เย่เฟิงวิ่งไปยังตรอกเล็กและเห็นคนคนหนึ่งวิ่งสวนออกมาด้วยความตื่นกลัว
“นั่นแกเหรอ เถียนโหย่วเลี่ยง?” เมื่อเย่เฟิงเห็นร่างนั้นชัดเจนก็ทราบข้อมูลของอีกฝ่ายจากความทรงจำของเย่เฟิงคนก่อนทันที
ในโรงเรียนมัธยมปลายของเขา เถียนโหย่วเลี่ยงชอบเที่ยวเล่น ใช้เงินเก่ง ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างร่ำรวย มักจะตามตื๊อซูเมิ่งหานทั้งวัน ไม่เพียงเพราะเธอสวยแต่เป็เพราะฐานะครอบครัวของเธอด้วย แม้แต่ในเมืองเยี่ยนจิงที่มีเศรษฐีจำนวนมากอาศัยอยู่ทุกหนแห่ง ตระกูลของซูเมิ่งหานก็ยังสามารถติดอันดับต้นๆ ได้
ผมมันวาวและแจ็กเกตหนังสีดำทำให้เถียนโหย่วเลี่ยงดูเหมือนนักเลง แต่ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในสภาพย่ำแย่
“เย่เฟิง?” เถียนโหย่วเลี่ยงทั้งกลิ้งทั้งคลานออกมา เด็กหนุ่มตกตะลึงเมื่อเห็นเย่เฟิง เพราะก่อนหน้านี้เขาพาเทพธิดาในใจซูเมิ่งหานตามหาอีกฝ่ายในย่านบาร์มาครึ่งชั่วโมง คิดไม่ถึงว่าจะเจอฝ่ายตรงข้ามที่นี่ แต่โชคร้าย ตอนนี้ซูเมิ่งหานถูก ‘แก๊งอสรพิษ์’ ดักทางไว้ คงต้องบอกว่าโชคร้ายมากกว่าดี
หากเป็นักเลงทั่วไป เถียนโหย่วเลี่ยงคงกล้าสู้ด้วย แต่สำหรับ ‘เเก๊งอสรพิษ์’ ต่อให้เป็พ่อของเขาก็ไม่กล้าลองดีด้วย ว่ากันว่าคนที่กล้าลองดีกับแก๊งนี้ไม่มีจุดจบที่ดีแน่
เมื่อเห็นเทพธิดาของตนตกอยู่ในวงล้อมของขี้เมาทั้งสี่คนนั้น แม้จะไม่พอใจ แต่อย่างไรชีวิตของเขาย่อมสำคัญกว่า เถียนโหย่วเลี่ยงไม่มีอารมณ์สนใจคนตรงหน้า เพราะกลัวคนขี้เมาพวกนั้นจะไล่ตามมา หลังจากเจอเย่เฟิงก็รีบวิ่งออกจากซอยลับตาไปอย่างรวดเร็ว
“ดูท่าจะอันตรายจริงๆ แฮะ…” เย่เฟิงมองเเผ่นหลังของอีกฝ่ายขณะวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล เขาคิดชั่วครู่ จากนั้นหยิบอิฐครึ่งก้อนที่อยู่บนพื้น ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในร่างที่ไร้วรยุทธ์อย่างสิ้นเชิงจึงไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่าม
เย่เฟิงเดินอย่างไร้ซุ่มเสียงไปมุมหนึ่งของตรอก ค่อยๆ ชะโงกหน้ามองก่อนหัวเราะในใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเห็นชายขี้เมากล้ามเป็มัดสี่คน แต่ละคนสูงร้อยแปดสิบร้อยเก้าสิบเิเ มีรอยสักรูปงูตรงข้อมือ นั่นคงเป็สัญลักษณ์ของแก๊งอสรพิษ์ พวกเขาขวางดาวโรงเรียนที่ชื่อซูเมิ่งหานและจะทำมิดีมิร้ายเธอ ชายหนุ่มดีใจที่พวกมันต่างหันหลังให้เขา
“เฮ้ ไอ้หลานชาย!” เย่เฟิงวิ่งเข้าไปพร้ะโกนเสียงดัง จากนั้นขว้างอิฐที่หยิบมาสุดแรงเกิด
…………
ซูเมิ่งหานใกล้ร้องไห้เต็มที ตอนนี้เธอเสียใจอย่างยิ่งที่ตัดสินใจตามเ้าโรคจิตเข้ามาในย่านบาร์ และยิ่งเกลียดคนที่นำทางให้เธอมาเจอกับเื่บ้าๆ หลังจากเข้ามาในย่านบาร์ เธอพบเถียนโหย่วเลี่ยงที่มักตามตื๊อเธอในชั้นเรียน เขาบอกว่าตัวเองชำนาญพื้นที่แถบนี้และช่วยหาเย่เฟิงได้ แต่เมื่อเดินมาใกล้ซอยเล็กนี่ พวกเธอก็ชนชายขี้เมาที่มาจากแก๊งอสรพิษ์ เมื่อพวกมันเห็นความงามของเธอจึงเกิดความคิดอกุศล
เถียนโหย่วเลี่ยงเห็นคนพวกนี้ก็กลัวจนฉี่ราด ทิ้งเธอไว้ แล้วหนีไปไม่เหลียวหลังอย่างคนขี้ขลาด พลางคิดแค้นที่ตัวเองไม่มีสี่ขาให้วิ่งได้เร็วเหมือนสุนัข
เวลานี้ดวงตาของชายขี้เมาทั้งสี่คนปรากฏแววชั่วร้าย กลิ่นเหล้าเหม็นโชยจากตัว พวกมันล้อมหญิงสาวพลางมองเธอราวกับแกะขาวตัวน้อยที่ถูกตัดขนออก
ซูเมิ่งหานได้แต่ะโขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง ในที่แบบนี้จะมีใครมาช่วยเธอได้? ต่อให้เธอร้องจนตายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี หญิงสาวกำมีดที่ซ่อนอยู่ในกระโปรงแน่นและตัดสินใจสู้สุดชีวิต ทันใดนั้นเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง
“เฮ้ ไอ้หลานชาย!” ถ้อยคำยั่วยุดึงความสนใจของเหล่าชายขี้เมาทันที
“ขยะที่ไหนบังอาจขัดเื่ดีๆ ของข้า…” หนึ่งในนั้นร้องด่าพลางหันหลังไป แต่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกก้อนอิฐที่เย่เฟิงขว้างมากระแทกใบหน้าอย่างจัง
อิฐครึ่งก้อน!
การกระแทกครั้งนี้เรียกเืจากใบหน้าของชายคนนั้น จนเขาทนเจ็บไม่ไหวลงไปนอนโอดโอยบนพื้น
แม้ตอนนี้แรงของเย่เฟิงจะไม่มากนัก แต่ในฐานะผู้ฝึกวิถีเซียน ความเข้าใจและการใช้พลังย่อมเกินกว่าคนทั่วไปจะเอื้อมถึง มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ ถ้าเป็คนอื่น ไม่ต้องพูดถึงการทำให้ฝ่ายตรงข้ามเืนองเต็มหน้า อิฐก้อนนั้นยังไม่แน่ว่าจะโดนเป้าหมายด้วยซ้ำ
ชายขี้เมาอีกสามคนนิ่งอึ้ง ซูเมิ่งหานก็ไม่ต่างกัน
“เธอยังไม่รีบวิ่งหนีอีก?” เย่เฟิงไม่ลังเล ฉวยโอกาสที่ชายทั้งสามยังอึ้งอยู่ คว้ามือซูเมิ่งหานหนีทันที หากคนพวกนี้ไม่เมาและมีสติครบถ้วน อย่าพูดถึงช่วยคนเลย เย่เฟิงเองก็อาจไม่รอด เมื่อคนเราดื่มเหล้า การประมวลความคิดจะช้าลง กว่าจะรู้ตัวอีกที เย่เฟิงก็พาซูเมิ่งหานหนีไปไกลสิบกว่าเมตรแล้ว
ในที่สุดหนึ่งในพวกนั้นก็ได้สติแล้วเริ่มตรวจสอบอาการาเ็ของชายที่โดนปาอิฐใส่หน้า ส่วนอีกสองคนวิ่งตามพวกเย่เฟิง “ไอ้เด็กเวร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ถ้าฉันไล่จับคน คงไม่พูดไร้สาระแบบนี้หรอก” รอยยิ้มดูถูกปรากฏบนใบหน้าเย่เฟิง ขณะดึงมือของซูเมิ่งหานวิ่งหนี หลังจากเลี้ยวไม่กี่รอบก็มาถึงถนนเส้นหลักของย่านบาร์
เมื่อซูเมิ่งหานเห็นถนนเต็มไปด้วยผู้คนก็ดีใจจนเกือบร้องไห้ ถึงอย่างนั้นชายขี้เมาสองคนยังไล่ตามพวกเขา ท่าทางจะกล้าทำร้ายคนในย่านบาร์ ทำให้พวกเธอต้องรีบหนีอีกครั้ง
“เธอนี่วิ่งช้าจริงๆ ให้ตายเถอะ” เย่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนตัดสินใจรวบเอวซูเมิ่งหานเพื่ออุ้มเธอ ร่างนุ่มและหอมกลิ่นดอกไม้ของหญิงสาวเข้ามาในอ้อมอกของเย่เฟิง ไม่เพียงความเร็วของเขาจะไม่ลดลงแต่ยังวิ่งได้เร็วขึ้นอีกต่างหาก ระยะห่างระหว่างพวกเขากับฝ่ายตรงข้ามจึงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ผู้คนในย่านบาร์ล้วนหันมองอย่างสนใจ “แม่มันเถอะ! ไอ้เด็กเวรนั่นวิ่งเร็วโคตร”
หลังจากเห็นเย่เฟิงอุ้มซูเมิ่งหานหนีห่างออกไป พวกมันจึงเลิกไล่ตามพร้อมถุยน้ำลายลงพื้นแล้วบ่น “ช่างมันเถอะ ทำพี่เถี่ยขนาดนั้นไอ้เด็กเวรนั่นตายแน่”
ด้วยอิทธิพลของแก๊งอสรพิษ์ การค้นประวัติของเย่เฟิงและซูเมิ่งหานย่อมง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
…………
“วางฉันลงได้แล้ว!” หลังจากหนีออกจากย่านบาร์และพ้นอันตรายแล้ว ซูเมิ่งหานก็เริ่มดิ้น ความเร็วเมื่อกี้ทำให้ความรู้สึกค้างอยู่เล็กน้อย ั้แ่เล็กจนโต หญิงสาวไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนััตัวเองแม้แต่น้อยนอกจากพ่อ เธอไม่คิดเลยว่าวันนี้นอกจากเย่เฟิงจะเห็นร่างเปลือยของเธอแล้ว เขายังฉวยโอกาสกับเธออีก ทำให้เธอโมโหมาก
เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น จึงปล่อยตัวเธอทันที
“อ๊ะ!” ซูเมิ่งหานร่วงลงพื้นถนนและร้องด้วยความเ็ป เธอสาปแช่งเย่เฟิงในใจ ทำไมไอ้หมอนี่ถึงป่าเถื่อนอย่างนี้นะ?
หญิงสาวจับเสาไฟเพื่อลุกขึ้นพลางจ้องเย่เฟิงอย่างแค้นเคือง ภายใต้แสงไฟสลัวยามค่ำคืน เรือนร่างของซูเมิ่งหานดูเปล่งประกายภายใต้ชุดกระโปรงขาวราวหิมะ ใบหน้ารูปไข่ของเธอดูน่าหลงใหล ผู้หญิงคนนี้เหมาะกับตำแหน่งดาวโรงเรียนจริงๆ
เมื่อมองซูเมิ่งหาน เย่เฟิงอดนึกถึงความรู้สึกยามโอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดไม่ได้ โดยเฉพาะความนุ่มนิ่มของหน้าอกเธอยามัักับอกของเขา ทำให้ชายหนุ่มคิดถึงอาจารย์ของตน หญิงสาวแสนสวยยากจะหาใครเทียบซึ่งรู้จักกันในนาม ‘เทพธิดาน้ำแข็ง’ ในโลกเทวะ ไม่รู้ตอนนี้อาจารย์ของเขาเป็อย่างไรบ้าง
“อาจารย์คงถูกพวกอสูรจับไปเเล้ว…” เย่เฟิงคิดเื่นี้อีกครั้ง น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาอยู่อีกโลกที่ต่างออกไปและไม่สามารถทำอะไรได้ ความจริงระดับวรยุทธ์ของอาจารย์สูงกว่าเขานับสิบเท่า ต่อให้เขายังอยู่ที่ถ้ำเพลิงเมฆา ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก พอนึกถึงเื่นี้เขาต้องรีบหาสถานที่บ่มเพาะพลังเพื่อหาทางกลับไปโลกนั้น
ขณะชายหนุ่มเดินจากไป เสียงโกรธเกรี้ยวของซูเมิ่งหานก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้