรต ปรากฏว่าญาติของนางกำนัลผู้นั้นหายดีในวันรุ่งขึ้นจริงๆ!”
ทุกคนมองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาที่ยากจะเอื้อนเอ่ย
ไป๋เซี่ยเหอโยนผ้าเปียกทิ้งอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาดำขลับฉาวแววเ้าเล่ห์ “ไม่ทราบว่านางกำนัลผู้นั้นได้ฟังเื่ตลกร้ายหาสาระไม่ได้นี้จากที่ใดกัน? ช่างเป็เื่ที่ไร้สาระและโง่เขลามาก ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าฝ่าาได้ทรงมีรับสั่งอย่างเคร่งครัดห้ามเล่าเื่ที่เกี่ยวข้องกับผีสางเทวดาทุกประเภท สำหรับนักพรตคนนั้น การบอกให้คนในครอบครัวเดียวกันฆ่าแกงกันนับเป็จริยธรรมแบบใด?”
ฮั่วอวิ๋นเยียนนิ่งอึ้งเพราะถ้อยคำของไป๋เซี่ยเหอ เื่นี้นางไม่ได้ฟังมาจากที่ไหนหรอก ทว่าเป็ตัวนางเองที่แต่งเื่ไปเรื่อยเปื่อย เพียงเพื่อที่จะทำให้ไป๋เซี่ยเหอดูน่ารังเกียจเท่านั้น ทว่านางกลับนึกไม่ถึงว่าความน่ารังเกียจจะมาตกอยู่ที่ตนเองเสียนี่
ไป๋เซี่ยเหอทั้งเหิมเกริมและโง่เขลา!
คำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ว่ากล่าวนางหรอกหรือ? ทว่าที่น่าโมโหก็คือนางไม่อาจโต้แย้งได้
ฮั่วอวิ๋นเยียนยกมุมปากอันแข็งทื่อขึ้นมา นางได้จดชื่อไป๋เซี่ยเหอลงในบัญชีแค้นเรียบร้อยแล้ว “เป็เพียงบทสนทนาเรื่อยเปื่อยของเหล่านางกำนัลเท่านั้น เ้าจะคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไปไย?”
ไป๋เซี่ยเหอยกมุมปากเป็รอยยิ้ม หางตาของนางชี้ขึ้นเล็กน้อย เสน่ห์ของนางแผ่กระจายออกมาจากกระดูก ทุกการกระทำล้วนแต่อ่อนช้อยเหมือน์สรรสร้าง เมื่อดวงตาคู่นั้นวาดผ่าน ก็ดูราวกับสามารถมองความคิดของผู้คนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้คนเ่าั้ไม่กล้าที่จะเกิดความคิดดูแคลน
ทุกคำของนางเปล่งออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หม่อมฉันเพียงเอ่ยเตือนองค์หญิงเท่านั้น ถึงอย่างไรฝ่าาก็ทรงมีรับสั่งห้ามมาเนิ่นนานแล้ว หากแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกขององค์หญิงกับฝ่าาเท่านั้นเองเพคะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงวุ่นวายเกิดขึ้นข้างนอก ได้ยินเสียงฝีเท้าของเหล่าข้าราชบริพารดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดเื่แล้วสิ!
เนื่องจากฮั่วอวิ๋นเยียนล้างแค้นแทนสหายคนสนิทไม่สำเร็จ กลับทำให้นายพลโกรธเคืองเสียนี่ เมื่อเห็นความอลหม่านจากข้างนอกในเวลานี้ โทสะก็ยิ่งพรั่งพรู ก่อนจะออกคำสั่งกับนางกำนัลข้างกายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ให้คนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น วังหลวงไม่ใช่ที่ที่คนชั้นต่ำจะสร้างปัญหาได้ตามอำเภอใจ!”
ใครบ้างที่ฟังการชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว[2]อย่างชัดเจนนั้นไม่ออก ทุกคนต่างนิ่งเงียบทันที
ไม่มีใครที่ไม่ก่นด่าไป๋เซี่ยเหออยู่ในใจ อยู่ดีๆ กลับทำให้งานเลี้ยงชมบุปผาเสียบรรยากาศ หากไม่ใช่ดาวพิฆาตแล้วจะเป็อะไร? ความคิดของคนเหล่านี้ยิ่งเอนเอียงไปทางเื่เล่าที่องค์หญิงตรัสเมื่อครู่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แย่แล้วเพคะองค์หญิง ฮ่องเต้ทรงถูกพิษเพคะ!”
------------------------
[1] เหล่าไท่ไท่ หมายถึง คำยกย่องเรียกผู้หญิงสูงวัย
[2] ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว เป็สำนวน หมายถึง ตีวัวกระทบคราด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้