อีกด้านหนึ่ง ฮวาเหยียนและมู่เสวียนเย่รีบเดินตามมู่เอ้าเทียน ในใจของมู่เอ้าเทียนเต็มไปด้วยโทสะ ฝีเท้าของเขาจึงก้าวเดินรวดเร็วยิ่ง หยวนเป่าน้อยเกาะอยู่บนร่างของเขา ท่าทางเรียบร้อยเชื่อฟัง
“ท่านพ่อเ้าคะ เดินให้ช้าลงหน่อยเถิด”
ฮวาเหยียนะโเรียกจากด้านหลัง ท่าทางกระตือรือร้น น้ำเสียงยังแฝงความออดอ้อนอยู่ในที
โทสะที่เปี่ยมล้นในใจของมู่เอ้าเทียนถูกละเว้นเอาไว้ มิได้โหมขึ้นอีก เมื่อนั้นจึงหยุดก้าวเดินโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางแสงจันทราพร่ามัว บุตรสาวแสนล้ำค่าของเขายืนอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาสดใสรื้นน้ำ นางช่างงดงามนัก ในภวังค์นั้นบุตรสาวของเขางดงามเหมือนมารดาของนาง ฟูเหรินของเขามาก เ้าของรูปร่างสง่างามยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจน้อยๆ
“ท่านพ่อ ท่านยังโกรธอยู่หรือไม่?”
ฮวาเหยียนเอ่ยปลอบ ทำให้จิตใจของเขาอ่อนลง
มู่เอ้าเทียนจะยังโกรธอยู่ได้อย่างไร เขาถอนหายใจ “อาสะใภ้รองของเ้าเลอะเลือนเกินไปแล้ว นางคิดแต่เื่การปีนกิ่งไม้สูง ไยนางไม่คิดบ้างว่าแต่งเป็ภรรยาเอกให้คนธรรมดายังดีกว่าแต่งเป็อนุให้เหล่าขุนนาง อวิ้นเอ๋อร์มีนิสัยอ่อนแอบอบบาง หากนางกลายเป็ชายารอง เช่นนั้นอนาคตของนางจะสงบสุขได้อย่างไร? ถ้าบุรุษมีเมียสามอนุสี่ หลังเรือนดั่งสนามรบขนาดย่อม ผู้ที่เป็ถึงบุตรสาวของตระกูลมู่ เหตุใดต้องแต่งไปเป็อนุของผู้อื่นด้วยเล่า?”
น้ำเสียงของมู่เอ้าเทียนเปี่ยมด้วยความเศร้าโศกที่มิอาจปกปิดได้
“ท่านพ่อ ท่านอารองกับน้องหญิงอวิ้นเอ๋อร์ต้องเข้าใจเป็แน่ ว่าท่านลำบากใจเพราะเจตนาดีเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนใช้น้ำเสียงบางเบาปลอบโยน แต่ในในกลับสบถด่าหลิ่วซื่อผู้นั้นเสียแทบจะเอาเืสุนัขมารดหัว [1] ทำให้บิดาของนางโมโหจนเป็เช่นนี้ ใจนางเจ็บเจียนตายแล้ว!
แสงสีเข้มส่องประกายในดวงตาของฮวาเหยียน เื่ที่เกิดขึ้นคืนนี้ นางไม่มีทางละเว้นหลิ่วซื่อเป็แน่
“หวังว่าจะเป็เช่นนั้น”
มู่เอ้าเทียนถอนหายใจ
ฮวาเหยียนสังเกตว่าท่านพ่ออยู่ในอารมณ์ลึกล้ำ ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายแหงนหน้ามองท้องฟ้า ปลายหางตาเขาคล้ายมีหยาดน้ำเกาะอยู่บางเบา นางในัก เกรงว่าท่านพ่อคงจะหวนคนึงถึงท่านแม่ที่นางไม่เคยเจอหน้ามาก่อนอีกแล้วเป็แน่
หากท่านแม่ยังอยู่ เื่ราวเหล่านี้จะยังต้องให้ท่านพ่อเป็กังวลอยู่อีกหรือ
“ท่านพ่อ ท่านเป็คนที่ถูกลิขิตให้ทำเื่ยิ่งใหญ่ ใจคนกว้างใหญ่ดุจใต้หล้า ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แต่ในเรือน ดังนั้นหากในอนาคตมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับตระกูลของเรา ขอท่านโปรดบอกข้ามา ข้าจะจัดการให้เองเ้าค่ะ อีกทั้งรอพี่สะใภ้ใหญ่แต่งเข้ามา ยามนั้นค่อยให้พี่สะใภ้จัดการ”
ฮวาเหยียนกล่าว
คำที่นางเอ่ยถึงสะใภ้ใหญ่ซึ่งใกล้จะแต่งเข้านี้ได้ใจมู่เอ้าเทียนไปเต็มๆ ที่สุดรอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาของเขาหันเหไปทางร่างของมู่เสวียนเย่ “เย่เอ๋อร์ เ้าเป็เด็กที่มิเคยทำให้พ่อต้องกังวลใจมาโดยตลอด ดังนั้นพ่อจึงใส่ใจเ้าไม่มากพอ พ่อไม่รู้ว่าเ้ากับแม่นางมู่เฉิงอินมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน ต้องโทษที่พ่อประมาทเลินเล่อ เป็พ่อไม่ดีเอง วันพรุ่งพ่อจะหาคนดูฤกษ์งามยามดี แล้วไปตกลงกันให้เรียบร้อยที่จวนตระกูลมู่”
ฮวาเหยียนและหยวนเป่าสบตากัน ไอ้หยา สิ่งใดควรเกิดก็ต้องเกิด
มารดากับบุตรชายมองหน้ากัน แต่ทั้งคู่กลับไร้วาจาเอ่ย ทำเพียงกะพริบตา “ท่านแม่ ทำเช่นไรดีขอรับ?”
“ลูกรัก ไม่ต้องเป็ห่วง แม่กำลังคิดหาวิธี...”
ทางด้านมู่เสวียนเย่ที่ถูกเอ่ยนามถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไปตกลงกันให้เรียบร้อย? เงินที่ใช้ตกลงมีเสียที่ใดเล่า? เขากับแม่นางมู่ยังไม่เคยผ่านแม้แต่ขั้นตอนการผสมอักษรทั้งแปดเลย
“ท่านพ่อ ข้ากับแม่นางมู่เพิ่งจะ...”
“มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน”
ไม่รอให้มู่เสวียนเย่พูดจบ ฮวาเหยียนก็เอ่ยแทรกขึ้นโดยพลัน
“ความรักหนักกว่าทองพันชั่ง”
หยวนเป่าเองก็เปิดปากกล่าวต่อทันที
มู่เสวียนเย่ “...!”
“ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพ่อ เื่ของข้านั้นช่างเถิดขอรับ มิใช่เวลานี้พวกเราต้องรีบหาเงินใช้หนี้ให้น้องหญิงหรือ?”
มู่เสวียนเย่กล่าว
“อ้อ เกี่ยวกับเื่นี้ เหยียนเอ๋อร์ยังมิได้บอกเ้าหรือ?”
“บอกอันใดหรือขอรับ?”
สีหน้าของมู่เสวียนเย่ตกตะลึง เหตุใดคืนนี้เขาจึงมีภาพลวงตาว่าตนไม่อาจตามทันความคิดของท่านพ่อและน้องหญิงได้ หรือว่าเกิดเื่ใดที่เขาไม่รู้กัน?
ไม่อาจไม่กล่าวว่า พี่ใหญ่ตระกูลมู่คือคนจริง!
“เื่เงินได้รับการแก้ไขแล้ว น้องหญิงของเ้ากับหยวนเป่าน้อยมีโชคยิ่ง พวกเขาอาศัยอยู่ที่หุบเขามาก่อน ย่อมได้รับหญ้าิญญาลึกลับมาไม่น้อย พวกมันถูกหออู๋ิกว้านซื้อไปราคาหนึ่งหมื่นตำลึงต่อต้น เมื่อรวมกับเงินในตระกูลมู่ของเราอีกราวห้าแสนตำลึง เช่นนั้นเงินที่ต้องคืนให้องค์รัชทายาทก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”
มู่เอ้าเทียนกล่าว ตอนที่พูดถึงเื่นี้ น้ำเสียงของเขาไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้เลย
มู่เสวียนเย่มองฮวาเหยียนด้วยความใ เื่ที่หออู๋ิได้รับหญ้าิญญาลึกลับมากกว่าหนึ่งร้อยต้นจากสตรีใต้หมวกงอบ เป็เื่ที่โจษจันกันไปทั่วแคว้นต้าโจว แต่ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นั้นคือน้องสาวแท้ๆ ของตนเองเล่า? อีกทั้งเนื้อหาในข่าวลือยังผิดพลาด มิใช่ร้อยต้น แต่มากกว่าสองร้อยต้นหรือ?
ว่ากันว่าเพียง่สายวันเดียว สินค้าก็ถูกแย่งซื้อไปจนหมด
มู่เสวียนเย่ใจนมีท่าทีที่ไม่อาจตอบสนองกลับได้ชั่วครู่
“ด้วยเหตุนี้ ตระกูลของเราจึงไม่ได้ขาดแคลนเงินทองในตอนนี้ วันพรุ่งพ่อจะไปจัดการให้เ้า ไปก่อนค่อยเลือกวัน”
มู่เอ้าเทียนที่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายแล้วเปล่งเสียงออกมา
“อย่า…”
ได้ยินมู่เสวียนเย่เอ่ยปาก แต่ท้ายที่สุดเขากลับเปล่งเสียงได้เพียงคำเดียว
“หืม?”
มู่เอ้าเทียนมองลูกชายคนโตของตนอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นจึงพบว่าบุตรชายผู้นี้ของเขาทำทีราวกับมีบางสิ่งยากเอ่ย เกิดอันใดขึ้นกัน?
“เื่ของข้ากับแม่นางมู่...” มิอาจเป็จริงได้แล้ว...
ในใจของมู่เสวียนเย่รู้สึกเกินรับไหวอยู่บ้าง เขาคิดว่าตระกูลมู่กำลังจะล้มละลาย และไม่คาดคิดว่าจะสามารถกลับไปสู่จุดสูงสุดได้ เพียงแต่จดหมายถูกส่งออกไปแล้ว เขายังจะกลับไปหานางได้อีกหรือ? ไม่ละอายแก่ใจหรือไร?
ขณะที่มู่เสวียนเย่กำลังจะพูดความจริง ฮวาเหยียนก็ะโออกมา ขัดจังหวะเขาด้วยการพูดอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ วันนี้มีสาวใช้ของตระกูลมู่นางหนึ่งนามว่าหลิงหลงนำของบางอย่างมามอบให้แก่ท่าน บอกว่าเป็ของที่คุณหนูใหญ่ของนางตั้งใจมอบให้ท่าน ทีแรกมันถูกห่ออย่างประณีต ข้ามองแล้วรู้สึกแปลกใจจึงเปิดออก ท่านลองดูเถิด สาวใช้ผู้นั้นยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้จะรอท่านที่โรงน้ำชาซินเยว่ห้องดอกโบตั๋น หากไม่พบก็ไม่กลับเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนกล่าวพลางหยิบกุญแจสีทองอันเล็กออกมาจากอกของนาง สิ่งนี้คือของขวัญที่มู่เฉิงอินมอบให้นางสำหรับการพบกันครั้งแรก ทีแรกนางให้ท่านพ่อดูแล้ว ยามนี้ก็นำออกมาให้มู่เสวียนเย่ดูอีก
ตัวแม่กุญแจสีทองมีขนาดเล็กและประณีต มันได้รับการดูแลอย่างดีมานานปี มองเพียงครั้งก็ทราบว่าเป็สมบัติล้ำค่าของเหล่าสตรีซึ่งใช้พกติดกาย และหากมองให้ละเอียด มันยังสลักนามของแม่นางมู่ไว้อีกด้วย
หูของมู่เสวียนเย่เปลี่ยนเป็สีแดง กระทั่งแสงจันทร์ก็ไม่อาจช่วยซ่อนเอาไว้ได้
ฮวาเหยียนรู้สึกว่านางช่างฉลาดล้ำ ใช้กุญแจทองอันเล็กมาหลอกท่านพ่อกับท่านพี่ได้ แน่นอนว่านี่เป็คำโกหกที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี
ต่อมาก็รู้สึกว่าตนเองมีความสามารถในการทำนายอนาคต ่สายของวันนี้ตอนนางเอ่ยคำลาและนัดพบกันใหม่ในวันพรุ่ง นี่ย่อมเป็สถานที่นัดพบที่ดีที่สุดสำหรับพี่ใหญ่กับพี่หญิงมู่...
“นี่เป็ของที่แม่นางมู่มอบให้หรือ?”
มู่เสวียนเย่ถาม
เสียงทุ้มนั้นบางเบาอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังพยายามระงับความรู้สึกของตนเอง และยังมีความไม่เชื่อปะปนอยู่
“เ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนพยักหน้า ทว่าในใจกลับว่างเปล่า สีหน้าของนางใสซื่อยิ่ง ทั้งยังพยักหน้าขึ้นลงไม่หยุดเหมือนกลองป๋องแป๋ง
“เ้าเด็กคนนี้ แม่นางมู่กับพี่ใหญ่ของเ้ามอบของขวัญแทนใจให้กัน เ้ากลับเปิดดูก่อนได้อย่างไร?”
มู่เอ้าเทียนซึ่งอยู่อีกด้านคิดว่าตนมองต้นตอของปัญหานี้ออกแล้ว เมื่อนั้นจึงกระซิบเสียงเบากับฮวาเหยียน น้ำเสียงเขาคล้ายโหดร้าย ทว่าความจริงกลับอ่อนโยนเป็อย่างยิ่ง
“ข้าเพียงอยากรู้ก็เท่านั้น ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ ข้ามิได้ตั้งใจนะเ้าคะ ฮือ ท่านพี่ใหญ่อย่าโกรธน้องเลยนะเ้าคะ”
ฮวาเหยียนกะพริบตาปริบ ท่าทางน่ารักแสนเชื่อฟัง
หยวนเป่าซุกหน้าลงบนไหล่ของมู่เอ้าเทียน เขาหัวเราะจนตัวสั่น ท่านแม่ ท่านอย่าทำตัวไร้เดียงสาได้หรือไม่!
“เ้าลูกคนนี้ พ่อกับพี่ใหญ่ของเ้าจะโกรธเ้าลงได้อย่างไร”
มู่เอ้าเทียนยิ้ม
มู่เสวียนเย่มึนงงเล็กน้อยทั้งยังคงถือแม่กุญแจสีทองอันเล็กไว้ในมือ เวลานี้จิตใจของเขาซับซ้อนวุ่นวายนัก หากเป็เพราะจดหมายฉบับนั้น ความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นอย่างไรก็คงขาดอยู่เช่นเดิม แต่เมื่อกุญแจทองนี้ปรากฏ กลับทำให้เขารู้สึกผิดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในหัวใจ
“พี่ใหญ่ ยามซื่อ [2] วันพรุ่ง ที่โรงน้ำชาซินเยว่ห้องดอกโบตั๋น หากไม่พบก็ไม่กลับนะเ้าคะ”
เชิงอรรถ
[1] เอาเืสุนัขมารดหัว 狗血淋头 (gǒu xuè lín tóu) หมายถึง โดนด่าจนเละ มีเื่เล่าว่าสมัยก่อนเชื่อว่าคนไหนเป็ผู้ใช้มนตร์ดำ วิธีหยุดคือต้องเอาเืสุนัขมารดหัวพวกเขา เพราะเืสุนัขทำให้มนตร์ดำเสื่อม พวกเขาจึงทำอะไรต่อไม่ได้ ปัจจุบันใช้ในความหมายว่าถูกด่าเหมือนผู้ใช้มนตร์ดำที่โดนเืสุนัขรดหัว อึ้งจนทำอะไรต่อไม่ถูก
[2] ยามซื่อ 巳时 (sìshí) หมายถึง ่เวลา 11:00 – 13:00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้