บทที่ 51 การคิดคำนวณของลั่วเฉิงกง
ตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ในเผ่ามนุษย์แห่งแผ่นดินต้นกำเนิดเรียกได้ว่าเป็กองกำลังอันดับสามก็ไม่ผิดนัก ความจริงแล้วก่อนหน้านี้อิทธิพลของตระกูลลั่วมีมากกว่าตอนนี้นัก มากเสียจนแทบขึ้นเป็มหาอำนาจอันดับสองได้ด้วยซ้ำ ทว่าต่อมาตระกูลกลับเริ่มตกต่ำลง สายหลักของตระกูลจึงย้ายจากเมืองเทียนตูไปยังเมืองเจียงหยิน ถึงจะกลายเป็ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเจียงหยิน แต่กลับร่วงลงมาเป็ตระกูลอันดับสามของทั้งเผ่าเสียแทน
เมืองเจียงหยินห่างจากเทียนตูเพียงสองร้อยลี้ จนมองเมืองเทียนตูได้จากที่ไกลๆ ด้วยซ้ำ ราวกับเป็เมืองขึ้นของเมืองเทียนตูอย่างไรอย่างนั้น แต่หลายวันมานี้ เมืองเจียงหยินกลับได้รับความสนใจจากมหาอำนาจมากมายแห่งเมืองเทียนตู ด้วยเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือมีทูตจากโลกชั้นสูงมาเยือนโลกชั้นล่าง โดยมีเป้าหมายคือตระกูลลั่ว ในเวลานั้นก็ทำให้ตระกูลลั่วที่ถูกลืมเลือนกลับเข้าสู่สายตาของผู้คนอีกครั้ง
ผู้คนมากมายล้วนคาดเดาว่าเหตุใดทูตจากโลกชั้นสูงลงมายังโลกชั้นล่างกันแน่ หรือตระกูลลั่วที่อยู่บนโลกชั้นสูงจะมีผู้ทรงอิทธิพลเป็พิเศษคิดจะสนับสนุนตระกูลลั่วแห่งโลกชั้นล่างหรือ? การคาดเดาแตกออกไปต่างต่างนานา และทุกใครที่ล้วนคิดว่าตระกูลลั่วอาจผงาดขึ้นได้อีกครั้ง ในเมื่อได้รับการให้ความสำคัญจากทูตที่ไม่ใช่เื่ที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ ต่อให้เป็ั์ใหญ่ของวิหารเสินจั้นและวิหารอิงหลิง ก็ต้องหันกลับมามองใหม่ หรือกระทั่งทรัพยากรและโอกาสต่างๆ เริ่มพุ่งเป้าเข้าหาตระกูลลั่วแล้ว
ทูตที่ว่าเป็ตัวแทนของโลกชั้นสูงทั้งหมด และเป็ตัวแทนของมหาอำนาจอันอิทธิพลที่ซ่อนตัวอยู่เื้ับนโลกชั้นสูงด้วย เพราะไม่มีทางที่ใครบางคนจะยอมจ่ายค่าตอบแทนสูงลิบเพื่อส่งทูตคนหนึ่งมายังโลกชั้นล่างแบบที่พวกั์ใหญ่ของวิหารเสินจั้นและวิหารอิงหลิงทำได้ พวกเขาทุกคนล้วนปรารถนาจะเข้าโลกชั้นสูงให้เร็วขึ้นแม้เพียงวันเดียวก็ยังดี อีกทั้งพวกเขาในอนาคตก็เป็คนที่จะได้เข้าโลกชั้นสูงแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นหากประจบมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งก่อนเข้าโลกชั้นสูงได้ หาูเาใหญ่ไว้พึ่งพิงได้ ใครเล่าจะปล่อยโอกาสทองเช่นนี้หลุดมือ
มหาอำนาจทั้งหลายอิจฉาตระกูลลั่วมาก ต่างรู้สึกว่าตระกูลลั่วโชคดีเหลือเกิน ทว่าในส่วนลึกที่สุดของตระกูลลั่ว สีหน้าของลั่วจงเทียนกลับมัวหมองอย่างหนัก ลั่วเฉิงกงก้มหน้า ไม่กล้าสบสายตาคมปลาบของลั่วจงเทียน เขารู้สึกได้ว่าสายตานั้นราวกับทะลวงเข้ามาในจิตใจของเขา ทะลุเข้าจนถึงิญญา เสียจนไม่อาจเก็บงำความลับในใจของเขาได้อีกต่อไป
“ท่านพ่อ ฮุยหวางเป็หลานของท่าน อีกทั้งจากคุณสมบัติของเขา หากเข้าสู่สำนักระดับกลางได้ ใช้เวลาเพียงสิบปี เขาต้องใช้ป้ายคำสั่งเพื่อเข้าโลกชั้นสูงได้แน่ เมื่อถึงเวลานั้น สายเืของพวกเรา ก็จะไม่เป็ที่ดูถูกอีกต่อไป ด้วยพร์ของฮุยหวางและความบริสุทธิ์ของรากิญญา ขอแค่สามารถเข้าโลกชั้นสูงได้ หลังจากนั้นไม่กี่สิบปี สายเืของพวกเราอาจเปลี่ยนจากสายเืรองเป็สายเืหลักก็เป็ได้ พวกเราอาจโค่นพวกสายเืหลักลงได้นะขอรับ!”
ลั่วจงเทียนไม่ได้ตอบกลับ ทำเพียงมองไปยังลั่วเฉิงกงที่กำลังตัวสั่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถอนหายใจยาวออกมา “เ้าดูถูกความแข็งแกร่งของสายเืหลักเกินไป การที่กลายเป็ตระกูลอันดับสี่ในโลกชั้นสูงได้ ไม่ใช่ของที่เ้าจะเที่ยวจินตนาการเอาเองได้ พร์ของฮุยหวางดีมาก ทว่าหากคิดจะประสบความสำเร็จในไม่กี่สิบปี ยังยากเกินไป”
“เื่นี้ขึ้นอยู่กับคน ฮุยหวางพยายามโดยตลอด จากนิสัยของเขา ขอแค่ให้โอกาสกับเขาสักครั้ง เขาต้องนำพาพวกเราลุกขึ้นได้แน่ อย่างไรเสียการมอบของสิ่งนั้นให้เ้าขยะพรรคนั้นก็มีแต่เสียของเปล่าๆ ” ลั่วเฉิงกงกล่าวอย่างโเี้
“แต่ท่านทูตได้กล่าวไว้แล้ว ของสิ่งนี้ต้องมอบให้ลั่วถูด้วยตัวเองเท่านั้น เ้าจะทำอย่างไรให้เขายอมมอบให้ฮุยหวางได้? หลายปีมานี้ พวกเราดูถูกเขามาโดยตลอด ทำกระทั่งปล้นทรัพย์สินที่เขานำมาจากโลกชั้นสูงไปใช้จนหมด ทำร้ายจิตใจของเขาไปนานแล้ว เขาไม่มีทางมอบของทั้งสองสิ่งนี้ให้พวกเราแน่นอน!”
ลั่วจงเทียนรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน คำพูดของลั่วเฉิงกงกระตุ้นเขาได้มากเหลือเกิน ลั่วฮุยหวางเป็หลานของเขา อีกทั้งยังเป็คนที่มีพร์มากที่สุดในบรรดาคนรุ่นหลัง สิ่งที่ขาดไปมีเพียงโอกาสสักครั้ง หากนำของสองสิ่งนี้มอบให้ลั่วฮุยหวางได้บางทีอาจไม่ต้องใช้ถึงสิบปี เพียงห้าปีก็มีโอกาสเข้าโลกชั้นสูงได้แล้ว ได้ยินมาว่าที่นั่นพลังิญญาหนาแน่นมาก ต่อให้เป็หมูตัวหนึ่งก็ฝึกบนจนกลายเป็สัตว์อสูริญญาได้ด้วยซ้ำ
หากพร์และคุณสมบัติเช่นลั่วฮุยหวางได้เข้าไปที่นั่น ต้องก้าวหน้าได้อย่างก้าวะโแน่นอน หนึ่งวันไปได้ไกลพันลี้ อนาคตข้างหน้าอีกหลายสิบปีอาจได้เป็เสาหลักของสายเืในตัวเขาบนโลกชั้นสูงก็เป็ได้ ทว่าลั่วถูเป็คนที่จะยอมประนีประนอมหรือ? หากย้อนกลับไปคิดแล้ว หลายปีมานี้เป็ตระกูลลั่วที่ทำผิดต่อลั่วถู ถึงลั่วถูจะแสดงความสามารถในการหาเงินออกมา ก็ยังโดนดูถูกเป็ขยะมาโดยตลอด เกรงว่าเหรียญซิงเหินแม้แต่เหรียญเดียวก็ไม่เคยสนับสนุน กระทั่งถูกรังแกในสำนักจ๋าเสวียก็ไม่เคยออกหน้าเลยสักครั้ง... แต่ตอนนี้ คิดจะขอให้ลั่วถูยกของที่สำคัญนี้ให้ตระกูลลั่ว คิดอย่างไรก็เป็ได้แค่เื่ตลกน่าหัวร่อเื่หนึ่งเท่านั้น
“ข้าไม่ได้จะให้เขาส่งมอบมา แค่พวกเราไปรับเองก็พอแล้ว!” สายตาของลั่วเฉิงกงปรากฏแววตาเ้าเล่ห์ขึ้นแล้ว
“เ้าคิดจะทำอะไร?” ผ่านไปครู่หนึ่งลั่วจงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าและเอ่ยถามออกไป
“ข้าเตรียมให้อิงซานใช้ฐานะของลั่วถูไปพบท่านทูต เพียงแค่พวกเรายืนยันว่าอิงซานเป็ลั่วถู อีกทั้งพวกเราก็ยังมีเืที่ลั่วถูทิ้งไว้เมื่อครั้งนั้น หากเราใช้เืหยดนั้น ถึงท่านทูตคิดจะพิสูจน์สายเื ก็ไม่มีทางแยกออกแน่ว่าจริงหรือเท็จ เพียงตอนที่ท่านทูตส่งมอบของชิ้นนั้น ต้องไม่อยู่ที่ตระกูลลั่วนานนัก เมื่อหากท่านทูตกลับไปแล้ว ใครจะรู้ว่าท่านทูตที่มายังตระกูลลั่วคิดจะมอบสมบัติสองสิ่งนี้ให้ใครกันแน่ นั่นไม่ใช่เื่ที่พวกเราจะตัดสินได้” ลั่วเฉิงกงกล่าวเสียงต่ำ
ลั่วจงเทียนเริ่มลังเล แม้จะเป็แผนการที่ดีก็ตาม เขาขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยถามกลับว่า “ถ้าลั่วถูกลับตระกูลใน่เวลานั้น เ้าจะแบกรับความโกรธของท่านทูตได้หรือไม่?”
“ลั่วถูจะไม่กลับมาที่ตระกูล และกลับมาไม่ได้เด็ดขาด” ลั่วเฉิงกงสูดลมหายใจเข้าลึก จิตสังหารที่รุนแรงทำให้สายตาของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นสะบัดมือส่งพลังออกไปปิดกั้นรอบด้านของห้องหนังสือ ม่านพลังไร้ลักษณ์กระจายตัวเข้าปิดล้อมห้องหนังสืออย่างฉับพลัน
“หากเ้าจะลงมือ เื่นี้ต้องไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ทิ้งไว้ ไม่เช่นนั้นถึงเ้าจะเป็บุตรของข้า ข้าก็ทำได้เพียงปัดความผิดทั้งหมดลงที่ตัวเ้าเท่านั้น เ้าจำเอาไว้ให้ดี นับจากวันนี้เป็ต้นไป ข้าจะปิดด่านฝึกตน เื่ของตระกูลลั่วในเจียงหยินมอบอำนาจทั้งหมดให้เ้าจัดการ ต่อให้ถูกท่านทูตสอบสวน เ้าก็ต้องกล่าวเช่นนี้เท่านั้น... ” คำกล่าวของลั่วจงเทียนแฝงไว้ซึ่งจิตสังหารอันแรงกล้า
ลั่วเฉิงกงถึงกับใ แต่ก็ยินดีไปพร้อมๆ กัน เขารู้ว่าการที่บิดาทำเช่นนี้ นั่นหมายถึงการมอบอำนาจให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แน่นอนว่าเป็การทำเพื่อสร้างแผนสำรองสำหรับทั้งตระกูลลั่วไว้ด้วย หากมีวันหนึ่งลั่วถูกลับมา และทำให้ท่านทูตพบว่าเื่ทั้งหมดเป็แผนการของเขาแต่เพียงผู้เดียว หากเป็เช่นนั้น ในแผ่นดินต้นกำเนิดนี้ย่อมไม่มีใครช่วยเขาได้อีก แต่ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้นแน่ ลั่วถูต้องตายสถานเดียว!
……
เดินทางมาหลายวัน ปลอดภัยไร้เื่กวนใจมาตลอดทาง บางทีอาจเป็เพราะชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกง หรือบางทีอาจเป็เพราะใน่าทำให้ถนนเส้นนี้ได้ถูกเก็บกวาดไปก่อนแล้ว โจรูเาหายไปไร้ร่องรอย ทำให้ลั่วถูและเจียงิ่ดูราวกับนักท่องเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น ชื่นชมวิวทิวทัศน์มาตลอดทาง ขี่ม้าตามขบวนไปอย่างสบายใจ บางครั้งก็เอาธนูออกมายิงนกเสียด้วยซ้ำ ทำเอาว่านเจียฉายอิจฉาตาร้อนเลยทีเดียว
รู้ว่าลั่วถูเป็ศิษย์ของสำนักจ๋าเสวีย และเป็ลูกหลานของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ว่านเจียฉายย่อมต้องเกรงใจอยู่แล้ว และที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างลั่วถูกับเ้าอ้วนซูอันไม่เลวนัก ในเมืองเว่ยยางแม้แต่ว่านเจียฉายก็ยังมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับเ้าอ้วนซูเช่นกัน เป็หนึ่งในเหตุผลที่ตัวเขาถึงยอมให้ลั่วถูติดสอยห้อยตามไปยังเมืองเทียนตูพร้อมกับขบวนของเขาด้วยนั่นเอง
สำหรับพวกค่าใช้จ่าย ก็แค่คิดไปตามมารยาท เ้าอ้วนซูได้ฝากฝังเื่นี้ไว้แล้ว ว่านเจียฉายเป็คนเก่าแก่ในวงการธุรกิจ จึงรับไว้แค่เหรียญขาวซิงเหินเพียงเหรียญเดียว ธุรกิจครั้งนี้นับว่าเป็สินน้ำใจ ไม่ใช่ว่าเ้าอ้วนซูเป็หนี้เขาแต่อย่างใด
“ด้านหน้าอีกสามสิบลี้เป็เมืองลั่วเหยียน คืนนี้พวกเราจะพักผ่อนที่เมืองลั่วเหยียนกัน พรุ่งนี้ถึงจะเดินทางต่อ ตลอดทางมานี้ทุกท่านต้องตั้งค่ายอยู่กันในป่า คิดว่าคงเหนื่อยล้ากันแล้ว วันนี้เข้าเมืองไปก็ปล่อยวางกันเสียหน่อย หัวหน้ากู้ หลายวันมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว! คืนนี้เมื่อถึงเมืองลั่วเหยียน ข้าขอเลี้ยงทุกคนมื้อหนึ่ง ห่านย่างกรอบของร้านเยี่ยนไหลฟังเป็ถึงอาหารชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงที่สุดในแผ่นดินต้นกำเนิด ตอนนี้ก็ใกล้ถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เป็ฤดูกินห่านย่างพอดีเชียว!” ว่านเจียฉายกล่าวอย่างมีความสุขบนหลังม้า
“เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณเถ้าแก่ว่านแทนพี่น้องทุกคนแล้ว!” กู้อวิ๋นเสียวว่าพลางยิ้มขึ้น เขารู้ชื่อเสียงของห่านย่างกรอบดีอยู่แล้ว การอยู่ในป่า่หลายวันมานี้มีแต่ต้องเฝ้าเวรยามกันอย่างระมัดระวังแทบตลอดเวลา หากได้เข้าเมืองแล้วถึงจะผ่อนคลายได้เล็กน้อย ก็ควรให้พี่น้องทั้งหลายได้ผ่อนคลายกันสักหน่อย
“ห่านย่างกรอบคืออะไรหรือ? อร่อยหรือเปล่า?” สายตาของเจียงิ่ทอประกายขณะเอ่ยถาม
“แน่นอน เป็ถึงอาหารรสเลิศที่มีชื่อเสียงที่สุดของเผ่ามนุษย์ ห่านในฤดูใบไม้ร่วงจะอวบอ้วนที่สุด ฝูงห่านที่บินกลับมายังทิศใต้หลังจากบินมาไกล ไขมันในเนื้อห่านก็สลายไปมาก รสชาติย่อมดีขึ้นมาก... ถึงเวลาเ้าจะได้รู้เอง ข้าจะให้เ้ากินจนอิ่มเลย!” ลั่วถูพอพูดไปก็แทบน้ำลายไหลไปด้วยแล้ว
“โอ้ ก็ได้ แต่ข้าขอเตือนเ้าอย่าง ั้แ่เมื่อเช้า มีคนสะกดตามพวกเรามาตลอด หนำซ้ำคนพวกนี้ยังเปลี่ยนเวรกันถึงสามกลุ่มแล้ว แต่เมื่อครู่คนพวกกลับถอนตัวไปจนหมด ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด เส้นทางที่พวกเราเข้าไปเมืองลั่วเหยียนต่อจากนี้คงไม่สงบเสียแล้ว!” เจียงิ่กล่าวเตือนเสียงเบาราวกระซิบ
“เ้าพูดจริงหรือ?” สีหน้าของลั่วถูเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน หลายวันมานี้ตลอดการเดินทางราวกับพวกเขาออกมาท่องเที่ยวชมนกชมไม้เสียด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ดูจะเข้าใจกันมากขึ้น เขาเริ่มหลงใหลสตรีโฉมงามแถมยังขี้หึงหวงตรงหน้านี้เข้าเสียแล้ว ที่จริง่หลายวันมานี้เจียงิ่อ่อนโยนมาก แถมยังทำให้ลั่วถูต้องใอยู่บ่อยครั้งเสียด้วย นางนำสัตว์ป่าที่ล่าได้มาปรุงเป็อาหารรสเลิศ ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน มีสตรีนางหนึ่งคอยปรนนิบัติอย่างว่าง่าย ช่างเป็เื่ที่น่าเพลิดเพลินเสียยิ่งกว่าอะไรดี ถึงทั้งคู่จะไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่อย่างใด ทว่าการได้อยู่ด้วยกันอย่างเข้าอกเข้าใจกันเช่นนี้ก็ทำให้คนเรารู้สึกอบอุ่นใจได้แล้ว ชวนให้ลั่วถูหวนนึกถึงน้องสาวของเขา ทว่ากลับไม่เหมือนพี่ชายและน้องสาวเสียทีเดียว เพราะบางครั้งเจียงิ่ก็มีมุมที่เหมือนกับพี่สาว เข้มงวด เอาแต่ใจแต่ก็ละเอียดรอบคอบ... ถึงบางครั้งจะดูแล้วเหมือนทำอะไรไม่ได้เื่ จนดูเหมือนกับพี่สาวจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาลั่วถูแทบไม่้าอะไรมากไปกว่านี้แล้ว บางครั้งเขาก็หวังว่าเส้นทางนี้จะดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดตลอดไป หลังจากบิดามารดาของเขาหายตัวไป เขาก็ไม่เคยได้ััความอบอุ่นเช่นนี้อีกเลย
“เ้าก็รู้ว่าข้ามีพร์ด้านการติดตามคนที่คิดอยากจะตามได้ ดังนั้นสำหรับเื่การสะกดรอย ข้าไม่มีทางคิดไปเองแน่นอน!” เจียงิ่ตอบกลับอย่างมั่นใจ
“เช่นนั้นก็ดี เ้าต้องระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เ้าจงหนีไปก่อนเสีย ข้าจะตามเ้าไปทีหลัง!” ลั่วถูกล่าวเตือนอย่างระมัดระวัง จากนั้นเร่งควบม้าไปด้านข้างของว่านเจียฉาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้