บทที่ 63 ร่ำรวยอย่างเงียบเชียบ
ค่ายทั้งสองแห่งของตระกูลลั่วนอกเมืองเทียนตูถูกกวาดล้างจนราบคาบในคืนเดียว ร้อยกว่าชีวิตในค่ายทั้งสอง มีเพียงน้อยนิดที่หนีรอดไปได้ คนอื่นๆ ถ้าไม่ถูกสังหารก็ถูกจับตัวไป เมื่อฟ้าสางเื่ราวในครั้งนี้ก็แทบแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเทียนตูเสียแล้ว
หอการค้าทั้งสามไม่พบสินค้าของพวกเขาในค่ายอีกแห่ง แต่ก็ไม่ผิดจากการคาดเดาของพวกเขาสักเท่าไร ทว่าการที่ยังหาสินค้าของตนไม่พบ ก็ยังทำให้หอการค้าทั้งสามโกรธมากอยู่ดี แต่ในเมื่อตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว หอการค้าทั้งสามจึงพาเชลยจากตระกูลลั่วกลับเข้าเมืองอย่างผ่าเผยั้แ่เช้าตรู่ แถมยังขนของจากค่ายทั้งสองของตระกูลลั่วเข้าโกดังของหอการค้าทั้งสามทั้งหมดอีกต่างหาก จากนั้นพาคนจำนวนน้อยนิดของค่ายทั้งสองของตระกูลลั่วไปยังวิหารเสินจั้น
ที่จริงแล้วเมื่อคืนในขณะที่กำลังโจมตีค่ายที่สองของตระกูลลั่ว ผู้รักษากฎก็มาถึงที่เกิดเหตุพอดี อย่างไรเสียการที่ค่ายแห่งหนึ่งของตระกูลลั่วถูกลอบโจมตีก็นับว่าเป็เื่ใหญ่พอสมควร และเมื่อผู้รักษากฎมาถึง ก็เห็นรถม้าที่หายไปของหอการค้าทั้งสาม เพียงแต่ในบรรดาคนตระกูลลั่วไม่มีใครยอมรับว่าเป็ผู้ขโมยรถม้าพวกนี้สักคน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถม้าเหล่านี้เข้ามาในโกดังพวกเขาได้อย่างไร ทว่าหลักฐานก็อยู่ตรงหน้า ผู้รักษากฎไม่ได้้าให้คนของตระกูลลั่วยอมรับ ดังนั้นหลังจากค่ายแห่งที่สองถูกหอการค้าทั้งสามบุกถล่ม ผู้รักษากฎก็ไม่กล่าวอะไรสักคำ ทำเพียงรอจนถึงพรุ่งนี้เพื่อไปยังวิหารเสินจั้นให้ศาลตัดสินว่าเื่นี้เป็จริงหรือเท็จแค่ไหน
ขณะที่หอการค้าทั้งสามรีบเดินทางไปยังวิหารเสินจั้น ตระกูลลั่วในเมืองเทียนตูก็มาถึงแล้วเช่นกัน สินค้าของหอการค้าทั้งสามยังหาไม่เจอ พบเพียงรถม้าที่ว่างเปล่าหลายคัน ถึงจะนับเป็หลักฐานอย่างหนึ่ง แต่ตระกูลลั่วยังคงไม่ยอมรับว่ารถม้าเ่าั้เป็ของหอการค้าทั้งสาม บางที่อาจเป็เพราะค่ายแห่งแรกมีคนของตระกูลลั่วที่หนีออกมาได้ไปและเร่งเดินทางทั้งคืนเพื่อส่งข่าวให้คนที่อยู่ในเมือง ด้วยเหตุนี้ในไม่กี่ชั่วยาม ตระกูลลั่วก็เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเรียบร้อยแล้ว
ท่ามกลางความโกลาหลครั้งนี้ ตระกูลลั่วรู้สึกได้ว่าเื่นี้ไม่เื่ธรรมดาเสียแล้ว ถ้าศาลของวิหารเสินจั้นตัดสินว่าตระกูลลั่วขโมยสินค้าไปจริง ผลลัพธ์ย่อมร้ายแรงมาก ไม่เพียงต้องชดใช้สินค้าที่สูญเสียไปให้ทั้งสามตระกูล แต่การดูในเมืองเทียนตูก็พลอยยากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นต่อให้พวกลั่วเฉิงเจียงจะต้องตายทั้งหมด ตระกูลลั่วก็ห้ามยอมรับว่าเป็ผู้ลงมือขโมยสินค้าเด็ดขาด นอกเสียจากว่าหอการค้าทั้งสามจะหาสินค้าเจอ พวกเขาถึงจะยอมรับ อย่างไรก็ตามหากอาศัยเพียงรถม้าที่ดูไปแล้วก็เหมือนกันหมดไม่กี่คัน หลักฐานเช่นนี้ยังไม่อาจตัดสินแน่ชัดได้
เื่ครั้งนี้เมื่อไปถึงวิหารเสินจั้นพวกเขาก็ได้แต่เถียงกันดุเดือดจนหน้าดำหน้าแดง แต่กลับยากจะตัดสินให้ชัดเจนได้ ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงตัดสินว่าเื่สินค้าที่หายไปของหอการค้าทั้งสามต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลลั่วแน่นอน เพราะมีเด็กหนุ่มตระกูลลั่วคนหนึ่งเป็พยานให้ อีกทั้งในสถานที่เกิดเหตุที่สินค้าหายไปยังมีศพของลั่วฉวินอิงอยู่ด้วย ดังนั้นเื่ที่ค่ายทั้งสองของตระกูลลั่วถูกหอการค้าทั้งสามทำลายจึงนับว่าสมเหตุสมผล และไม่อาจถามหาความรับผิดชอบจากหอการค้าทั้งสามได้ ทว่าการที่หอการค้าทั้งสามไม่สามารถค้นหาหลักฐานที่บอกว่าตระกูลลั่วเป็ผู้ปล้นสินค้าของพวกเขาไปจริง เื่ทั้งหมดนี้จะอาศัยเพียงศพไม่กี่ศพกับป้ายประจำตัว ก็ยากจะตัดสินให้ตระกูลลั่วชดเชยค่าสินค้าที่หายไปของหอการค้าทั้งสามได้
หากจะบอกว่า ที่จริงแล้ววิหารเสินจั้นไม่ได้สนใจเื่ในครั้งนี้สักเท่าไรก็ไม่ผิดนัก ปล่อยให้ตระกูลลั่วกับหอการค้าทั้งสามไปจัดการต่อรองกันเอง ให้พวกเขาไปหาหลักฐานเอาเอง การตัดสินเช่นนี้ทำเอาทั้งตระกูลลั่วและหอการค้าทั้งสามล้วนไม่พอใจเป็อย่างมาก แต่พวกเขาก็เข้าใจดี การโต้เถียงเช่นนี้วิหารเสินจั้นจะไม่สอดมือเข้ายุ่งมากนัก เพียงแค่ทำไปเป็วิธีเท่านั้น จากนั้นก็จัดการกันเอง ทั้งสองฝ่ายจะสู้หรือจะสงบศึกก็เป็เื่ของพวกเขา วิหารเสินจั้นจะไม่ยุ่งกับเื่เล็กน้อยเช่นนี้ เพราะาในสนามรบฝานเหรินยังมีเื่อีกมากมายให้วิหารเสินจั้นต้องใช้สมองคิด
หลังจากเข้าเมือง ลั่วถูย่อมไม่เข้าไปรบกวนการโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายอีก จึงแยกตัวออกไปทันที หอการค้าทั้งสามไม่อยากลากเขาไปเป็พยานที่วิหารเสินจั้นสักเท่าไร เพราะอย่างไรเสียตัวเขาก็ยังเป็คนตระกูลลั่วคนหนึ่ง
เมื่อเื่ที่วิหารเสินจั้นกำลังวุ่นวายได้ที่ ลั่วถูก็กลับไปสำนักจ๋าเสวีย เขาเชื่อว่าในตอนนี้ตระกูลลั่วคงมีเื่ให้ปวดหัวมากพอแล้ว ในเมื่อถูกหอการค้าทั้งสามร่วมมือกันโจมตีแบบนี้ต่อให้เป็ตระกูลลั่วก็คงต้านทานไม่ไหว อย่างน้อยในตอนนี้เขาเชื่อว่าตระกูลลั่วคงไม่อาจแบ่งคนมาสังหารเขาได้อีก
เดิมทีแล้วลั่วถูคิดจะกลับตระกูลลั่วทันที แต่ว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ที่ตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินตอนนี้เป็อย่างไรกันแน่ ถ้าเขาเสี่ยงกลับไปเจียงหยิน เกรงว่าคงไปไม่ถึงตระกูลลั่ว คงถูกคนกำจัดทิ้งอย่างไม่รู้ตัวเสียก่อนแน่ ดังนั้นเขาจึงกลับไปสำนักจ๋าเสวียก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธีกลับไปตระกูลลั่ว สถานการณ์ในตอนนี้คือเขาหวังยืมพลังของหอการค้าทั้งสาม เพื่อกลับไปตระกูลลั่วพร้อมกับพวกเขา บางทีเื่ราวคงง่ายขึ้นมาบ้าง
ส่วนเื่ของสินค้าที่หายไปจากหอการค้าทั้งสาม ย่อมเป็ฝีมือลั่วถูขโมยไปอยู่แล้ว มีเพียงแหวนมิติขนาดมโหฬารของเขาเท่านั้นที่สามารถขนย้ายของมากมายเช่นนี้อย่างเงียบงันได้ แค่ใช้ควันสลบเล็กน้อยยามค่ำคืน ภายใต้สถานการณ์การป้องกันที่หละหลวม เหล่าทหารรับจ้างที่เฝ้าสินค้าก็หลับไปอย่างง่ายดาย ส่วนคนที่เคลื่อนไหวอยู่นอกค่ายเป็แค่คนที่เขาจ้างมา เพื่อขี่ม้าเร็ววิ่งวนรอบค่าย ก็ปลุกทหารรับจ้างในค่ายได้แล้ว
และม้าของหอการค้าทั้งสามก็ถูกลั่วถูวางยาพิษสังหารอย่างแเีเช่นกัน ส่วนศพของพวกลั่วฉวินอิงก็เป็ลั่วถูที่วางไว้ั้แ่แรกอีกนั่นแล ตอนที่เห็นศัตรูหลบหนี ก็เป็เพราะอยู่ใน่กลางดึก ทหารรับจ้างเ่าั้ไม่ได้คาดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็เพียงม้าเปล่าๆไม่กี่ตัว ไม่ได้ลากรถม้าออกไปด้วยแต่อย่างใด
ต่อมาลั่วถูก็จงใจวางเบาะแสเพื่อชี้ไปยังค่ายของตระกูลลั่ว ยิ่งไม่มีม้า หอการค้าทั้งสามก็กังวลเข้าไปใหญ่ว่าตระกูลลั่วอาจขนย้ายสินค้า ถึงได้รีบเร่งฝีเท้าเดินทางตลอดเวลา มีหรือจะไปมีเวลาตรวจสอบรอยรถบนพื้นอย่างละเอียด ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตามลั่วถูไปทางลัดสุดชีวิต เมื่อพบรถม้าที่พวกเขาเคยใช้ถูกจอดอยู่ในค่ายตระกูลลั่ว ก็ไม่มีใครสงสัยว่าของเหล่านี้อาจเป็ฝีมือลั่วถูอีกเลย
ทุกค่ายล้วนมีประตูเล็กด้านหลังอย่างพวกของที่เรียกว่ารูหมา หลังจากลั่วถูเคาะประตู ก็ปีนเข้าไปทางรูหมาอย่างเงียบกริบ พื้นที่ในค่ายเหล่านี้ ลั่วถูย่อมคุ้นเคยดี ตอนที่ลั่วเฉิงเจียงและคนอื่นถูกกลุ่มคนด้านนอกดึงดูดความสนใจเอาไว้ เขาก็เข้าไปในโกดังอย่างเงียบเชียบ จากนั้นนำรถม้าออกมาหลายคัน เมื่อกู้อวิ๋นเซียวพบรถม้าดังกล่าวในโกดังก็ส่งสัญญาณออกไป ด้วยหลักฐานนี้ค่ายของตระกูลลั่วจะดิ้นอย่างไรก็หนีความผิดไม่พ้นอยู่ดี
ความจริงแล้วเพียงแค่ทำลายค่ายทั้งสองได้ ลั่วถูก็ได้กำไรเป็กอบเป็กำแล้ว เพราะว่าเมื่อวานเป็วันเปิดตลาดวันแรกของเดือนนี้ สินค้าในค่ายทั้งสองของตระกูลลั่วก็ขายดีเป็ล่ำเป็สัน ในค่ายจึงมีเหรียญซิงเหินเก็บไว้จำนวนมาก ถึงแม้หอการค้าทั้งสามจะพบโกดังของพวกเขา แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเงินของตระกูลลั่วอยู่ที่ไหน ส่วนลั่วถูเป็ฝ่ายที่คุ้นเคยกับตระกูลลั่วเป็อย่างดี ในขณะที่คนอื่นกำลังเปิดฉากไล่ฆ่าอย่างเสียสติ เขากลับลอบเข้าไปในโกดังอย่างเงียบงัน จากนั้นลงมือจัดการยามเฝ้าโกดังและขโมยเหรียญซิงเหินมาไว้ใช้เอง เหลือไว้เพียงเศษเหรียญเล็กน้อย ทางด้านหอการค้าทั้งสามก็ไม่ทราบแน่ว่าจำนวนเหรียญซิงเหินของตระกูลลั่วมีนั้นมีเท่าไรกันแน่ ยังคิดเสียด้วยซ้ำว่าก่อนฟ้ามืดคงส่งเข้าเมืองเทียนตูไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดอะไรอีก จึงนำไปแค่สินค้าจากโกดังตระกูลลั่วทั้งหมด... กระทั่งเศษเหรียญซิงเหินที่กระจัดกระจายก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือ
และคนของตระกูลลั่วก็คิดไปว่าสินค้าและเงินทั้งหมดถูกหอการค้าทั้งสามชิงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้ปล้นสินค้าของหอการค้าทั้งสามั้แ่แรกแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องขาดทุนครั้งใหญ่ พวกเขาไม่ยอมง่ายๆ แน่ แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าการกระทำของพวกเขาทั้งหมด อยู่ในการคำนวณของลั่วถูมาั้แ่แรกแล้ว
ที่จริงแล้วลั่วถูก็เป็เพียงคนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลุกขึ้นมากล่าววาจาอันเปี่ยมด้วยความชอบธรรมไม่กี่ประโยค ทั้งยังพาคนกลุ่มนั้นไปยังค่ายของตระกูลลั่ว เกรงว่าคงไม่มีใครสนใจว่าคนธรรมดาคนหนึ่งจะมีเอี่ยวในาของพวกเขาหรือไม่ด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าร่ำรวยอย่างเงียบเชียบของแท้ เื่ความสูญเสียของตระกูลลั่วนั้น ลั่วถูไม่สนใจสักนิด ต่อให้เขาจะเป็คนของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินก็ตาม แต่หลังจากถูกลอบสังหารมาตลอดทาง เขาก็เข้าใจแล้วว่าระหว่างเขาและตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินคงไม่มีโอกาสปรองดองกันได้อีก ถึงจะมีก็เป็เพียงหน้าไหว้หลังหลอกหวังผลประโยชน์เท่านั้น เขายอมอยู่ด้วยตัวเองคนเดียว แถมยังมีอิสรเสรี หากพึ่งตระกูลลั่วไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะนำสิ่งที่ตระกูลลั่วติดหนี้ตนไว้กลับคืนมา
สำนักจ๋าเสวียเป็มิติขนาดใหญ่ั์ ที่เดิมทีไม่ถูกนับว่าเป็พื้นที่ของเมืองเทียนตูด้วยซ้ำ แค่มีประตูมิติขนาดใหญ่อยู่ในเมืองเทียนตูบานหนึ่ง ที่พอก้าวผ่านประตูมิติบานนี้ไป ก็เข้าสู่มิติที่สำนักจ๋าเสวียตั้งอยู่ได้แล้ว แต่นอกประตูมิติแห่งนี้ก็สร้างเป็สำนักสายนอกที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่หยอกอยู่ด้วย สำนักสายนอกรับหน้าที่ดูแลเื่การค้าภายนอกของสำนักจ๋าเสวีย งานรับศิษย์ใหม่และอื่นๆ ก็นับเป็สถานที่ที่วุ่นวายแห่งหนึ่งในเมืองเทียนตูเลยทีเดียว
ลั่วถูมีป้ายประจำตัวศิษย์สำนักจ๋าเสวีย จึงเข้าไปในสำนักได้อย่างง่ายดาย แต่เจียงหมินกลับไม่อาจเข้าไปในประตูมิติได้ตามใจชอบ ลั่วถูจึงซื้อบ้านขนาดเล็กหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ลับตาคนในเมืองเทียนตูอย่างไม่ลังเล
บ้านหลังน้อยในเมืองเทียนตูราคาแพงระยับ ถ้าเป็เมื่อก่อนลั่วถูไม่มีทางยอมซื้อและไม่มีเงินซื้อด้วย ทว่าตอนนี้ลั่วถูกลับไม่ลังเลสักนิด จ่ายเงินห้าพันเหรียญฟ้าซิงเหินออกไป ก็ซื้อเพียงบ้านสองชั้นหลังน้อยที่มีขนาดเพียงสี่สิบห้าสิบตารางเมตรหลังหนึ่งได้แล้ว
แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของก็คือความไม่โดดเด่นนั่นเอง หากคิดจะหาที่ซ่อนตัวของเขาในเมืองเทียนตูที่ใหญ่โตขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่เื่ง่าย เหรียญฟ้าซิงเหินห้าพันเหรียญเป็เพียงเงินส่วนน้อยที่ได้มาจากค่ายทั้งสองของตระกูลลั่ว ยังเหลืออยู่กับตัวลั่วถูอีกมาก และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ลั่วถูไม่ใช่คนยากจนอีกต่อไป หากเขาขายสินค้าของทั้งสามหอการค้าขายได้ อย่างน้อยก็คงได้เกือบล้านเหรียญฟ้าซิงเหินเลยทีเดียว... ช่างเป็จำนวนเงินที่มากมายเสียจนเขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้