ในเวลานั้นเวินซีได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากด้านนอกอยู่นานแล้ว ในที่สุดนางก็เดินออกมาอย่างไม่เร่งรีบ และยืนอยู่หน้าสตรีผู้นั้น “ท่านป้าผู้นี้ ท่านบอกว่าบุตรสาวของท่านใช้ยาเม็ดผิวงามของเราจนเกิดเื่ ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”
สตรีผู้นั้นร้องไห้โอดครวญ “ศพของนางไม่นับว่าเป็หลักฐานอย่างนั้นหรือ?”
เวินซีแสยะยิ้ม “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านมิได้จงใจมาใส่ร้ายข้าน่ะ?”
หากจะพูดกันตามจริง แม้ว่าจะใช้ยาผิวงามของนางแล้วทำให้หน้าพัง แต่การตายของเด็กสาวผู้นี้ก็ไม่ทำให้เวินซีได้ประโยชน์อันใด นางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่วนได้เสียกับชีวิตของผู้อื่น การที่สตรีนางนี้เข้ามาใส่ร้ายก็คงหวังอยากจะได้เงิน
“โเี้ไร้จิตใจจริงๆ ทุกคนมาดูเร็วสิ!” เมื่อสตรีผู้นั้นได้ยินที่เวินซีพูดมาก็พลันร้องเสียงดังทันที
“บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า ใช้ยาผิวงามของเ้าจึงพบกับจุดจบเช่นนี้ เ้าไม่ยอมรับก็เกินพอแล้ว ยังหาว่าข้าใส่ร้ายเ้าอีก ทุกคนช่วยบอกข้าหน่อยสิเ้าคะ ทั่วหล้านี้มีที่ใดยอมรับเหตุผลเช่นนี้กัน?”
สตรีผู้นั้นร้องไห้อย่างน่าสงสารจับใจ บวกกับที่บุตรสาวของนางเพิ่งจะเสียชีวิตไป ขณะนี้ใจของทุกคนย่อมเอนเอียงไปที่นางเป็ธรรมดา
คุณหนูซุนในฐานะบุตรสาวของเ้าอำเภอย่อมทนดูต่อไปมิได้ “เก่งจริงนะเ้า ข้ายังอยู่ที่นี่ทั้งคน เ้ายังกล้าปฏิบัติต่อท่านป้าเช่นนี้ หากให้ร้านค้าของเ้าดำเนินกิจการต่อไป จะไม่ถือว่าเป็การทำลายชื่อเสียงของท้องถิ่นเราหรือ!”
“เข้ามา ทุบร้าน!”
“ช้าก่อน” เวินซีกล่าว “ข้ารู้ว่าคุณหนูซุนทนเห็นเื่อยุติธรรมมิได้ แต่ในคราที่บิดาของท่านตัดสินคดี เขาจำต้องรู้เื่ราวให้ชัดเจนก่อนมิใช่หรือเ้าคะ?”
คุณหนูซุนหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองสตรีที่ยังร้องไห้อยู่
“จะฟังเื่ราวจากนางเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ฟังข้าเลยไม่ได้นะเ้าคะ”
เป็เพราะว่าเวินซีได้เอ่ยถึงบิดาของนาง คุณหนูซุนจึงไม่อาจให้คนมาทุบร้าน “ก็ได้ ข้าล่ะอยากเห็นยิ่งนักว่าเ้ายังมีสิ่งใดให้เล่นลิ้นได้อีก!”
เวินซีแสยะยิ้มพลันใช้สายตาเ็าก้มลงมองสตรีที่ร้องไห้อยู่ จากนั้นเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เื่แรก ท่านบอกว่าบุตรสาวของท่านใช้ยาเม็ดผิวงามของเราจนหน้าพัง เพียงแค่วิธีการใส่ร้ายเรานี้ท่านก็พูดผิดแล้ว”
ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา เมื่อได้ยินเช่นนั้น สตรีผู้นั้นก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมาอีก
“ทุกคนต่างทราบกันดีว่ายาเม็ดผิวงามของเราเพิ่งจะออกขายเมื่อวาน บุตรสาวของท่านไปนำยามาจากที่ใดกัน?”
ในฝูงชนมีคนที่มาที่ร้านเมื่อวานด้วย จึงพากันพยักหน้า
สตรีผู้นั้นกลอกตาพลันเอ่ยปากขึ้น “เป็เ้าเองที่ขายให้นางเป็การส่วนตัว!”
“มีหลักฐานหรือไม่?”
นางจะไปเอาหลักฐานมาจากที่ใดกัน นางนึกว่าแค่อุ้มศพเด็กสาวมานั่งโวยวายที่นี่ก็สามารถยัดข้อหาการเป็อาชญากรให้อีกฝ่ายได้แล้วนี่?
“ข้า...ในเมื่อเ้าขายให้บุตรสาวข้าเป็การส่วนตัว เช่นนั้นข้าจะเอาหลักฐานจากที่ใดกัน?”
“ไม่มีหลักฐานจึงอุ้มศพมาโวยวายที่ร้านข้า แม้ว่าบุตรสาวของท่านจะตายไปแล้ว นางน่าสงสารก็จริง แต่เื่นี้เกี่ยวอันใดกับข้าด้วย?” เวินซีหันกลับไปมองลูกค้าทุกคนอีกคราแล้วเอ่ยว่า “สตรีผู้นี้อุ้มศพมาโวยวายว่ายาผิวงามของข้าทำให้บุตรสาวของนางเสียโฉม แต่เมื่อข้าขอหลักฐาน นางกลับให้ข้ามิได้”
เวินซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอีก “เื่มันก็เหมือนกับว่าบ้านของท่านเลี้ยงไก่ ท่านขายไข่ แต่จู่ๆ ก็มีคนนำไข่มา โวยวายว่าไข่ที่ท่านขายทำให้บุตรชายติดคอตาย แต่ความจริงท่านไม่เคยขายไข่ให้เขามาก่อน เื่แบบนี้จะให้ยอมรับได้อย่างไร?”
“ทุกท่านวางใจได้เลยเ้าค่ะ หากเป็ยาผิวงามที่ขายจากร้านข้า บนยาทุกเม็ดจะมีการทำสัญลักษณ์ หากใช้ยาจากร้านข้าแล้วเกิดปัญหาจริงๆ เวินซีผู้นี้ไม่มีทางปัดความรับผิดชอบ ข้าจะชดใช้ให้ร้อยเท่า!”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่รู้สึกโกรธเพราะสถานการณ์พาไปก็พลันได้สติกลับมา โดยเฉพาะคุณหนูซุน เมื่อเห็นว่าสตรีผู้นั้นยังคงร้องโวยวาย นางจึงเอ่ยว่า “ดีจริง ท่านไม่มีหลักฐาน เอาแต่พูดว่ายาเม็ดของร้านนี้มีปัญหา เช่นนั้นก็กลับไปที่อำเภอกับข้า ให้บิดาข้าหาหลักฐานให้ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสตรีนางนั้นก็ลังเล แต่เมื่อคิดถึงเงินสกปรกที่ตนเองรับมาแล้วจึงฮึดสู้ขึ้นมา ถึงอย่างไรก็มีคนหนุนหลังอยู่ จะกลัวสิ่งใด
“ไปก็ไป!”
สตรีผู้นั้นนอนร้องไห้บนศพ “บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า แม่จะต้องเรียกคืนความยุติธรรมให้เ้าจงได้!”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเมื่อได้เห็นสภาพของนางก็รู้สึกสงสาร นี่ดูไม่เหมือนการแกล้งทำเลย? ยาผิวงามมีปัญหาจริงๆ หรือไม่กัน! เพื่อที่จะสืบสวนหาความจริง ผู้คนที่คอยดูเหตุการณ์อยู่ก็พากันไปที่อำเภอด้วย
เ้าอำเภอเปิดคดี เขาถามถึงต้นสายปลายเหตุของเื่ เมื่อฟังที่สตรีนางนั้นเล่าจนจบอย่างฟูมฟาย เขาก็สอบถามเวินซีว่า “แล้วเ้ามีหลักฐานอันใดที่พิสูจน์ว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ใช้ยาของเ้า?”
เวินซียืนอย่างมั่นใจ ไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตน “เชิญขุนนางมาชันสูตรศพเถิดเ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวผู้นี้ถูกพิษจนตาย หากตรวจสอบออกมาพบว่าพิษที่นางโดนมิได้มาจากยาของข้า เช่นนั้นนางก็ใส่ร้ายข้า”
เ้าอำเภอพยักหน้า แล้วบอกให้คนมาชันสูตรศพ
อันที่จริงไม่ต้องให้ตรวจสอบเวินซีก็สามารถบอกได้ว่าเด็กสาวผู้นี้โดนพิษใด แต่คำพูดของนางไม่มีน้ำหนัก มีเพียงต้องให้ขุนนางชันสูตรออกมาเท่านั้นถึงจะสามารถโน้มน้าวผู้คนได้
ไม่นานนัก ขุนนางผู้นั้นก็เข้ามาชันสูตรศพ แต่ฝีมือของเขายังไม่ถึงขั้น จึงตรวจสอบผิดไป
“ท่านใต้เท้า ข้าตรวจสอบได้ว่าพิษที่เด็กสาวผู้นี้ได้รับเหมือนกันกับยาผิวงามทุกประการขอรับ”
ผู้คนที่มุงดูอยู่พากันพูดไปต่างๆ นานาทันที ส่วนคุณหนูของเ้าอำเภอก็เดือดขึ้นทันใด แล้วชี้ไปที่เวินซี “ที่แท้ก็เป็เื่จริง เ้ายังมีสิ่งใดจะโต้เถียงอีก!”
เวินซียิ้มเยาะในใจ ดูเหมือนว่าขุนนางชันสูตรศพกับสตรีนางนั้นจะเป็พวกเดียวกัน
“ใต้เท้าเ้าอำเภอ ขอโอกาสให้ข้าพูดสักหน่อยเถิดเ้าคะ” นางหันไปหาขุนนางชันสูตรศพแล้วเอ่ยถามว่า “ท่านสามารถบอกส่วนประกอบในยาผิวงามของข้าได้หรือไม่?”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่สามารถบอกได้ว่าในยาผิวงามนั้นมีส่วนประกอบใดบ้าง
“หากท่านบอกมิได้ เช่นนั้นท่านตัดสินได้อย่างไรว่าส่วนประกอบของยาผิวงามกับพิษที่เด็กสาวได้รับเป็ตัวเดียวกัน?”
ขุนนางชันสูตรศพอ้ำๆ อึ้งๆ พูดสิ่งใดไม่ออกสักคำ
ใต้เท้าเ้าอำเภอขมวดคิ้วแน่น แล้วมองขุนนางผู้ทำหน้าที่ชันสูตรศพ “เ้าเป็อันใดไป กล้าพูดเื่เท็จต่อหน้าเ้าอำเภออย่างข้าหรือ!”
ขุนนางผู้นั้นยังคิดจะแก้ตัว แต่กลับถูกเ้าอำเภอไล่ออกไปเสียก่อน
ในเวลาเดียวกัน คนรับใช้ที่แอบฟังอยู่ด้านนอกอำเภอก็รีบวิ่งไปที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะรายงานเื่ที่เกิดขึ้นให้เวินเยียนทราบ
เวินเยียนโกรธจนเขวี้ยงถ้วยชาแตก เดิมทีนางยังหวังให้ขุนนางชันสูตรศพผู้นั้นตรวจสอบสูตรยาออกมา แต่กลับกลายเป็ว่าตรวจสอบอันใดมิได้ ทั้งยังถูกไล่ออกไปอีก!
“ไอ้คนไร้ประโยชน์ เ้าไปจับตามองไว้ หากจำเป็ก็ปิดปากเขาเสีย!”
“ขอรับ!”
ส่วนเวินซีที่อยู่ในอำเภอขณะนี้ได้ขอให้ตรวจสอบอีกครา นางขอให้เ้าอำเภอหาหนูมาให้สองตัว โดยให้ทดลองใช้ยาผิวงามของตน ส่วนอีกตัวหนึ่งทดลองกับเครื่องหอมสองชนิดที่ซื้อมาจากตระกูลเวิน
“เหตุใดจึงทำเช่นนี้?” เ้าอำเภอไม่เข้าใจ
“ใต้เท้ารอดูผลลัพธ์เถิดเ้าค่ะ”
เวินซีป้อนยาผิวงามเม็ดหนึ่งให้หนูตัวแรกก่อน จากนั้นจึงใช้เครื่องหอมของตระกูลเวินสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ละลายน้ำแล้วป้อนให้หนูอีกตัวหนึ่ง
หนูตัวที่สองที่ได้กินเครื่องหอม ผ่านไปไม่ถึงนาทีก็อาเจียน น้ำลายฟูมปาก จากนั้นก็ชักกระตุกอยู่บนพื้นและตายไป เมื่อได้เห็นภาพนั้นทุกคนก็พากันอ้าปากค้าง
ยังไม่จบแค่นั้น ศพของหนูได้เปลี่ยนเป็สีดำในทันที ิัและเนื้อของมันเน่าในพริบตา ลักษณะการตายเหมือนกับเด็กสาวผู้นั้นทุกประการ!
เวินซีกล่าวต่อ “เครื่องหอมสองชนิดนี้เป็ของตระกูลเวิน หากแยกกันใช้จะไม่มีอันตราย หากใช้ร่วมกันเพียงเล็กน้อยยังไม่มีปัญหา แต่หากใช้ในปริมาณมากจะมีพิษที่ทำให้ถึงตาย”
ใต้เท้าเ้าอำเภอยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด แต่เป็คุณหนูซุนที่ตอบสนองขึ้นมาก่อน นางสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ว่า “รีบไปที่บ้านของเด็กสาวนางนี้ ดูว่ามีเครื่องหอมสองชนิดนี้หรือไม่!”
ทันใดนั้นสีหน้าของสตรีที่เป็มารดาของเด็กสาวก็เปลี่ยนไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้