“พี่สะใภ้สาม เมื่อครู่าฝีปากของท่านกับเสด็จพี่ใหญ่เยี่ยมยอดนัก แต่วันนี้ท่านยั่วโทสะองค์ชายใหญ่ เกรงว่าเขาคงไม่รามือโดยง่าย วันหน้าท่านต้องระวังตัว จากที่ข้ารู้จักเขาแล้ว เขาจะต้องมีความเคลื่อนไหวในเร็ววันนี้แน่” หลงเซี่ยวเจ๋อทั้งตื่นเต้นและกังวลขณะพูดกับมู่จื่อหลิง
เขาออกมาจากตำหนักหนานเหอพร้อมมู่จื่อหลิง สบายอกสบายใจมาทั้งทาง ในขณะเดียวกันก็กังวลใจว่าหลงเซี่ยวหลีจะลงมือกับมู่จื่อหลิง
กลอุบายขององค์ชายใหญ่เขาเคยเห็นมาก่อน ผู้ที่ล่วงเกินเขาล้วนไม่มีจุดจบที่ดี ทั้งโหดร้ายรุนแรง ไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไร
เขายังต้องนำเื่ราวในวันนี้ไปบอกพี่สาม ไม่ว่าพี่สามจะปกป้องพี่สะใภ้สามหรือไม่ จะอย่างไรเขาก็จะปกป้องพี่สะใภ้สาม
มู่จื่อหลิงกลับไม่ใส่ใจ กล่าวอย่างมีความหมาย “ไม่เป็ไร เชื่อว่าใน่นี้เขาไม่มีใจมาหาเื่ข้าแน่”
หลงเซี่ยวหลีมิใช่เ้าชู้ประตูดิน ไร้สตรีก็ไร้ความสุขหรือ นางจึงช่วยเขาสักหนด้วยความปรารถนาดี ช่วยเขาแก้นิสัยเลวทราม ทำให้เขาต้องคลื่นเหียนเมื่อพบสตรี จนแทบอยากจะไล่ให้สตรีไปไกลๆ เขา ไม่ว่าจะอย่างไรก็มิอาจบังเกิดความ้าขึ้นมาได้
หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นรอยยิ้มแฝงความเ้าเล่ห์ของมู่จื่อหลิง เขาจึงถามอย่างแปลกใจ “พี่สะใภ้สาม ท่านมิได้แอบทำสิ่งใดใช่หรือไม่”
เขารู้ว่าพี่สะใภ้สามมิใช่คนที่ควรยั่วโทสะ ยังดีที่เขากับพี่สะใภ้สามเป็พวกเดียวกัน มิเช่นนั้นคงไม่รู้ว่าจะตายอย่างไร
มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างลึกลับ “เดี๋ยวเ้าก็จะได้รู้ในเร็วๆ นี้”
หลงเซี่ยวเจ๋อเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง พี่สะใภ้สามทำอะไรเสด็จพี่ใหญ่ จะหยดน้ำยามี่ลู่ใส่เสด็จพี่ใหญ่เหมือนที่หยดให้เขาหรือไม่ พี่สะใภ้สามมิได้พูดมาตลอดหรือว่ายังไม่ได้ใช้น้ำยามี่ลู่สูตรปรับปรุง ที่นางหยดใส่เสด็จพี่ใหญ่เมื่อครู่นี้จะใช่น้ำยามี่ลู่สูตรปรับปรุงหรือไม่นะ ให้เขาถูกพิษจากการโดนผึ้งต่อย
อืม เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็ไปได้ ที่พี่สะใภ้สามหยดใส่จะต้องเป็น้ำยามี่ลู่รุ่นปรับปรุงเป็แน่ เขาอยากจะเห็นใบหน้าบวมตุ่ยที่ถูกผึ้งต่อยของเสด็จพี่ใหญ่ยิ่งนัก
ทว่าสิ่งที่หลงเซี่ยวเจ๋อไม่รู้เลยก็คือ วันหนึ่งเมื่อเขาได้รู้ว่ามู่จื่อหลิงใส่ยาพิษใดให้หลงเซี่ยวหลีนั้น เขาก็ไม่ลังเลที่จะยกเลิกความคิดอันไร้เดียงสาของเขา ความคิดที่ว่าจะปรุงยาถอนพิษน้ำยามี่ลู่ เพื่อต่อไปจะได้มิต้องกลัวพี่สะใภ้สาม
เพราะเป็อีกครั้งที่เขาได้รู้จักความน่าหวาดผวาของสตรีผู้นี้ ต่อให้คิดวิธีแก้ไขครั้งนี้ออก แต่นางก็ยังมีพิษชนิดอื่นที่ร้ายแรงกว่ารออยู่
-
เมื่อพวกมู่จื่อหลิงมาถึงหอเยวี่ยอวี่ก็มิได้พบเย่จื่อมู่ นางนำตั๋วทองคำไปให้ผู้จัดการร้าน รับโฉนดของร้านค้ามาอย่างราบรื่น
ครานี้ร้านที่มู่จื่อหลิงซื้อนั้นนอกจากจะเป็ร้านที่ใหญ่ที่สุดของหอเยวี่ยอวี่แล้ว ฮวงจุ้ยและแสงสว่างก็ดีนัก มู่จื่อหลิงพอใจเป็อย่างยิ่ง เงินที่จ่ายไปไม่ขาดทุนเลยแม้แต่น้อย นางเชื่อว่าจะได้ทุนกลับมาในเร็วๆ นี้แน่
สองสามวันนี้มู่จื่อหลิงล้วนยุ่งกับเื่การเปิดร้านใหม่ และระหว่างนี้ไม่มีผู้ใดมาคอยจับผิดนางอีก
หลงเซี่ยวอวี่เองก็ไม่เห็นแม้แต่เงา นอกเสียจากทุกครั้งที่ออกจากจวนล้วนถูกลุงฝูพูดฉอดๆ ใส่เสียสองสามประโยค จากนั้นยกหลงเซี่ยวอวี่ออกมาอ้าง ทว่ามู่จื่อหลิงก็คิดวิธีหลบหลีกไปได้อย่างเฉลียวฉลาด
ลุงฝูนั้นอยากรู้มาตลอดว่าสองสามวันมานี้หวางเฟยยุ่งอยู่กับสิ่งใด ทุกวันล้วนแต่งกายเป็บุรุษออกจากเรือน แม้แต่องค์ชายหกก็หลับหูหลับตาเอากับเขาด้วย เข้าๆ ออกๆ จวนฉีอ๋องอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เขาส่งคนตามไปอยู่สองสามครั้ง ล้วนถูกจับได้เสียทุกครั้ง สุดท้ายทำเอาคนแก่เช่นลุงฝูรับมือไม่ไหว ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ท่านอ๋องรีบๆ กลับมา
การเปิดร้านนั้น หลงเซี่ยวเจ๋อและเสี่ยวหานขันอาสาคอยช่วยเหลือ มู่จื่อหลิงให้หลงเซี่ยวเจ๋อจัดการหาคนงานมีความรู้เกี่ยวกับยาที่เชื่อถือได้มา
ติดตรงที่ฐานะของนางทำให้ไม่สะดวกโผล่หน้ามาบ่อยๆ ได้ จึงต้องเชิญผู้จัดการร้านที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งมาบริหารจัดการร้าน
เนื่องจากการเปิดร้านยานั้นไม่เหมือนกับร้านค้าอื่นๆ หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการรักษาอะไรขึ้นก็จะส่งผลถึงชีวิตคน เป็ปกติที่นางต้องระมัดระวังเล็กน้อย
มู่จื่อหลิงกำชับหลงเซี่ยวเจ๋อและเสี่ยวหานเป็พิเศษ เื่ที่นางเปิดร้านยานั้นไม่สามารถให้ผู้อื่นรู้ได้ หลีกเลี่ยงมิให้มีผู้เจตนาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้
เดิมทีหลงเซี่ยวเจ๋อจะมอบเงินให้มู่จื่อหลิงไปนำวัตถุดิบยาเข้าร้าน มู่จื่อหลิงไม่ได้รับมา มิใช่เพราะในระบบซิงเฉินมีวัตถุดิบยาพร้อมหมดแล้วจึงไม่้าเงิน แต่เป็เพราะมิอาจรับเงินผู้อื่นมาเปล่าๆ ได้
ยามปกติขูดรีดเขาเสียมื้อสองมื้อก็พอแล้ว นางมิได้บูชาเงินทองถึงเพียงนั้น ถึงเวลาก็จะไปเอาแต่เงินของหลงเซี่ยวเจ๋อ อีกทั้งต่อให้นางรักเงินทอง นางก็รักเงินทองที่นางหาได้ด้วยตนเอง
มู่จื่อหลิงตั้งชื่อร้านว่า ‘หลิงซั่นถัง’ ตอนเย็นของทุกวันเมื่ออยู่เพียงลำพังนางจะแอบเอาตัวยาออกมาจากระบบซิงเฉิน เก็บไว้บนรถม้า วันต่อมาจึงให้รถม้าขนไปที่หลิงซั่นถัง
หลายครั้งเข้าเสี่ยวหานก็เกิดความสงสัยขึ้น เหตุใดก่อนนางเข้านอนรถม้ายังว่างเปล่าอยู่เลย แต่พอตื่นขึ้นมากลับเต็มไปด้วยวัตถุดิบตัวยา นางเคยไถ่ถามมู่จื่อหลิงมาก่อน
มู่จื่อหลิงก็จะหาเหตุผลมาอย่างสุกเอาเผากิน กล่าวว่าอาจารย์ลึกลับผู้นั้นรู้ว่านาง้าเปิดร้านยา ตอนกลางคืนจึงลักลอบมาช่วยนางจัดเตรียมอย่างเงียบๆ เสี่ยวหานก็มิได้ซักไซ้อีก หลงเชื่ออย่างโง่งม
เนื่องจากร้านค้านั้นตั้งอยู่ข้างหอสุราเยวี่ยอวี่ พวกชาวเมืองจึงพากันคาดเดาว่าหลิงซั่นถังต้องเป็ร้านที่เถ้าแก่ลึกลับแห่งหอสุราเยวี่ยอวี่ขยายกิจการมาเป็แน่ ขยายจากกิจการหอสุราไปสู่กิจการยารักษาโรค สำหรับเื่นี้คนของหอสุราเยวี่ยอวี่ก็ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
สิ่งนี้ทำให้มู่จื่อหลิงนั้นรู้สึกซาบซึ้งเถ้าแก่เย่ผู้นั้นยิ่ง มิได้เปิดโปงฐานะของนาง และทำให้ชาวเมืองเข้าใจอย่างอ้อมๆ ว่าเถ้าแก่เย่ก็คือเถ้าแก่ที่อยู่เื้ัหลิงซั่นถัง ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อความวุ่นวาย ทำให้นางลดเื่ราวลงไปได้ไม่น้อยเลย
วันที่หลิงซั่นถังเปิดร้านอย่างเป็ทางการ มู่จื่อหลิงและคนอื่นมิได้ปรากฏตัวอย่างเป็ทางการ แต่ปลอมตัวปะปนในกลุ่มคนมองความคึกคัก
ร้านนับว่าเป็ร้านขนาดใหญ่ และยังตั้งอยู่ด้านข้างหอเยวี่ยอวี่ มู่จื่อหลิงจึงให้ผู้จัดการร้านประกาศออกไปว่า วันแรกตัวยาทั้งหมดจะขายเพียงครึ่งราคา ดังนั้นจึงมีพวกที่้าประจบประแจงขุนนางระดับสูง ชาวบ้านทั่วไป ผู้ที่ไม่เจ็บป่วยมาซื้อยาไปตุนเอา และผู้ที่ป่วยไข้ก็มาซื้อไปรักษาโรคจำนวนมาก
หลังจากหลิงซั่นถังเปิดร้านอย่างราบรื่น มู่จื่อหลิงก็ให้คนไปทำความสะอาดลานด้านหลังตำหนักอวี่หานจนกลายเป็แปลงดินขนาดเล็ก นางย้ายต้นกล้าสมุนไพรบางส่วนออกมาปลูกที่นั่น เช่นนี้ต่อไปเมื่อหลิงซั่นถัง้าเติมสินค้าก็มิต้องทำลับๆ ล่อๆ อีก
ในวันนี้ หลงเซี่ยวเจ๋อมาหามู่จื่อหลิงที่จวนฉีอ๋องอย่างยินดีปรีดา กล่าวว่านำข่าวดีมาจากในวังสองข่าว
ข่าวแรกคือหลังจากเปลี่ยนยาไปสองครั้งาแของหลงเซี่ยวหนานก็หายเป็ปกติ ผ้าพันแผลก็แกะออกแล้ว กุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยจากไปั้แ่เมื่อใดก็มิทราบ แต่ว่าเรือนผมของหลงเซี่ยวหนานที่ถูกตัดไปนั้นมิได้ยาวออกมาสักเท่าใด ดูน่าตลกขบขันนัก ทำเอาหลงเซี่ยวเจ๋อหัวเราะเยาะ จนในที่สุดหลงเซี่ยวหนานผู้สุภาพอ่อนโยนก็ะเิอารมณ์ไล่หลงเซี่ยวเจ๋อออกมาอย่างไร้ความปรานี และเขาก็ไม่ก้าวออกจากตำหนักแม้แต่ครึ่งก้าว
ยังมีอีกข่าวก็คือ หลงเซี่ยวเจ๋อนั้นตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่จะเห็นหลงเซี่ยวหลีศีรษะบวมฉึ่ง ทว่าวันนั้นก็ไม่มาถึง แต่กลับเกิดเื่ที่ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนิสัยโเี้อำมหิตของหลงเซี่ยวหลีจึงได้เปลี่ยนเป็รุนแรงขึ้นทุกวัน ผู้ไร้ความผิดไม่น้อยตายอย่างน่าเวทนาภายใต้น้ำมือของเขา และผู้ที่ตายตกไปล้วนแต่เป็บุรุษเพศ
ยังมีสิ่งที่เขาคิดจนท้องฟ้าทะลุก็คิดไม่ออก ผู้ที่ไร้สตรีเพศไร้ความสำราญใจ คิดว่าหญิงสาวเป็ของเล่นเช่นเสด็จพี่ใหญ่ ยามนี้สนมเป็พรวนในจวนนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในเวลาเพียงหนึ่งคืน
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสตรีเ่าั้ยามนี้เป็หรือตาย ตอนนี้ในจวนไม่มีสาวรับใช้ปรนนิบัติแม้แต่คนเดียว อีกทั้งยามนี้เขายังให้สตรีที่พบเจอเขาถอยห่างจากเขาถึงสามจั้ง [1] แม้แต่ฮองเฮาก็ไร้ข้อยกเว้น
หลงเซี่ยวเจ๋อได้ยินคนในวังพูดว่าหลงเซี่ยวหลีััสตรีเยอะจนเกินไป ติดเชื้อโรคประหลาดอะไรเข้าไป ทำให้ยามนี้ไม่ว่าชายหญิงคนแก่หรือเด็ก ขอแค่เป็สตรี เขาเห็นเข้าก็จะอาเจียนไม่หยุด
หมอหลวงที่รักษาหลงเซี่ยวหลีจำนวนไม่น้อยต่างก็หาสาเหตุของโรคไม่เจอ ไร้หนทางแก้ไข สุดท้ายก็ตายอย่างน่าอนาถภายใต้เงื้อมมือของหลงเซี่ยวหลี
เพราะเื่นี้ฮองเฮาร้องไห้จนสลบไปไม่น้อยครั้ง วันๆ ยังเอาแต่ไปโวยวายที่ห้องทรงอักษร ให้ฮ่องเต้ส่งคนไปสืบเสาะหาหมอชื่อดังจากทุกสารทิศมารักษาโรคประหลาดของหลงเซี่ยวหลี
ฮ่องเต้หลงเหวินอิ้นรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างยามนี้ล้วนเป็เพราะเขาหาเื่ใส่ตัว จึงมิได้ใส่ใจมากนัก เพียงแค่รับปากอย่างขอไปที ทว่าฮองเฮาไม่ยินยอม ฮ่องเต้หลงเหวินอิ้นถูกฮองเฮาก่อกวนจนหมดความอดทน สุดท้ายกักบริเวณนางในตำหนักคุนหนิงให้พิจารณาตนเอง
หลงเซี่ยวเจ๋อมองมู่จื่อหลิงที่กำลังคุกเข่าปักชำต้นกล้าสมุนไพร ถามด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้สาม ท่านว่าเสด็จพี่ใหญ่เป็โรคอะไร เหตุใดจึงแปลกประหลาดนัก เห็นสตรีเข้าก็จะอาเจียนออกมา”
“ไม่รู้สิ อาจจะทำเื่ผิดศีลธรรมมามาก ยามนี้กรรมจึงตามสนอง” มู่จื่อหลิงกล่าวอย่างปากไม่ตรงกับใจ
นางรู้อยู่แล้วว่าหลงเซี่ยวหลีจะมีสภาพเช่นในวันนี้ ดังนั้นนางจึงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ยามที่ควรยินดีนางก็ยินดีไปแล้ว ยามนี้ก็ไม่มีอะไรต้องดีใจอีก
กลับเสียใจอยู่เล็กน้อย เพราะเื่นี้ทำให้หลงเซี่ยวหลีมิอาจเข้าใกล้สตรีเพศ พัวพันไปถึงชีวิตที่ไร้ความผิดมากมายเช่นนั้น
"พี่สะใภ้สาม คราที่แล้วท่านมิได้หยดน้ำยามี่ลู่สูตรปรับปรุงให้เสด็จพี่ใหญ่หรือ เหตุใดเขาถึงไม่ถูกผึ้งพิษต่อยจนหัวบวมเล่า”
หลงเซี่ยวเจ๋อถามขึ้นอีก เขาเฝ้ารอมาหลายวันแล้ว ทว่าใบหน้าของเสด็จพี่ใหญ่ก็ยังคงเหมือนกับแต่ก่อน ไม่เหมือนเขาที่ไม่ถึงสองสามชั่วยามก็น่าเวทนาปานนั้น
“ใครบอกว่าข้าหยดน้ำยามี่ลู่สูตรปรับปรุงให้เขากัน” มู่จื่อหลิงถามอย่างแปลกใจ
เหตุใดเ้าหลงเซี่ยวเจ๋อนี่ถึงได้คิดไปถึงนู่นได้ เป็เพราะยามปกติพูดเื่น้ำยามี่ลู่กับเขามากเกินไปใช่หรือไม่ หมอนี่ถึงได้จดจำมาตลอด
“วันนั้นที่ออกจากวังท่านมิได้พูดกับข้าหรือว่ามินานข้าก็จะได้รู้ แต่จนถึงตอนนี้เสด็จพี่ใหญ่ก็ยังไม่ถูกผึ้งพิษต่อยเสียหน่อย” หลงเซี่ยวเจ๋อถามอย่างโง่งม
มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวเจ๋อไม่ดูตาม้าตาเรือเช่นนี้ ชั่วพริบตาก็เข้าใจขึ้นมา จับหน้าผากแล้วกล่าวเตือนอย่างหวังดี “ยามนี้มิใช่ว่าหลงเซี่ยวหลีประสบหายนะอยู่หรือ?”
หลงเซี่ยวเจ๋อพยักหน้าอย่างโง่เขลา
“เช่นนั้นตอนนี้เ้าก็รู้แล้วว่าเขาประสบหายนะมิใช่หรือ?” มู่จื่อหลิงถามอีก นางตัดสินใจโง่งมไปกับหลงเซี่ยวเจ๋อสักครั้ง ตั้งใจเรียกสติคนสมองช้าผู้นี้
หลงเซี่ยวเจ๋อพนักหน้าต่อ แต่ว่าเหมือนจะมีที่ใดมิใคร่ถูกต้อง
เพราะเหตุใดพี่สะใภ้สามจึงถามเขาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าั้แ่ที่เขาเริ่มพูดว่าองค์ชายใหญ่รังเกียจสตรี พี่สะใภ้สามก็ล้วนมีท่าทีเอ้อระเหย ไม่มีท่าทางยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นแม้สักนิด ราวกับรู้อยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
เหมือนเขาจะเข้าใจอะไรแล้ว
จู่ๆ หลงเซี่ยวเจ๋อก็ร้อง “อ๋า!” ออกมาเสียงดัง
มู่จื่อหลิงราวกับรู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อจะส่งเสียงดัง จึงอุดหูตนเองไว้ก่อนแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวหานที่อยู่ข้างกายนางจะไม่รู้แม้แต่น้อย ถูกเสียงร้องปีศาจนี้ทำให้ใจนล้มลงไปกับพื้นอย่างเศร้าหมอง ด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ เหตุใดจู่ๆ องค์ชายหกจึงได้ส่งเสียงราวปีศาจออกมาทำให้ผู้อื่นใเช่นนี้
“พี่สะใภ้สาม เป็ท่าน ท่าน...” หลงเซี่ยวเจ๋อะโออกมา
“พอแล้ว ตนเองรู้ก็พอ ไม่ต้องพูดออกมาแล้ว” มู่จื่อหลิงตัดบทเพื่อสกัดคำพูดต่อไปของหลงเซี่ยวเจ๋อ
ก็หลงเซี่ยวเจ๋อผู้นี้มีเื่อะไรล้วนชอบพูดเสียงดังออกมา คนทั้งโลกล้วนได้ยิน นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายวันหน่อย
หลงเซี่ยวเจ๋อมือข้างหนึ่งปิดปากอย่างไม่เต็มใจ มือกุมร่างกายข้างล่างไว้ ใจเขาก็หวาดหวั่นเช่นกัน
์ พี่สะใภ้สามโเี้เกินไปแล้ว ยังดีที่เขายังมิได้เริ่มปรุงยาแก้พิษน้ำยามี่ลู่ ยามปกติจึงมิได้ทำตัวยั่วโทสะต่อหน้าพี่สะใภ้สามเท่าใดนัก มิเช่นนั้นผู้ที่โชคร้ายคงเป็ตนแล้ว
--------------------------------
เชิงอรรถ
[1] จั้ง หน่วยวัดความยาวของจีนสมัยโบราณ 1 จั้ง = 3.33 เมตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้