เมื่อได้ยินคำพูดของเขาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดและยังพูดจาเยาะเย้ย ฉีซีก็เืขึ้นหน้า
โม่ซีรูปงามผิวขาวสะอาดตา เมื่อแรกเห็น เขาไม่ได้พกดาบไว้กับตัว บนรถม้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีล่วงละเมิดใด สิ่งนี้ทำให้ฉีซีคลายความระแวงลงและคิดว่าคงพูดคุยด้วยเหตุผลได้ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะรังแกและลวนลามนางซ้ำๆ ราวกับเป็คนหน้าเนื้อใจเสือ สวมอาภรณ์สุภาพบุรุษ ทว่าภายในกลับชั่วร้าย!
นางกระแอมในลำคอด้วยความโกรธเคืองและกล่าวประชด "...สงสัยว่าซีอ๋องจะชอบธรรมเนียมโบราณ แล้วเหตุใดซีอ๋องถึงไม่ลงสนามรบให้ศัตรูฟันดูบ้าง เมื่อกลับค่ายมาก็รักษาาแโดยไม่ต้องใช้ผงหม่าเฟ่ย วีรกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ของท่านจะได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อาณาจักรต้าจิ้ง!”
โม่ซีตะลึงงัน
เขาหน้าบางจนไม่สามารถเอ่ยปากแสดงคำขอโทษต่อนางได้และพยายามหาคำพูดเพื่อปลอบโยน ไม่คาดคิดว่าความคิดของบุรุษและสตรีจะแตกต่างกันถึงเพียงนี้
คำพูดของเขาฟังดูเหมือนคำชมเชยสำหรับบุรุษทั่วไป ทว่าสำหรับฉีซีกลับฟังดูเหมือนการดูถูกดูแคลน นอกจากนี้นางยังคิดว่าเขาเป็เพียงขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ย่อมต้องพ่ายแพ้และได้รับาเ็อย่างแน่นอน? และจงใจไม่ใช้ผงหม่าเฟ่ยเพื่อจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์? นี่เป็การเสียดสีความโง่เขลาของต้าจิ้งหรือไม่?
เขาตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หยิบหมอนข้างเตียงขึ้นมาให้ฉีซีพิงตัว ลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อผ้าอย่างเงียบงัน
ฉีซีงุนงงกับการกระทำของเขา เมื่อนึกถึงความหยาบคายและการรังแกของเขาในตอนกลางวัน สีหน้าของนางจึงเปลี่ยนไปและรีบะโ "เหตุใดท่านจึงถอดเสื้อผ้า? ข้าาเ็ถึงเพียงนี้ หรือว่าท่าน...หรือว่าท่านยังอยากจะ..."
โม่ซีได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความประหลาดใจ
พวงแก้มของฉีซีแดงระเรื่อ ตื่นตระหนกมากจนเขาจับประเด็นที่ฉีซีหวาดกลัวที่สุดได้ทันที
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสาและกล่าวว่า "เ้ากำลังคิดถึงการร่วมเพศอยู่อย่างนั้นหรือ?"
ฉีซีสำลักกับคำพูดของเขา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธและอับอาย ะโเสียงดังใส่เขาด้วยความโมโห "ไม่ใช่! ท่านเปลื้องผ้าต่อหน้าสตรีโดยไม่มีเหตุผล ผู้ใดจะรู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่!"
“เ้าบอกว่าข้าไม่รู้ความเ็ปจากการขูดเนื้อเพื่อรักษาาแ ข้าจึงอยากให้เ้าเห็นาแของข้า” โม่ซีมองฉีซีที่ใบหน้าแดงก่ำจากความเขินอายด้วยรอยยิ้มจาง ถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นเกราะอ่อนเนื้อหยกเรียงซ้อนอย่างประณีตที่อยู่ด้านใน
ทันใดนั้นฉีซีเพิ่งตระหนักได้ว่าตอนที่นางพุ่งกระแทกเขา นางกระแทกเข้ากับเกราะอ่อนสีทองที่ป้องกันร่างกายของเขาอยู่!
เขาเป็ทหาร! เขาเป็หนึ่งในแม่ทัพของอาณาจักรต้าจิ้ง!
“ไม่จำเป็! ข้าไม่อยากเห็น!” ฉีซีกล่าวอย่างรีบร้อน เบือนหน้ามองไปทางอื่น
“โอ้?” โม่ซีเลิกคิ้ว แค่นเสียงเบา ค่อยๆ ถอดเกราะหยกออก เปลี่ยนเื่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด "เ้าพูดว่าไม่ใช่นางสนมของหยวนฉี เป็เพียงนางกำนัล มันยากจะเชื่อเ้าได้จริงๆ เป็นางกำนัลที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักอ่านสถานการณ์ และกล้าขัดขืนต่อกู1หลายครั้ง ต่อให้มีหลายร้อยหัวก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความผิดของเ้า... "
เมื่อได้ยินเขาเปลี่ยนไปเรียกตนว่ากู พร้อมกับวางท่าเป็ซีอ๋องและสวมเพียงเสื้อผ้าชั้นใน ฉีซีจึงรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ รีบกล่าวว่า "ซีอ๋องโปรดอภัยให้ข้าด้วย! เชี่ย2รู้สึกเวียนหัวจากการกระแทก ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน...”
เมื่อพูดอย่างนั้น นางก็พยายามขยับร่างกายกลิ้งไปอีกด้านของเตียงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“เชี่ยหรือ? เชี่ยของผู้ใด? จำตัวตนของตนได้แล้วหรือ?” โม่ซีะโขึ้นเตียง ใช้แขนอันแข็งแกร่งคว้าตัวนางพลิกกลับไปบนเตียง มองลงมาที่นาง “เช่นนั้นเ้ายังจะหนีไปไหนล่ะ?”
เมื่อเผชิญกับความคิดที่ยากจะคาดเดาและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขา ฉีซีแทบไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ กดข่มความตื่นตระหนกในใจ ก่อนจะอธิบาย "...ข้าไม่ได้้าหลบหนี ข้าเพียง้าขออภัย! "
“ตอนนี้ไม่ใช่เชี่ยแล้วหรือ? เ้ารู้สถานะของตนบ้างหรือไม่? กูบอกว่าจะลงโทษเ้าหรือ?” โม่ซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่สนใจความหยาบคายของนาง ทว่าสายตาที่เขามองมาราวกับเหยี่ยวทำให้ฉีซีรู้สึกถึงความกดดันอย่างหนัก
การปะทะคารมเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้นางจนตรอก เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่ชัดเจนของเขา หัวใจยิ่งอ่อนไหวไร้ซึ่งความมั่นคง ทำได้เพียงมองเขาและคิดว่าจะยอมลดศักดิ์ศรีลงมาเพื่อเอาอกเอาใจเขา เหมือนนางสนมของเสด็จพ่อที่เก่งเื่การประจบสอพลอ พูดจ้อโกหกเพื่อยกย่องเขาดีหรือไม่?
“ซี...ซีอ๋องมีเมตตา ใจกว้าง เที่ยงธรรมและน่าเกรงขาม คงไม่รังแกสตรีอ่อนแอเช่นข้า...” น้ำเสียงของนางอ่อนลง สายตาเริ่มดูอ้อนวอน
ท่าทีของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพียงเพื่อขอความปลอดภัยใช่หรือไม่?
ทว่าคำพูดยกย่องเขาเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีผูกมัดเขาไม่ให้ทำสิ่งไม่เหมาะสมกับนางหรอกหรือ?
โม่ซีหัวเราะเบาๆ หลังจากได้ยินสิ่งนี้
"ประจบ สอพลอ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าและหนักแน่น ฉีซีใบหน้าแดงก่ำ กัดริมฝีปากมองเขาด้วยความอับอายและโกรธเคือง
รอยยิ้มของโม่ซีกว้างยิ่งขึ้น มองนางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ประจบสอพลอ หวังผลประโยชน์ กลัวว่าข้าจะหลับนอนกับเ้าอย่างนั้นหรือ?"
ซีอ๋องรูปงามสง่า ยามยิ้มอ่อนโยนดุจสายลมพัดผ่านทุ่งหญ้าบนเขาชิงหลาน ทว่าทำให้มองไม่เห็นสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้า
ใน่ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีจะมีการล่าสัตว์ในทุ่งหญ้าของหยวนฉี นางมักตามเสด็จแม่ขึ้นไปบนแท่นสูงเพื่อดูเสด็จพ่อและเหล่าอนุชาล่าสัตว์อย่างองอาจบนทุ่งหญ้า
ครั้งนี้ต้าจิ้งบุกโจมตีจากยอดเขาชิงหลาน เป็สัตว์ร้ายที่หยวนฉีไม่มีทางต้านทานได้
และเขาเป็หนึ่งในแม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพ รอยยิ้มของเขาราวกับคลื่นสีเขียว ดวงตาของเขาคมเฉียบดั่งคมดาบ
ฉีซีกัดริมฝีปากล่างจนแดงก่ำ ไม่ว่าจะตอบหรือไม่ ทั้งคู่ย่อมรู้คำตอบชัดเจนอยู่ภายในใจ เขาประกาศอย่างชัดเจนที่ถนนดอกไม้ว่าให้นางรับใช้เขาเพียงผู้เดียว ทว่าฉีซีก็จับชายเสื้อผ้าของเขาไว้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
ฉีซีหมดปัญญาหาคำพูดมาโน้มน้าวเขา
“...ข้าเป็โรคเรื้อรัง คงไม่สามารถรับใช้...” นางทำได้เพียงโกหก
“หมอหลวงโจวเป็หมอฝีมือดีที่สุดในต้าจิ้ง เขาตรวจได้เ้าตอนหมดสติไปแล้ว” โม่ซีพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปลายนิ้วเรียวของเขาัักับข้อมือที่าเ็ของนาง
ชีพจรของฉีซีเต้นรัว รีบชักมือออก ไม่้าให้ความรู้สึกถูกเปิดเผยและรู้สึกเสียใจที่ตอบไปเช่นนั้น สายตาของเขาเฉียบคมดั่งสายตาของเสด็จพ่อยามมองเหล่าขุนนาง ไม่อาจปล่อยให้มีการลวงหลอกใดเกิดขึ้น
โม่ซียิ้ม ทว่ามีสายตาเ็า ใบหน้าด้านข้างของสตรีตรงหน้าคล้ายหลี่อวิ๋นเจิน ทว่ากลับโกหกได้ไม่เก่งเท่านาง
ยิ่งโกหกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเปิดโปงคำโกหกของนาง และกระตุ้นให้เขาอยากกลั่นแกล้งและนางมากขึ้นเท่านั้น
เขายิ้มจางๆ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปทางโคมไฟกระจกและดับเทียนตรงหน้านางทีละเล่ม
เมื่อไฟดับลง ทั้งตำหนักก็มืดลง บรรยากาศก็ยิ่งแปลกมากขึ้น
ฉีซีตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบเอ่ยถาม "เหตุใดซีอ๋องถึงปิดไฟหรือ?"
โม่ซีเหลือบมองนางแล้วกล่าวอย่างเมินเฉย "ยามห้าย3แล้ว ควรพักผ่อนได้แล้ว"
"แต่ในตำหนักนี้มีเพียงเตียงเดียวเท่านั้น... ชื่อเสียงสำคัญที่สุดสำหรับสตรี เรานอนร่วมเตียงกันไม่ได้!"
“ดวงตากูไม่ได้มืดบอด กูซื้อเ้ามา เป็เื่ธรรมดาที่จะนอนร่วมเตียงกัน เหตุใดจึงต้องสนใจชื่อเสียงด้วย หรือเ้าอยากให้กูไปนอนบนตั่งนุ่ม แล้วเ้านอนบนเตียงกันล่ะ?" โม่ซีเหลือตะเกียงด้านหลังไว้ ภายในตำหนักอันมืดมิด ยิ่งทำให้รอยยิ้มของเขาดูไม่น่าไว้ใจมากขึ้น
“ข้าสามารถนอนบนตั่งนุ่มได้ ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าพักในห้องนางกำนัลข้างตำหนักฝั่งตะวันออกก็ได้ ข้าจะหาวิธีนำทองคำสองร้อยแท่งมาคืนท่านให้ได้!” ฉีซีะโอย่างร้อนรน
“เ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่นาน เหตุใดจึงรู้ว่ามีห้องสำหรับข้ารับใช้เวรดึกอยู่ข้างตำหนัก?” เสียงของโม่ซีเย็นะเื เพียงประโยคเดียวของเขาทำให้ฉีซีรู้สึกราวถูกโยนลงไปในธารน้ำแข็ง
------------------------------------------------------------------
[1] กู (孤) แสดงถึงผู้พูดเป็ผู้มีอำนาจหรือสูงศักดิ์
[2] เชี่ย (妾) ใช้เรียกแทนตัวผู้หญิงที่ยศต่ำกว่าผู้ฟัง
[3] ยามห้าย ่เวลาสามทุ่มถึงห้าทุ่ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้