“เป็การกระทำที่เหลวไหลสิ้นดี!”
“รังแกคนแล้ว”
“ขนาดแม่ม่ายบุตรกำพร้าก็ยังทำกันได้ลงคอ”
“ชู่ นี่เป็ความแค้นเก่าของเมื่อหลายปีก่อน เฉิงจือหย่วนไม่ยอมอยู่บ้านรองในฐานะบุตรชายคนโตดีๆ ดัน้าแยกบ้านกับแม่เลี้ยงไปอยู่ที่ห่างไกล บัดนี้…”
บัดนี้เฉิงจือหย่วนสิ้นชีพแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงแม่ม่ายบุตรกำพร้าที่ย่อมต้องเชื่อฟังนางจูผู้เป็มารดาเลี้ยงเป็ธรรมดา
เมื่อสิบเก้าปีก่อน เฉิงจือหย่วนแตกหักกับนางจูผู้เป็มารดาเลี้ยง เชิญผู้าุโในตระกูลเฉิงมาช่วยตัดสินเื่แยกบ้าน หลังจากนั้นก็พาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานไปจากอำเภอหนานอี๋ด้วยกัน พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบเก้าปีแล้ว ไม่ได้กลับมาอีกเลย
เื่เก่าเหล่านี้ยังคงฝังใจเหล่าเพื่อนบ้านรอบข้าง
ทุกครอบครัวล้วนมีปัญหาของตัวเอง เื่ของบ้านรอง พวกเขาไม่อาจไปยุ่งด้วยได้
แต่เฉิงจือหย่วนสิ้นใจจากไปในต่างถิ่น กลุ่มแม่ม่ายบุตรกำพร้าเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิด นางจูมารดาเลี้ยงกลับปิดประตูไม่ออกมา ไม่ยินยอมให้โลงศพเข้าบ้าน นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ
คนประเภทนี้ เพียงเพราะบุตรชายที่คลอดออกมาได้เป็ข้าหลวงประจำเมืองก็ถูกเรียกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าจู” ช่างไม่ควรค่ายิ่งนัก!
ใบหน้าเหลืองซูบเซียวของเฉิงชิงช่างดูน่าสงสาร นางหลิ่วและบุตรสาวทั้งสามที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นได้ปลุกความสงสารขึ้นในใจของเหล่าเพื่อนบ้านอย่างยิ่ง ชายชราซึ่งก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับเฉิงชิงก็ยิ่งทวีความโกรธเคือง
“เ้าหนุ่มแซ่เฉิง เ้าอย่ากลุ้มใจไปเลย ตระกูลเฉิงเป็ตระกูลใหญ่ของหนานอี๋ เป็ตระกูลที่ยึดถือความซื่อสัตย์เที่ยงตรง มีกฎระเบียบเคร่งครัด ย่อมไม่ใช่คนประเภทที่จะสามารถทำเื่ไร้ยางอายได้เป็แน่ ผู้นำตระกูลเฉิงของพวกเ้าก็ไม่ใช่คนของบ้านรอง ย่อมต้องมีคนมาช่วยพวกเ้าทวงคืนความยุติธรรมแน่นอน!”
ชายชราผู้นี้เป็คนจิตใจโอบอ้อมอารี ด้วยเกรงว่าเฉิงชิงอายุยังน้อยไม่รู้ความ จึงช่วยชี้ทางสว่างให้แก่เขา
เฉิงจือหย่วนกับมารดาเลี้ยงเพียงแค่แยกบ้านเท่านั้น หาได้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไม่ เฉิงชิงสามารถไปขอร้องให้ผู้นำตระกูลเฉิงมาช่วยตัดสินพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของบ้านรองได้!
เหล่าเพื่อนบ้านต่างแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทยอยเสนอความคิดของตนเอง
บางคนใจกล้าเดินขึ้นหน้ามาเคาะห่วงเหล็กบนบานประตูใหญ่ของบ้านรอง ด้วยหวังเรียกคนบ้านรองที่แกล้งตายอยู่ให้ออกมา
บางคนอำนวยความสะดวกด้วยการวิ่งไปเชิญผู้นำตระกูลเฉิง
เฉิงชิงรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
ตัวนางเองตั้งใจปลุกระดมความคิดเห็นของผู้คน แต่พอความคิดเห็นของผู้คนถูกปลุกระดมตามความตั้งใจของนางแล้ว นางพลันจิตใจสับสนวุ่นวายขึ้นมาอีก
ก่อนหน้าที่จะทะลุมิติข้ามเวลามา นางมีชีวิตอยู่ในสังคมยุคปัจจุบัน
สังคมยุคปัจจุบันล้วนพัฒนาอย่างมากในทุกๆ ด้าน แต่ผู้คนกลับเ็าใส่กัน กระแสนิยมของสังคมก็ถดถอยลง แม้แต่คุณยายที่หกล้มตรงทางม้าลาย คนทั่วไปก็ไม่เข้าไปช่วยประคองแล้ว!
ทว่าเพื่อนบ้านเหล่านี้ นางพบหน้าเป็ครั้งแรกแต่กลับกระตือรือร้นช่วยเหลือ เป็สิ่งที่เหนือความคาดหมายของนาง
“ขอบคุณขอรับท่านผู้เฒ่า!”
เฉิงชิงกล่าวขอบคุณ
ด้านนอกเสียงดังเอะอะ คนของบ้านรองก็ไม่สามารถแกล้งตายได้แล้ว เสียงผลักบานประตูใหญ่อันหนาหนักดังเอี๊ยดขึ้นมาจากด้านใน ข้ารับใช้ชายหญิงรูปร่างกำยำหลายคนปรากฏตัวออกมา แม้จะไม่ได้ลงมือกับเฉิงชิง แต่ท่าทีนั้นก็แสดงถึงความไม่เกรงใจ
ชายไว้หนวดเคราสวมชุดคลุมผ้าไหมผู้หนึ่งเดินออกมา ใบหน้าดูมีสง่าราศี ดวงตาเปล่งประกาย เพียงแค่มองดูก็รู้แล้วว่าไม่ควรไปยั่วยุ
สายตาของเขามองมาไปยังโลงศพก่อน แล้วจึงมองพวกนางหลิ่ว จากนั้นกวาดตามองบนร่างของเฉิงชิง ไม่ได้หยุดสายตาไว้ที่ใดนานเกินไป กลับประสานมือไปยังชายชราที่ออกหน้าแทนเฉิงชิง
“ท่านเศรษฐีเฒ่าเหอ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เศรษฐีเฒ่าเหอแค่นเสียงฮึ “คุณชายสามเฉิง เ้าอย่าได้เสแสร้งแกล้งโง่อยู่เลย ภรรยาม่ายพร้อมทั้งบุตรชายหญิงของพี่ใหญ่เ้าล้วนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เ้ายังจะแกล้งทำเป็ไม่เห็นโลงศพที่วางอยู่บนถนนอีกหรือ!”
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือเฉิงจือซู่แห่งบ้านรอง มีศักดิ์เป็น้องชายต่างมารดาของเฉิงจือหย่วน เฉิงชิงต้องเรียกขานว่าท่านอาสาม
นางหลิ่วรู้จักแค่เพียงการร่ำไห้ เฉิงชิงไม่เชื่อมั่นในหยาดน้ำตา นางเชื่อมั่นเพียงการวางแผนของตนเองเท่านั้น
ไม่ง่ายเลยที่จะนำตัวคนบ้านรองออกมาได้ เฉิงชิงไหนเลยจะคิดว่าเฉิงจือซู่จะละเลยนาง
“หลานน้อยเฉิงชิงคารวะท่านอาสาม!”
เฉิงจือซู่มองเขาด้วยสายตาเ็า
“เ้ามีธุระอะไร?”
เฉิงชิงหันไปคำนับทางโลงศพ “หลานรู้ดีว่าท่านพ่อที่จากไปและท่านย่าเลี้ยงได้แยกบ้านกันไปนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีความคิดที่จะมาเรียกร้องเอาทรัพย์สมบัติของบ้านรอง และไม่ได้หวังเกลี้ยกล่อมให้บ้านรองมาหยิบยื่นความช่วยเหลือเื่เงินทอง คิดแต่เพียงจัดงานศพที่บ้านเดิม ให้โลงศพของบิดาที่จากไปได้ถูกฝังในสุสานบรรพชนตระกูลเฉิง กลับคืนสู่ผืนดินอย่างสงบ!”
หากเป็สังคมยุคปัจจุบัน จะมีเื่ยุ่งยากแบบนี้ได้อย่างไร คนตายไปแล้วเผาเสร็จก็กลายเป็ขี้เถ้าหนึ่งกำมือ เพียงแค่มีเงิน มีสุสานใดบ้างที่ซื้อไม่ได้?
หากทัศนคติเปิดกว้างขึ้นมาอีกหน่อย แม้กระทั่งสุสานก็ไม่จำเป็ต้องซื้อ เอาเถ้ากระดูกไปโปรยที่แม่น้ำท้องทะเลเลยก็เป็อันเสร็จสิ้น
ทว่านี่คือยุคโบราณ
หากไม่สามารถฝังร่างในสุสานบรรพชน นั่นหมายถึงการต้องกลายเป็ิญญาเร่ร่อนไร้ญาติขาดมิตร พวกนางหลิ่วไม่มีทางยอมรับได้อย่างแน่นอน
ความอาลัยอาวรณ์ของ ‘เฉิงชิง’ คือนางหลิ่ว และนางก็ไม่ยินยอมให้นางหลิ่วเสียใจ
นอกจากนั้น เฉิงจือหย่วนเดิมก็เป็ลูกหลานตระกูลเฉิง โลงศพของเขาจะฝังอยู่ในสุสานบรรพชนตระกูลเฉิงก็นับว่าเป็เื่ที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม!
จะจัดพิธีศพที่บ้านรองซึ่งเป็บ้านเดิมก็ยังนับว่าถูกต้องตามประเพณี ถึงแม้ว่าบ้านเดิมในปัจจุบันจะเป็นางจูที่รับหน้าที่ดูแล แต่สุดท้ายแล้วเรือนนี้ก็ไม่ใช่สินเดิมของนางจู แต่เป็มรดกจากบรรพบุรุษของบ้านรอง ซึ่งปู่เทียดของเฉิงชิงเป็ผู้ต่อเติม
เฉิงจือหย่วนเป็ลูกหลายสายตรงของบ้านรอง หากเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะจัดพิธีศพในบ้านเดิม นางจูและบุตรชายทั้งสองก็ไม่ควรมีคุณสมบัติแม้แต่จะอาศัยอยู่ที่นี่!
เฉิงชิงที่กะปลกกะเปลี้ย ร่างกายบอบบางน่าสงสาร ไม่ได้ะเือารมณ์เฉิงจือซู่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเรียกเขาด้วยรอยยิ้มเย็นะเื
“เ้าคือเฉิงชิงใช่หรือไม่ เห็นแก่ความเป็พี่น้อง เดิมข้ายังตั้งใจจะไว้หน้าบิดาของเ้าเสียหน่อย จึงเพียงปิดประตูไม่ต้อนรับ คิดว่าพวกเ้าคงจะเข้าใจท่าทีของบ้านรองแล้วจากไปโดยดี แต่เ้ากลับดึงดันที่จะโหวกเหวกโวยวายส่งเสียงดังเช่นนี้ ทั้งยังดึงเพื่อนบ้านมาช่วยเรียกร้องความเป็ธรรมให้แก่พวกเ้าแม่ลูก นับว่าเ้าเล่ห์ไม่น้อย… ในเมื่อเ้า้าเช่นนี้ ก็อย่ามาโทษว่าคำพูดของข้าไร้ความปรานี!”
เศรษฐีเฒ่าเหอทนฟังไม่ได้ “คุณชายสามเฉิง เขาเป็บุตรชายเยาว์วัยที่พี่ใหญ่ของเ้าทิ้งเอาไว้ เหตุใดเ้าถึงต้องข่มขวัญเช่นนี้?”
“ใช่สิ ญาติสนิทชิดเชื้อกันแท้ๆ …”
“คนเป็ผู้าุโ ย่อมต้องมีความรักและเมตตาแบบผู้าุโ”
“แม่ม่ายบุตรกำพร้าช่างน่าสงสารเสียจริง!”
“พ่อหนุ่มเฉิงได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว กลับมาบ้านเดิมครั้งนี้ไม่ใช่เพราะ้าทรัพย์สินเงินทอง เพียง้าฝังศพบิดา ไยคุณชายสามต้องบีบคั้นคนด้วย”
ผู้คนจำนวนมากช่วยพูดให้เฉิงชิง
ถ้าให้ต่อสู้เพียงลำพัง บรรดาเพื่อนบ้านต่างเกรงกลัวอิทธิพลของตระกูลเฉิง แต่พอได้มารวมตัวกัน กลับมีความกล้าที่จะสงสัยและกล่าวโทษแล้ว อย่างไรเสีย เฉิงจือซู่ก็เป็ตัวแทนของความไร้เหตุผลของบ้านรอง!
นางหลิ่วกอดบุตรสาวทั้งสามเกาะโลงร่ำไห้กันยกใหญ่ เหล่าเพื่อนบ้านยิ่งกล่าวโทษความเืเย็นของเฉิงจือซู่
เฉิงจือซู่เหลือบตามองดูเฉิงชิง
ต่อให้เ้าเด็กนี่จะฉลาดเพียงใด น่าเสียดายที่สุดท้ายก็เป็เพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง
พี่ใหญ่เฉิงจือหย่วนรับตำแหน่งอยู่ที่อำเภอเจียงหนิงซึ่งอยู่ห่างไกลกับอำเภอหนานอี๋ คิดว่าคนที่อยู่หนานอี๋ทางนี้จะไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลยหรือ?
ถึงแม้เดิมทีจะไม่รู้ ผ่านไปสามเดือน ไม่ว่าข่าวอะไรก็มาล้วนถึงหมดแล้ว
ทันใดนั้น เฉิงจือซู่ก็เอ่ยเสียงดัง “พี่ใหญ่จากบ้านไปสิบกว่าปี ไม่เคยส่งจดหมายกลับมาบ้านรอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของขวัญคารวะวันปีใหม่ มารดาเลี้ยงจะอย่างไรก็คือมารดา พี่ใหญ่ทำเช่นนี้ถือว่าอกตัญญู!”
“แยกบ้านไปสิบเก้าปี พี่ใหญ่รับราชการอยู่ด้านนอก ั้แ่เป็นายทะเบียนขั้นเก้า เรื่อยมาจนเป็นายอำเภอขั้นเจ็ด ไม่ใช่เพียงเพราะความเพียรพยายามของเขาเพียงผู้เดียว แต่ยังเป็เพราะราชสำนักให้ความไว้วางใจในตัวเขาจึงเลื่อนตำแหน่งให้”
“ปีที่แล้วภายในเมืองเหอไถเกิดอุทกภัย งบประมาณที่ราชสำนักจัดสรรลงมาเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัยถูกขุนนางเมืองเหอไถยักยอกต่อกันเป็ทอดๆ เหลือถึงมือผู้ประสบภัยเพียงหนึ่งถึงสองส่วน โอรส์พิโรธนัก ส่งข้าหลวงใหญ่ผู้แทนพระองค์มาตรวจสอบคดีนี้… พี่ใหญ่เฉิงจือหย่วนเป็นายอำเภอเจียงหนิง เมืองเหอไถ ก่อนหน้าที่ข้าหลวงใหญ่ผู้แทนพระองค์จะมาถึงอำเภอเจียงหนิงได้หนึ่งวัน เขาแขวนคอตายหนีความผิด ณ ที่ว่าการอำเภอ นี่ถือว่าเป็ความละอายใจต่อความไว้วางใจของราชสำนัก ถือเป็การไม่จงรักภักดี!”
“ยักยอกงบช่วยเหลือภัยพิบัติ ผู้ประสบภัยาเ็ล้มตายมากมาย ใครกันที่ยักยอกเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ใครกันที่ปฏิบัติต่อผู้ประสบภัยนับพันนับหมื่นคนอย่างไร้คุณธรรม!”
ชาวบ้านรอบทิศเงียบสงัด เฉิงจือซู่เอ่ยถามกลับเฉิงชิงด้วยเสียงอันดังกังวาน
“เฉิงชิงหลานน้อย ไหนเ้าว่ามาซิ คนที่ไม่จงรักภักดี ไร้คุณธรรม อกตัญญู บ้านรองจะให้โลงศพของเขาเข้าประตูมาได้อย่างไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้