“สิ่งใดกัน!...ผึ้ง! อ๊าก!!! พี่สามช่วยด้วย!!!” หลงเซี่ยวเจ๋อถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ใเสียยกใหญ่ เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนาแล้วสับขาวิ่งทันที
ชั่วขณะนี้เองเขานึกเสียใจที่มิยอมฟังคำพูดของพี่สาม ไม่ตั้งใจฝึกวรยุทธ์ให้ดี เวลานี้วิชาแมวสามขาไม่ช่วยทำให้ตัวเบาได้เลย จึงได้แต่วิ่งอย่างสุดชีวิต
ฝูงผึ้งด้านหลังนั้นมีแต่เพิ่มไม่มีลด บินตามอย่างสุดชีวิต ไม่ตายไม่เลิกรา
หลงเซี่ยวเจ๋อจึงตระหนักได้ว่า นางปีศาจเช่นมู่จื่อหลิง ต้องหยดยาสักชนิดใส่ตัวเขาเป็แน่
แต่ว่ามู่จื่อหลิงหยดยาใส่เขาเมื่อใดกัน เหตุใดเขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนี้คือสิ่งที่ดึงดูดเหล่าผีเสื้อที่นางกล่าวถึงสินะ แต่ที่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่ผีเสื้อ แต่เป็ผึ้งฝูงหนึ่ง หลงเซี่ยวเจ๋อแทบจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง อยากร้องไห้โดยไร้น้ำตา
ได้ยินมาว่านางทั้งโง่เง่าทั้งบื้อใบ้ แต่ที่พบเจอมานี้เหมือนตรงใดกัน ช่างเจรจาพาทีถึงเพียงนั้น แล้วยังหน้าเนื้อใจเสือถึงเพียงนี้!
ตกลงแล้วเขาไปยั่วโทสะหญิงสาวเช่นใดเข้ากันแน่!
ท้ายที่สุดแล้วหลงเซี่ยวเจ๋อก็พาผึ้งทั้งฝูงวิ่งอย่างหน้าตั้งจนไปถึงข้างกายของหลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่เห็นเงาดำด้านหลังหลงเซี่ยวเจ๋อเข้า ั์ตาดำก็เคร่งขึ้น ดึงดาบอ่อนออกมา แล้วแสงดาบพุ่งทะยาน ผึ้งทุกตัวถูกกำจัดจนสิ้น ทยอยร่วงลงสู่พื้น
หลงเซี่ยวเจ๋อในเวลานี้หอบหายใจอย่างหนัก ศีรษะถูกต่อยจนบวมไปหมด เอ่ยวาจาอู้อี้ น่าขบขันยิ่งนัก
“พี่...พี่...พี่สาม...พี่...พี่สะใภ้...นาง...นางหยอดยาใส่ข้า พิษพิษพิษพิษ” กุ่ยหยิ่งและกุ่ยเม่ยหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ จนเกือบถูกผู้เป็นายทำโทษโดยการทำลายวรยุทธ์
หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองเขาอย่างเ็า ส่งสัญญาณมือ กุ่ยหยิ่งจึงออกมาจากความมืด “พาไปหลบที่อวี่กงสามวัน”
“ขอรับ” กุ่ยหยิ่งรับคำ แล้วไปแบกหลงเซี่ยวเจ๋อขึ้น
หลงเซี่ยวเจ๋อดีดตัวขึ้นมา “อะ...อะ...อะไรนะ ข้า...ข้าไม่ไม่ไม่ไป”
เมื่อก่อนพอทำผิดพี่สามจะให้ตนไปที่อวี่กง สถานที่กินคนไม่เหลือแม้กระดูกนั่น แม้มิใช่การเคี่ยวกรำเนื้อหนังตามชื่อ แต่เป็การทรมานจิตใจต่างหาก!
มิใช่ทำให้เนื้อตัวเจ็บ แต่ทำให้ใจทรมาน เมื่อก่อนไปอยู่แค่วันเดียวก็รับไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้ต้องไปอยู่ถึงสามวัน
เหตุใดผู้ที่เจ็บตัวจึงเป็เขา เขาทำอันใดผิด มิใช่แค่นำผึ้งมาด้วยฝูงหนึ่งหรือ
ทว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แต่มองไปยังที่ไกลๆ หลงเซี่ยวเจ๋อมองตามสายตาของหลงเซี่ยวอวี่ที่ทอดไป ทางนั้นเป็จวนฉีอ๋อง มองลึกเข้าไปอีกก็เป็ตำหนักอวี่หาน
ชั่วขณะนี้เองเขาถึงเข้าใจ ในใจยิ่งเศร้าสลด พี่สามรู้เื่ในวันนี้เข้าแล้วจริงๆ ทำเช่นไรดี เขามิได้เจตนาเช่นนั้นจริงๆ ผู้ใดจะรู้ว่ามู่จื่อหลิงร้ายกาจถึงเพียงนั้นกัน
เขาเตรียมจะอธิบายเสียงอ่อน “พี่...พี่...พี่สาม ท่าน...ท่าน...ท่านฟังข้าอธิบาย ไม่...ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด...”
หลงเซี่ยวเจ๋อยังมิทันกล่าวจบก็ถูกกุ่ยหยิ่งแบกไปอย่างไร้ความปรานี แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยถูกหญิงสาวจัดการจนน่าเวทนาเยี่ยงนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าต่อไปจะกอดขาอ่อน [1] บ้างแล้ว
ในเมื่อมิอาจสู้พี่สะใภ้สามได้ เขาก็จะเป็ขาสุนัข [2] พันแข้งพันขานางแล้วกัน ก็พี่สะใภ้สามใช้เล่ห์กลได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาเสียอีกนี่นา
ยังมีสุกรตัวนั้น ทางที่ดีให้เปลี่ยนเป็หมูหันย่างไปเลย มิเช่นนั้นหากรอเขากลับมา ก็รอดูแล้วกันว่าเขาจะจัดการมันเยี่ยงไร!
สิ่งที่หลงเซี่ยวเจ๋อยังไม่ทราบก็คือ ในอนาคตอันใกล้ เป็เพราะเื่ราวในวันนี้ หรือเป็เพราะหมูที่ถูกย่างไปแล้วนั้น จะทำให้เขาต้องอยู่ที่อวี่กงไปอีกกี่คืนวัน และได้รับการทรมานจิตใจมากเพียงใด
ั์ตาเ็าของหลงเซี่ยวอวี่ทอดมองออกไปไกล สายตาล้ำลึกราวกับบึงวารี ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
-
ตกกลางคืน หลงเซี่ยวอวี่จึงกลับมาที่ตำหนัก ผลักประตูออกก็เห็นพื้นที่เต็มไปด้วยอาภรณ์ แววตาจึงเต็มไปด้วยความรังเกียจ ทว่าไม่เห็นตัวมู่จื่อหลิง
เขาเห็นประตูของตำหนักด้านในเปิดอยู่ แววตาก็ยิ่งเ็า บรรยากาศอันน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากกาย เขาเดินไปยังตำหนักด้านในด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
ก่อนหน้าเป็เสื้อผ้าเกลื่อนทั่วพื้น เวลานี้เป็ผ้าปูเตียงเต็มไปทั่วพื้นเช่นกัน
ในแววตาของหลงเซี่ยวอวี่ปรากฏโทสะอย่างมิอาจระงับได้ จากนั้นจึงเห็นมู่จื่อหลิงในชุดกางเกงเพียงชั้นเดียว นอนหลับอยู่บนเตียงหยกเหมันต์
คิ้วที่ดำราวกับหมึกขมวดเล็กน้อย ใช้ลมปราณหยิบผ้าปูเตียงขึ้นโดยให้เว้นระยะห่างจากตัวเขา แล้วห่อมู่จื่อหลิงขึ้นมาอย่างแ่า
หญิงสาวผู้นี้ถึงกับกล้ามานอนบนเตียงหยกเหมันต์ ทว่านางไม่เป็วรยุทธ์ทั้งยังััมิได้ถึงกำลังภายใน กลับสามารถนอนหลับบนเตียงหยกเหมันต์ได้ คนปกติทั่วไปแค่เข้าใกล้เตียง ร่างกายก็ล้วนรับไม่ไหวแล้ว
วันนี้นับแต่นางเข้ามาในจวนอ๋อง บุคลิกของนางก็ลบล้างข่าวลือไปจนหมดสิ้น นางเป็ใครกันแน่?
ดวงตาหลงเซี่ยวอวี่ปรากฏไอสังหารวาบผ่าน ดึงดาบอ่อนข้างเอวออกมาอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปใกล้นาง
เขายกดาบขึ้นมาเตรียมจะแทงไปที่มู่จื่อหลิง แต่กลับเห็นใบหน้านองไปด้วยน้ำตา ปากละเมอเสียงเบา
“เหตุใดข้าจึงกลับไปไม่ได้? เหตุใดจึงมิใช่คนของโลกนั้น เตียงหยกเหมันต์เ้าพาข้ามาที่แห่งนี้ เ้ารีบส่งข้ากลับไปเร็วเข้า...ท่านยาย...”
แม้เสียงจะเบามาก แต่หลงเซี่ยวอวี่ก็ยังคงได้ยิน
สตรีผู้นี้กำลังกล่าวสิ่งใดกัน โลกนั้น? ส่งกลับไป? มู่จื่อหลิง เ้าเป็ใครกันแน่? แววตาเขาทอประกายสงสัย ไอสังหารในแววตานั้นค่อยๆ จางไปอย่างมิรู้ตัว หรี่ตาเพ่งมองนางอย่างพินิจ
ครู่ต่อมา หลงเซี่ยวอวี่เก็บดาบอ่อนอย่างเชื่องช้า แบกมู่จื่อหลิงขึ้นมาทั้งคนทั้งผ้าปูเตียง แล้วเดินออกประตูด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้มู่จื่อหลิงที่กำลังหลับใหลสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหตุใดนางถึงห้อยอยู่กลางอากาศ นางเตรียมจะดีดดิ้น แต่มือเท้ากลับถูกมัดไว้จนไม่สามารถขยับได้
หรือว่าจะถูกลักพาตัว? ผู้ใดกันถึงได้อาจหาญเข้ามาลักพาตัวคนถึงจวนฉีอ๋อง โทสะของนางคุกรุ่นขึ้นมาทันที เตรียมยกศีรษะดูผู้ที่แบกนางไว้ ยังมิทันเห็นก็ถูกผู้ที่ ‘ลักพาตัว’ นางโยนลงบนเตียงอย่างไร้ความปรานี
“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างเ็ป ครู่เดียวมู่จื่อหลิงก็โมโหขึ้นมา เงยหน้ามองตัวการที่โยนนางอย่างเคียดแค้น “เ้าไม่เข้าใจหรือว่า...”
ยังมิทันกล่าวจบ นางก็ต้องอ้าปากค้างเสียแล้ว
นางได้แต่สูดลมหายใจเย็นๆ ์นี่มันใบหน้าเช่นใดกัน
ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น รูปงามเลิศล้ำ ั์ตาล้ำลึกที่เย็นเยียบดุจน้ำแข็งคู่นั้น ทั่วทั้งร่างล้วนมีกลิ่นอายของอ๋องผู้สั่นะเืทั้งใต้หล้า ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนเหลือเกิน
คำพูดที่กล่าวว่าเขาสามารถทำให้หญิงสาวทั่วทั้งแผ่นดินหลงใหลได้นั้นไม่เกินจริงแม้แต่น้อย แค่มองเขาก็มีความรู้สึกว่าทั่วทั้งสรรพางค์กายถูกแช่แข็งแล้ว
“ดูพอแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงเย็นเสียดแทงกระดูกแฝงแววรังเกียจโดยไม่ปิดบังแม้เลยแต่น้อย
ชายหนุ่มนำผ้าเช็ดหน้าสีดำออกมา เช็ดนิ้วมือทุกนิ้วอย่างละเอียด ราวกับเพิ่งััสิ่งสกปรกมา
------------------------
เชิงอรรถ
[1] กอดขาอ่อน แปลว่าอาศัยอำนาจหรือกำลังของคนที่แข็งแกร่งกว่า
[2] ขาสุนัข แปลว่า ไปเป็พันธมิตรหรือร่วมมือกับผู้ที่แข็งแกร่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้