เว้นเสียแต่ว่า หัวใจของนางมีเ้าของอยู่แล้ว
คิดได้เพียงว่าในเวลานั้นมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่จะมีคนที่นางรักอย่างสุดหัวใจอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถยอมรับพระราชโองการอภิเษกได้
ฮวาเหยียนเหลือบมองไปที่หยวนเป่า ดวงตาของเด็กน้อยเป็ประกาย เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
เมื่อคิดถึงเื่ราวชีวิตของหยวนเป่า ยังมีจี้หยกสีแดงเื ฮวาเหยียนขมวดคิ้ว ที่แท้แล้วผู้ใดกันคือคนที่มู่อันเหยียนรักอย่างลึกซึ้งกัน?
เป็เพราะบุรุษผู้นั้น มู่อันเหยียนจึงไม่อาจยอมรับพระราชโองการอภิเษกของฮ่องเต้ได้แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน นางจึงร้องขอให้ตี้หลิงหานเป็คนถอนหมั้น
แต่ตี้หลิงหานเป็ถึงองค์รัชทายาท ทั้งไม่เคยถูกผู้ใดปฏิเสธเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจดหมายถอนหมั้นจึงล่าช้าไปจนกระทั่งมู่อันเหยียนเกิดเื่ขึ้นที่หอนางโลมเข้าเสียก่อน...
ด้วยเหตุนี้ ราชวงศ์จึงไม่สามารถรับหญิงสาวที่มีมลทินขึ้นเป็ชายาแห่งองค์รัชทายาทได้
มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ได้ถอนหมั้นตามที่นางปรารถนา แต่ชื่อเสียงของนางกลับฉาวโฉ่ เื่หอนางโลมเมื่อสี่ปีก่อน แท้จริงแล้วคือผลงานการกำกับของมู่อันเหยียนหรือเป็การถูกใส่ร้ายป้ายสีกันแน่? เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮวาเหยียนก็ส่ายศีรษะทันที ชื่อเสียงของหญิงสาวผู้สง่างามราวกล้วยไม้ในหุบเขานั้นสำคัญมากถึงเพียงนั้น คงไม่มีทางที่นางจะจงใจทำให้เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นเป็แน่ มิเช่นนั้นนางคงไม่เสี่ยงไปขอร้ององค์รัชทายาทหรอก นี่จะต้องเป็การใส่ร้ายเป็แน่
...
หัวสมองของฮวาเหยียนแล่นอย่างรวดเร็ว นางนึกถึงสิ่งที่เจียงจื่อเฮ่าพูดเมื่อครู่นี้ ตี้หลิงหานนั้นเสียหน้าจากจดหมายขอถอนหมั้นจากมู่อันเหยียน ต่อมาเขาจึงแก้แค้นนาง และการแก้แค้นนั้นก็คือการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงโดยการส่งจดหมายถอนหมั้นหลังจากเกิดเื่ที่หอนางโลมขึ้น หรือว่า... เื่ที่เกิดขึ้นในหอนางโลมนั้นจะเป็ฝีมือของตี้หลิงหานกันแน่?
ฮวาเหยียนครุ่นคิดดำดิ่งถึงแผนการกลอุบาย
ยิ่งมองไปที่ตี้หลิงหานก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็คนที่มีจิตใจอำมหิตโหดร้ายและมีนิสัยใจคอต่ำช้า
ตี้หลิงหานว่องไวและเฉียบแหลมอยู่เสมอ เขาสังเกตเห็นสายตาของฮวาเหยียน ชายหนุ่มหันศีรษะไปปะทะเข้ากับแววตาเ็าของฮวาเหยียน แม้เป็เพียงครู่เดียว แต่เขาก็เห็นมันอย่างชัดเจน
ดวงตาของตี้หลิงหานหรี่ลง ส่วนฮวาเหยียนก็รีบเก็บแววตาของนางอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าแววตาที่เ็าในยามนั้นเป็เพียงแค่การคิดไปเองเท่านั้น
แต่ตี้หลิงหานรู้ว่ามันไม่ใช่
ความโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยในอกของเขา เยี่ยมไปเลย มู่อันเหยียน เ้ามีสิทธิ์อันใดถึงใช้สายตาเช่นนี้มองข้า
เพล้ง
ถ้วยน้ำชาในมือของเขาถูกบีบจนแตกเป็เสี่ยงๆ เืสดๆ ค่อยๆ ไหลหยดลงบนพื้น
"นายท่าน"
"องค์รัชทายาท"
ทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและเจียงจื่อเฮ่ารีบผุดลุกขึ้น ใบหน้าของตี้หลิงหานยังคงเคร่งขรึม เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อั้นจิ่วมอบให้มัดมือเอาไว้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารที่เยือกเย็น
มู่เอ้าเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดอะไรผิดไปหรือ? นี่นับเป็การยั่วโมโหองค์รัชทายาทหรือ?
ขณะที่กำลังสงสัย องค์รัชทายาทผู้มีใบหน้าเ็าและทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่โเี้ไร้เมตตาก็กล่าวขึ้นมาว่า “เื่ที่ผ่านเลยไปแล้ว เปิ่นกงย่อมไม่อยากจะพูดถึงมันอีก เปิ่นกงกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน จดหมายนั้นก็ถูกทำลายจนสิ้นไปแล้ว นับั้แ่นั้นเป็ต้นมาก็ไม่มีเื่อภิเษกหรือเื่ใดที่เกี่ยวข้องกันอีก เพียงแต่..."
เสียงของเขาหยุดลงเพียงครู่ แล้วจากนั้นเขาก็เปิดปากอีกครั้ง "แต่ท่านอ๋องมู่ สี่ปีต่อมา เป็บุตรสาวของท่านที่ริเริ่มยั่วยุเปิ่นกงก่อน... เื่นี้ท่านจะจัดการเช่นไร? "
มู่เอ้าเทียนใไม่น้อยกับกลิ่นอายอำมหิตของตี้หลิงหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขามองไปยังมือที่เปื้อนเืของพระองค์ เขาพลันคิดกับตนเองว่าองค์รัชทายาทผู้นี้เป็คนที่ลึกลับมาตลอด เช่นนั้นแล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาปรากฏตัวด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันเช่นนี้?
“ฝ่าาทรงหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ”
มู่เอ้าเทียนถาม
"ดอกบัวพันปี"
สามคำนี้ได้นำพาเื่ทั้งหมดกลับสู่จุดเดิม
มู่เอ้าเทียนอ้าปาก ขณะที่กำลังจะพูด เขาเห็นฮวาเหยียนลุกขึ้น ตบมือของมู่เอ้าเทียนอย่างแ่เบาเพื่อปลอบโยน ก่อนที่นางจะก้าวขึ้นไปข้างหน้า "ฝ่าา โปรดอย่าใช้ดอกบัวพันปีที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อยัดเยียดข้อหาขโมยให้แก่ข้าเลย ของที่ท่านพูดถึง ข้าไม่เคยแม้แต่จะเห็นมันมาก่อน”
ฮวาเหยียนหรี่ตาลง เปิดปากพูดอย่างใจเย็น
ต่อหน้าตี้หลิงหาน นางไม่เคยยอมรับการมีอยู่ของดอกบัวพันปี แต่เมื่อนางออกจากจวนไท่จื่อ นางจะสารภาพกับมู่เอ้าเทียนอย่างตรงไปตรงมา นางจะไม่ปิดบังเขาเพราะนางไม่อยากทรยศต่อความไว้วางใจนี้
“หา? เ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ? มู่อันเหยียน ข้ารู้ว่าเป็เ้า ดอกบัวพันปีนั่นข้าเก็บเอาไว้กับตัว มีเพียงเ้าที่เข้าใกล้ตัวข้า ดังนั้นต้องเป็เ้าที่นำไปแน่”
เมื่อเจียงจื่อเฮ่าได้ยินฮวาเหยียนยืนกรานไม่ยอมรับ เขาก็ะโออกมาโดยที่ไม่ต้องรอให้ตี้หลิงหานพูด ชายหนุ่มะโตอบโต้เสียงดัง
ฮวาเหยียนจับมู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ไว้แล้วพูดเบาๆ ว่า "ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ ให้ข้าแก้ปัญหาเองเถิดเ้าค่ะ"
เสียงไม่ดังแต่ทว่าหนักแน่น
ดังนั้นมู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่จึงไม่ได้พูดอันใด และทำเพียงเฝ้ามองดูคนที่อยู่เบื้องหน้าที่เมื่อครู่ยังร้องไห้บ่นระบายความคับข้องใจ แต่บัดนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนกัน รูปร่างหน้าตาไม่ผันเปลี่ยน แต่อุปนิสัยกลับเปลี่ยนผัน มีความดุเดือดดุดันขึ้น ทำเอาพวกเขาไม่อาจละสายตาได้เลย
ใน่สี่ปีที่ผ่านมา แม่นางน้อยตระกูลมู่ของเราเปลี่ยนไปมากทีเดียว ไม่เหมือนกับหญิงสาวสมัยก่อนผู้งดงามอ่อนโยน ทว่าในยามนี้นางดูแพรวพราวและมีเสน่ห์กว่ามาก
ฮวาเหยียนยกเท้าขึ้นและก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปตรงหน้าเจียงจื่อเฮ่า
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ริมฝีปากสีแดงของนางเปิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน “เมื่อสามวันก่อน หยวนเป่ากับข้าอยู่ในหุบเขาลึกแห่งต้าโจว หุบเขาฉุยเฟิง พบเ้าที่กำลังถูกนักฆ่าลอบสังหารอยู่ เ้าได้รับาเ็สาหัส หลังจากนั้นแม่ลูกเช่นพวกเราก็ช่วยชีวิตเ้าเอาไว้ใช่หรือไม่? ”
อึก
เจียงจื่อเฮ่ามองไปที่ฮวาเหยียนที่อยู่ข้างหน้าเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายคำใหญ่อย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
มาอีกแล้ว
แม่นางผู้นี้มีใบหน้าที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น คิ้วและตาของนางดูเกียจคร้านราวกับแมวตัวน้อยที่เตรียมเข้าสู่นิทรา ขนตาของนางยาวยิ่งนัก ทุกคราที่กะพริบตาก็เหมือนกับพัดเล็กๆ ที่พับเข้าหากัน แต่ละชั้นเหมือนมีเงาจางๆ ทาบทับ และเพราะก่อนหน้านี้หยาดน้ำตาของนางรินไหล บัดนี้ดวงตาคู่สวยจึงชุ่มฉ่ำ เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อน งดงามจนทำให้โลกใบนี้ไร้ซึ่งสีสัน
เดิมทีเขาเป็คนก้าวร้าว ทว่าชั่ววินาทีที่เขาสบตากับสตรีที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเพียงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเหลือเกิน หัวสมองเลือนรางและจำอะไรไม่ได้เลย
เขาบิดเนื้อบริเวณสะโพกด้วยความรุนแรงจึงได้สติกลับมา
เอาอีกแล้ว สตรีผู้นี้เริ่มใช้มารยาความงามกับเขาอีกครั้งแล้ว
เขารีบหันไปมององค์รัชทายาทและเมื่อสบตาคู่นั้นที่ส่องแสงเย็นะเื เขาก็รู้สึกราวกับถูกความเย็นเฉียบนั้นปลุกขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มกระแอมในลำคอ “ถูกต้องแล้ว เื่ราวเป็เช่นนั้น”
“ต่อมา ตามคำขอของเ้า ข้าก็พาเ้าเดินทางไปยังเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ใช่หรือไม่? ”
“ใช่...!” แต่บุตรชายของเ้าเอาเงินของข้าหนึ่งหมื่นตำลึง
“บนรถม้า ข้าหลับตลอดทาง พูดกับเ้าไม่เกินห้าประโยคใช่หรือไม่? ”
ฮวาเหยียนถามอีกครั้ง
เจียงจื่อเฮ่าลูบจมูก พลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น "ใช่ เราไม่ได้พูดอะไรกันนัก" แม่หญิงตรงหน้าเขาทั้งเ็าและหยิ่งยโส และนางก็เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง
"เช่นนั้นแล้วข้าได้ััหรือแตะต้องตัวเ้าหรือไม่? "
ฮวาเหยียนถามขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงจื่อเฮ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กะพริบตา รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ััร่างกาย? ย่อมมิใช่เช่นนั้น กลับเป็เขาเสียมากกว่า ที่แกล้งทำเป็ล้มเพื่อขโมยจี้หยกของนางไป
"นี่ก็ไม่ใช่"
เจียงจื่อเฮ่าตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา
หลังจากได้รับคำตอบของเจียงจื่อเฮ่าแล้ว ฮวาเหยียนก็พยักหน้า ครู่ต่อมา คิ้วตาของนางพลันดุร้าย ดวงตาสีชาพลันเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งทันที “ดังนั้น คุณชายเจียง เราสองคนแม่ลูกช่วยชีวิตของเ้าไว้ ซ้ำยังช่วยให้เ้าไม่ต้องตายอยู่นอกเมือง เ้าไม่รู้สึกขอบคุณก็ไม่เป็ไร แต่เ้ากลับตอบแทนบุญคุณของข้าด้วยการใส่ร้ายข้าอย่างนั้นหรือ หาว่าข้าขโมยดอกบัวพันปีของเ้าไป? เ้าเห็นกับตาหรือว่าข้าเป็คนหยิบไป? "
ฮวาเหยียนถามอย่างโหดร้าย บีบบังคับให้เจียงจื่อเฮ่าต้องก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า เขาทำได้เพียงกะพริบตาด้วยความรู้สึกผิดมหันต์
ที่จริงแล้วเขาไม่เห็นอะไรเลยและไม่สามารถจับได้ว่าเป็ฝีมือใคร แต่สิ่งที่องค์รัชทายาทพูดก็ไม่น่าจะผิดไปได้
"พูดมา"
ด้วยน้ำเสียงที่ดุดันของฮวาเหยียนทำให้เจียงจื่อเฮ่ารู้สึกราวกับถูกข่มขู่ "เป็ เป็องค์รัชทายาทที่เอ่ยว่าเ้าเป็คนเอาไป...”
ทุกคน "...! "
มือดีที่ทำลายองค์รัชทายาท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้