ทันใดนั้นเสียงของหลินซานหลางก็ลอยเข้าหูทุกคน ทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงล้วนเปี่ยมไปด้วยโทสะ “ผู้ดูแลฮวา พวกเราอาจมาจากบ้านนอก แต่ไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนของน้องสาวข้าเป็ที่หนึ่งในเมืองนี้! พวกเราตั้งใจมาสอบถามว่าร้านท่าน้ารับซื้อหรือไม่ แต่เสี่ยวเอ้อร์ของท่านกลับเอาเงินเราไปแล้วดูถูกพวกเรา ชานี้เราไม่ดื่มและพวกเราจะไม่ซื้อขายกับท่านแล้ว!”
ไม่เพียงผู้ดูแลฮวาที่ผงะกับสายตาดุดัน กระทั่งหลินฟู่อินเองก็ใเช่นกัน
มิคาดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะมีสายตาเหี้ยมเกรียมเปี่ยมราศีถึงเพียงนี้ ดูไปแล้วมีความเป็บัณฑิตไม่น้อย ทำให้หลินฟู่อินพึงพอใจเป็อย่างยิ่ง นางยิ่งแน่วแน่ว่าต้องสนับสนุนให้เขาศึกษาเล่าเรียนให้จงได้
ผู้ดูแลฮวาชะงักเพียงชั่วครู่สีหน้าก็กลับมาเป็ปกติเช่นเคย ทันใดนั้นก็คิดอะไรได้ จึงรีบถามออกมา “น้องชายท่านนี้พูดว่าอะไรนะ? พูดอีกครั้งได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินไม่พลาดสีหน้าเพียงชั่วครู่ของผู้ดูแล เมื่อเขาเอามือข้างที่กุมแก้มลง นางก็เห็นว่าแก้มข้างซ้ายของเขาบวมอยู่ไม่น้อย รู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงเป็ร้อนใน
คนเป็ถึงผู้ดูแลภัตตาคาร ขอเพียงไม่ใช่เื่เร่งด่วนย่อมไม่ทิ้งร้านเอาไว้ แล้วปล่อยเวลาจนถึงเกือบเที่ยงแน่
คงไปหาหมอหลี่มา และหมอหลี่ต้องแนะนำไข่ดอกสนที่ช่วยลดร้อนในให้อีกฝ่ายแล้วแน่นอน ไม่เช่นนั้นเมื่อได้ยินคำจากปากหลินซานหลางคงไม่ประหลาดใจขนาดนี้
หลินซานหลางเองก็ชะงักไป รู้สึกว่าท่าทีของผู้ดูแลตอนนี้ดูไม่เลว ทั้งอีกฝ่ายยังพูดจาสุภาพกับพวกตนที่ยังไม่โตเต็มที่ ในใจจึงรู้สึกดีอยู่บ้าง
แม้ก่อนหน้านี้จะโกรธจนพูดออกไปว่าไม่ค้าขายด้วยแล้ว แต่หากผู้ดูแลฮวายืนการจะซื้อของจากน้องฟู่อิน ก็ต้องแล้วแต่นางทั้งนั้น
เด็กหนุ่มหันหน้ามาหาหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินหรี่ตาลงน้อยๆ ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณไม่ให้พี่ชายเป็กังวล หลังจากนี้นางจะเป็คนจัดการเอง
สองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร ทำเพียงขยับเข้าใกล้หลินฟู่อิน สายตายังคงขุ่นเคืองไม่พอใจ
ผู้ดูแลฮวาเป็คนหลักแหลม มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเด็กที่ยังโตไม่เต็มวัยคนนี้คือหลินฟู่อิน
บุรุษวัยกลางคนผู้นี้อดมองหลินฟู่อินอีกครั้งไม่ได้ จากนั้นจึงกล่าวด้วยความสุภาพเป็พิเศษ “แม่นาง เสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นไม่รู้ความ ข้าจะให้เขามาขอโทษท่านดีๆ กล่าวตามตรงว่าปากข้าเป็ร้อนในมาหลายวัน โดยเฉพาะวันนี้เจ็บจนเกินไปแล้ว ข้าจึงได้ออกไปพบท่านหมอหลี่ ท่านหมอมิได้จ่ายยาให้ข้า กล่าวว่าสมุนไพรมีพิษสามส่วน [1] ให้ข้ากลับมาดื่มน้ำมากๆ ทั้งยังแนะนำให้ข้าฟังว่ามีอาหารที่เรียกว่าไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนที่สามารถแก้ร้อนในได้ดี ทว่าของสิ่งนั้นราคาสูงและหายากยิ่ง ยังไม่มีผู้ใดขาย…”
ผู้ดูแลฮวาอยู่ในวงการกิจการร้านอาหาร แน่นอนว่าต้องอ่อนไหวกับเื่ของกินเป็อย่างยิ่ง เขาถึงกับถามอย่างละเอียดว่าไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนที่ว่าคืออะไร จึงทราบว่าทำมาจากไข่ไก่และไข่เป็ด แล้วก็คิดได้ทันทีว่านับเป็โอกาสทางการค้าที่ดีมาก
่นี้อากาศร้อน คนยิ่งเป็ร้อนในกันมาก หากภัตตาคารแห่งนี้สามารถขายไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนที่ดับร้อนในได้ เช่นนี้จะไม่ขายดีเป็อย่างยิ่งหรือ?
เขาเพียงแต่ไม่ทราบว่าไข่ดอกสนนั่นเป็อย่างไรเท่านั้น
เขายังครุ่นคิดมาตลอดทาง ทั้งยังคิดว่าวันพรุ่งนี้จะไปตลาดเช้าด้วยตัวเอง เพื่อดูว่าจะบังเอิญพบคนที่ขายไข่ที่ว่าหรือไม่
บังเอิญยิ่งนัก สิ่งที่้ากลับมีคนมาส่งถึงหน้าร้าน
นี่เป็โอกาสดียิ่งไม่ใช่หรือ?
พอฟังคำอธิบายจากผู้ดูแลฮวา หลินฟู่อินก็เข้าใจอย่างกระจ่าง
หมอหลี่ช่วยนางป่าวประกาศอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย มุมปากของเด็กสาวยกขึ้นเล็กน้อย มองผู้ดูแลฮวาแล้วยิ้ม “พวกเราทำไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนจริงๆ เ้าค่ะ ขั้นตอนการทำยุ่งยากมาก ราคาขายนี้ชาวบ้านทั่วไปซื้อไม่ไหว พวกเราพี่น้องจึงคิดมาลองสอบถามภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองดู”
หลินฟู่อินจงใจเน้นย้ำคำว่าภัตตาคารที่ดีที่สุดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผู้ดูแลฮวาชะงัก จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ “แม่นางเลือกภัตตาคารของเราเป็แห่งแรกนับว่าเป็โชคของร้านเราจริงๆ!”
ไม่พูดไม่ได้ว่าผู้ดูแลฮวาคนนี้พูดจาเป็งาน แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ความโกรธของทั้งหลินซานหลางทั้งสองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางหายวับไปได้
หลินฟู่อินมองออกว่าผู้ดูแลฮวาคนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งอีกฝ่ายยังปฏิบัติต่อพวกนางที่ยังไม่โตเท่าไรด้วยความสุภาพระมัดระวัง ความโกรธในใจจึงหายไป
“พี่เฟิน ลองให้ผู้ดูแลฮวาชิมยำไข่เยี่ยวม้าดูเถอะเ้าค่ะ” หลินฟู่อินกล่าว
หลินเฟินทราบว่าการค้าขายครั้งนี้สำเร็จแล้วก็ยิ้มออกมา จากนั้นจึงส่งตะเกียบอีกคู่ที่เสี่ยวเอ้อร์ถือติดมือมาก่อนหน้านี้ให้ผู้ดูแล
เมื่อเขาเห็นเด็กน้อยรู้จักคิด ถึงกับเตรียมของมาให้ชิมก็อดประหลาดใจไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงยิ่งมีความจริงจังต่ออีกฝ่ายมากขึ้น
เขาค่อยๆ คีบไข่ออกมาชิ้นหนึ่ง ไม่เร่งร้อนชิมทว่ายกขึ้นมาส่องที่ระดับสายตา พิจารณาด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นไข่ขาวกลายเป็สีเหลืองอมน้ำตาล ใสกระจ่างจนมองทะลุได้ ทั้งยังมีความยืดหยุ่นก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็ผู้มีฝีมือจากที่ใดถึงสามารถทำไข่เช่นนี้ออกมาได้
ลองดูที่ไข่แดงอีกครั้ง มันแข็งตัวไม่กระจัดกระจาย มีสีเหลืองทอง พอโรยด้วยต้นหอมซอยผสมกับกลิ่นน้ำมันงาหอมๆ แล้วยิ่ง…
ในที่สุดเขาก็คีบไข่เข้าปาก เคี้ยวหลายครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “รสชาติดีมาก!”
หลินฟู่อินเองก็พอใจ
เมื่อได้ยินผู้ดูแลฮวาส่งเสียงชม สองพี่น้องและหลินซานหลางดวงตาพลันแวววาว
“อืม อร่อยมากจริงๆ” ผู้ดูแลฮวามองหลินฟู่อินด้วยความยินดี เด็กสาวมองเห็นความพึงพอใจในดวงตาอีกฝ่ายได้ชัดเจน
แววตานางทอประกายวาบ น้ำเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “แค่อาหารที่พวกเราทำไว้กินกันเท่านั้นเ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าหากถึงมือพ่อครัว แน่นอนว่ารสชาติต้องดียิ่งขึ้น”
เื่นี้ผู้ดูแลเองก็เชื่อเช่นกัน
พ่อครัวที่เขาจ้างมาด้วยราคาสูงลิ่ว ฝีมือจะด้อยกว่าเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่งได้อย่างไร?
“มีคำถามอยู่หนึ่งข้อที่ข้าสงสัย ไม่แน่ใจว่าถามไปแล้วจะเหมาะสมหรือไม่” ผู้ดูแลฮวาไม่พูดว่า้าซื้อไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสน ทว่าเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ถึงหลินฟู่อินจะไม่รู้ว่าเขาจะถามอะไร แต่สัญชาตญาณกำลังบอกว่าคำถามนั้นนางย่อมไม่้าตอบ จึงหัวเราะออกมา “ผู้ดูแลฮวามีความรู้สูงส่ง ย่อมต้องทราบว่าคำถามใดควรถามคำถามใดไม่ควรถามอยู่แล้วเ้าค่ะ”
คำตอบที่ทิ่มแทงกลับไปครั้งนี้ไม่แรงไม่เบา ใบหน้าของผู้ดูแลฮวาชะงักไป
มิคาดว่าแม่นางน้อยจะโต้ตอบรวดเร็วเพียงนี้ จึงอดมิให้มองหลินฟู่อินให้ชัดเจนอีกครั้งไม่ได้ แล้วจึงถามนางด้วยน้ำเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย “แม่นางสกุลอะไรหรือ?”
“สกุลหลินเ้าค่ะ ใช้ตัวมู่ [2] สองตัวเป็คำว่าหลิน” หลินฟู่อินกล่าวตอบ
“แม่นางหลิน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเ้าทำไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนนี้ได้อย่างไร?” ผู้ดูแลฮวายังคงไม่ยอมแพ้หาทางอ้อมกลับมาถามจนได้
ตอนนี้หลินฟู่อินถึงได้รู้ว่าผู้ดูแลฮวาคนนี้ก็คิดอยากจะได้ตำรับอาหารของนางเช่นกัน เด็กสาวลอบยิ้มในใจ ทว่าใบหน้าเรียบเฉย ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เื่นี้ไม่แน่นอนเ้าค่ะ”
“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า?” ผู้ดูแลฮวาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้หลินฟู่อินด้วยความสนใจ
-------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สมุนไพรมีพิษสามส่วน หมายถึง สำนวนที่แปลว่า ยาเป็ดาบสองคม ถ้ากินตามความจำเป็ของโรคก็รักษาโรคได้ แต่ถ้ากินโดยไม่จำเป็เช่นร้อนในที่หายได้เองตามธรรมชาติแต่กลับกินยาเข้าไป จะเป็การทำให้เจ็บป่วยเพราะกินยามากเกินไปได้
[2] มู่ (木) หมายถึง ไม้ นามสกุลของหลินฟู่อินประกอบจากคำว่ามู่ (ไม้) สองตัว ได้เป็คำว่าหลิน 林
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้