เขาก็แค่ลูกผู้ดีคนหนึ่ง ก็แค่บ้านเขาเรียกลมเรียกฝนได้ และไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่หากพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเฉิงเทียนกัง ก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไร ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็เกิดขึ้นแล้ว
แต่ตอนนี้เขาลงหลังเสือไม่ได้แล้ว ตอนนี้หากจะไป ต่อไปเขาก็จะไม่มีหน้าสู้เจียงไป๋อีก
โดยเฉพาะเขามั่นใจได้ว่า พรุ่งนี้ทั้งตี้ตูก็จะเล่าลือกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า เขาถูกหลี่เอ่อร์ฉีกหน้าแล้ว
เื่นี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รับไม่ได้ ต่อไปยังจะกลับไปที่ตี้ตูได้ไหม?
มองเฉิงเทียนกังที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและหลี่ชิงหวงที่ทำหน้าเยาะเย้ย เมิงหวงเฉาฝืนพูดว่า “ผมก็ว่าเป็ใครเสียอีก เป็พยัคฆ์แห่งหนานเจียงนี่เอง ดูแล้วเมื่อครู่ผมก็พูดแรงไปหน่อย ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่ผมก็หนุ่มกว่าคุณมาก จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน คุณมาหาเื่ผม ไม่อายหรือ? หากคุณแน่จริง เวลานั้นก็คงจะไม่ถูกคนอย่างจ้าวอู๋จี๋ซัดจนกลับตัวไม่ทัน หากคุณมีความกล้า คุณก็ไปหาเขาสิ ไม่ต้องมาหาผม!”
เมิงหวงเฉาดึงหนังเสืออีกแล้ว ทำให้เจียงไป๋รู้สึกสนใจมาก ในขณะเดียวกันก็เข้าใจอยู่บ้างว่า ทำไมเ้านี่ถึงได้แค้นจ้าวอู๋จี๋ขนาดนั้น
จ้าวอู๋จี๋ก็เป็ที่สะดุดตาเกินไปจริงๆ สะดุดตาจนทำให้เมิงหวงเฉาเองก็ล้วนเงยหน้าไม่ขึ้น ทางเขาก็ด่าทอจ้าวอู๋จี๋ แต่พอออกจากบ้านมาจะไม่ดึงหนังเสือของจ้าวอู๋จี๋ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่เขาเองก็ล้วนไม่มีความมั่นใจพอ พูดได้ว่าขัดแย้งกันมาก
พอวันเวลานานเข้า ก็เป็ธรรมดาที่จะเคียดแค้น ก็พอเข้าใจได้
เมิงหวงเฉาพูดอย่างนี้ เฉิงเทียนกังที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มก็เปลี่ยนอารมณ์ทันที และไม่พูดอะไร
คนหนึ่งข้างๆ เขาแก่กว่าเขาหน่อย ถือว่าเพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยกลางคนกลับทนไม่ไหว และชี้หน้าเมิงหวงเฉาทั้งยังพูดใส่อย่างเยือกเย็นว่า “นายพูดอะไร ลองพูดอีกครั้งสิ!”
พูดว่าเวลานั้น แต่ก็เป็เื่เมื่อสองสามปีก่อนแล้ว เื่นั้นเป็เื่ที่น่าอายของเฉิงเทียนกัง สองสามปีนี้เขาแทบจะก้าวอยู่ที่เดิม และก็ไม่ง่ายเลยที่จะพลิกตัวขึ้นมาได้ ก็เพราะจ้าวอู๋จี๋
คนที่รู้จักเฉิงเทียนกัง ก็แทบจะรู้หมด เื่นั้นสำหรับเฉิงเทียนกังแล้วเป็เื่ต้องห้าม ใครๆ ก็ไม่กล้าพูดถึง ตอนนี้เมิงหวงเฉาไม่ใช่แค่พูด แต่พูดต่อหน้าคนมากมาย เป็ธรรมดาที่ลูกน้องของเฉิงเทียนกังจะไม่อยู่เฉย
“พูดแล้วไง จะทำอะไร แน่จริงคุณเฉิงเทียนกังก็ไปหาจ้าวอู๋จี๋สิ รังแกผมจะถือว่าเก่งอะไร หากเก่งจริง คุณก็ไปรังแกจ้าวอู๋จี๋สิ กลัวว่าคุณจะไม่กล้ามากกว่า”
เมิงหวงเฉาไม่แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย
เขามีความกลัวเฉิงเทียนกังอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็ข้าราชการระดับสูง จะกลัวเฉิงเทียนกัง หรือว่าแม้แต่ลิ่วล้อของเขาก็กลัวหรือ?
เฉิงเทียนกังยังคงไม่พูด เขาหรี่ตา และสังเกตเมิงหวงเฉาั้แ่หัวจดเท้า ราวกับกำลังจำท่าทางของเมิงหวงเฉาไว้ และราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
สักพักก็เพิ่งจะเผยรอยยิ้มออกมา และมองเมิงหวงเฉาพลางพูดว่า “เมิงหวงเฉา เื่ของจ้าวอู๋จี๋กับฉันก็ต้องจบกันแน่ นายวางใจ จะช้าหรือเร็วฉันเฉิงเทียนกังก็จะไปหาเขา เื่ในคราวนั้น เขาจ้าวอู๋จี๋ก็ต้องให้คำอธิบายแก่ฉัน แต่ตอนนี้คนที่ฉันจะหาคือนาย เดิมทีฉันยังไม่คิดที่จะทำให้นายลำบาก ก็เหมือนกับที่นายพูด พวกนายยังหนุ่มยังแน่น และไม่ใช่รุ่นเดียวกับพวกเรา หากฉันหาเื่นายจริงๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาว่าฉันรังแกเด็ก แต่นายเมิงหวงเฉาก็ดันมาแหย่ฉันเสียได้ นายไม่ใช่ว่าชอบอ้างชื่อจ้าวอู๋จี๋หรือ แบบนั้นนายก็พูดต่อสิ แต่ตอนนี้ฉันก็จะไม่ไว้หน้านายแล้ว เดิมทีห้องนี้ฉันจะไม่เอาก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันจะเอาแล้ว นายจะให้หรือไม่ให้!”
“นาย … ”
คราวนี้ถึงคราวเมิงหวงเฉาหน้าแดงแล้ว เมิงหวงเฉากัดฟัน และชี้หน้าเฉิงเทียนกัง แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ตัวเขาก็ตกอยู่ในอาการสับสน
“ปกติแล้วก็ต้องยึดหลักใครมาก่อนมาหลัง คุณพยัคฆ์แห่งหนานเจียงเฉิงเทียนกังชื่อเสียงโด่งดัง ก็ต้องพูดถึงหลักเกณฑ์นี้ ที่นี่เป็พวกเราที่มาก่อน แน่นอนว่าเป็ของพวกเรา หากคุณชอบที่นี่ ก็รอได้ รอให้พวกเราทานเสร็จแล้วค่อยว่ากัน หรือไม่ก็เปลี่ยนที่ ตอนนี้คุณพูดแค่คำเดียวก็จะให้พวกเราถอยให้ มันก็ไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว”
ตอนที่เมิงหวงเฉากำลังสับสน เจียงไป๋ก็ยืนขึ้นแล้ว
สำหรับนิสัยที่เผด็จการของเฉิงเทียนกัง เขาก็เอือมระอา โดยเฉพาะไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ก็ถือว่าเป็พวกเดียวกับเมิงหวงเฉา นี่เฉิงเทียนกังก็รังแกมาถึงหัวเขาแล้ว เป็ธรรมดาที่เจียงไป๋จะไม่แสดงความอ่อนแอ
“นายเป็ใคร? ที่นี่นายมีสิทธิ์พูดหรือ? หุบปากไปซะ!”
เจียงไป๋เพิ่งจะปริปาก หลี่ชิงหวงที่อยู่ข้างกายเฉิงเทียนกังก็ะโขึ้นมาแล้วชี้หน้าว่าเจียงไป๋อย่างดุดันและดูถูก
บางทีจากที่หลี่ชิงหวงดูแล้ว คนมากมายที่อยู่ในห้องนี้ คนที่มีคุณสมบัติที่จะพูดได้จริงๆ ก็มีแค่เขา เมิงหวงเฉาและเฉิงเทียนกังสามคน คนอื่นๆ อย่าสนว่าอยู่ด้านนอกจะมีฐานะเป็อย่างไร อยู่ที่นี่ก็เป็ได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น
“ฉันก็ไม่มีเหตุผลอย่างนี้แหละ พวกนายจะทำอะไรฉันได้? ฉันจะพูดแค่ประโยคเดียว จะให้หรือไม่ให้!”
เฉิงเทียนกังทำมือขัดคำด่าของหลี่ชิงหวง และปริปากพูดอีก ประโยคแรกคือพูดกับเจียงไป๋ ประโยคที่สองเน้นไปที่เมิงหวงเฉาอีก และบีบให้เมิงหวงเฉายอมจำนน
แต่เสียดายที่เขาเข้าใจตัวเอกผิดไป ในนี้เมิงหวงเฉาไม่ถือว่าเป็ใหญ่ คนที่เป็ใหญ่จริงๆ คือเจียงไป๋ หากเจียงไป๋ไม่ไป เมิงหวงเฉาก็ไม่มีทาง
ยิ่งไปกว่านั้นเมิงหวงเฉาก็เป็เด็กหนุ่มที่ฉลาด พอเห็นเจียงไป๋ปริปาก ก็รู้ว่าเจียงไป๋จะออกหน้าแล้ว และความมั่นใจก็มาทันที
“คุณเฉิงเทียนกังไม่ใช่ว่าเก่งกาจหรือ? คุณเฉิงเทียนกังไม่ใช่ว่าเหี้ยมหรือ?”
“แต่ทางผมก็มีปรมาจารย์ใหญ่วูซูจีน คุณกำเริบอีกจะทำอะไรได้?
“ผมให้แล้วจะทำไม? ไม่ให้แล้วจะทำไม?”
เมิงหวงเฉาพูดอย่างไม่ใส่ใจ ความตึงเครียดในเมื่อครู่ก็หายไปมากแล้ว และแสดงออกอย่างสงบนิ่งมาก
คำพูดนี้ทำให้เฉิงเทียนกังตะลึงงัน หลังจากนั้นก็มองเมิงหวงเฉาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคาดเดาไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าเมิงหวงเฉาจะกล้าพูดอย่างนี้
“ให้แล้ว ก็รีบไปซะ เพื่อเห็นแก่หน้าจ้าวอู๋จี๋ ฉันจะไม่หาเื่นาย หากไม่ให้ … คนสองสามคนที่อยู่ข้างกายฉัน อย่าเห็นว่าย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ก็เป็คนมีความสามารถของกรมตำรวจ สองคนในนี้ยังเคยเป็แชมป์มวยอิสระของประเทศ ตอนนี้เป็ครูฝึกของโรงเรียนตำรวจตี้ตู เป็เพื่อนร่วมรบในสมัยก่อนของฉัน ไม่อย่างนั้นนายก็ลองดูได้ ฉันก็ไม่ติดที่จะให้พวกเขาโยนพวกนายออกไปทีละคน ถึงเวลานั้นนายเมิงหวงเฉาก็จะดังแล้วจริงๆ และก็อยู่ในตี้ตูไม่ได้อีก ในหลิงเฉวียนก็ถูกหักหน้าแล้ว ต่อไปเกรงว่านายก็ทำได้แค่ออกนอกประเทศแล้วสิ”
พอเขาพูดคำนี้ออกมา เมิงหวงเฉาก็แอบดีใจ
แชมป์มวยอย่างเขาจะนับประสาอะไรได้ ฉันก็ล้วนเรียกคนของหน่วยคมมีดแดงมาแล้ว ลูกชายของหยางอู๋ตี๋เห็นพี่ชายที่อยู่ข้างกายฉันก็ล้วนก้มหน้าเดินกลับไป
แค่คนสองคนนั้นของนาย?
จะใช้ประโยชน์อะไรได้
ทางเจียงไป๋ก็คิดเหมือนกับเมิงหวงเฉาจริงๆ และปริปากพูดว่า “คุณก็ช่างกล้าพูดเกินไปแล้ว ผมจะยืนอยู่ตรงนี้ให้คนของคุณลองต่อยดูก็ได้ ในขณะเดียวกันผมก็จะตอบคำถามคุณว่า หากคุณไม่มีเหตุผล วันนี้ผมก็จะซัดคุณจนให้มีเหตุผล ไม่เชื่อก็ลองดูได้ คำพูดของผมเจียงไป๋จะพูดได้ทำได้หรือไม่!”
“เจียงไป๋?”
พอชื่อนี้เผยออกมา คนอื่นก็มีสีหน้างงงวย โดยเฉพาะหลี่ชิงหวง ยิ่งไม่เข้าใจ
แต่สีหน้าของเฉิงเทียนกังและลูกสมุนที่อยู่ข้างกายเขาได้แปรเปลี่ยนทันที
เฉิงเทียนกังสังเกตเจียงไป๋ั้แ่หัวจดเท้า และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจียงไป๋ที่อยู่ที่เทียนตู?”
สำหรับเื่นี้ เจียงไป๋ได้แค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
สีหน้าเฉิงเทียนกังเปลี่ยนไปอีก หลังจากนั้นก็พูดไปประโยคหนึ่งว่า “วันนี้ถือว่านายเหี้ยม ูเาและแม่น้ำจะต้องมากันสักวัน พวกเราก็จะต้องมีโอกาสได้พบกันสักวัน ถึงเวลานั้น ฉันจะมาเอาคืนแน่นอน”
เมื่อพูดจบก็พาคนหันหน้าเดินไปอย่างไม่หันกลับมามองอีก
เหลือไว้แค่พวกเมิงหวงเฉาที่มีใบหน้างงงวยและไม่รู้อะไรเป็อะไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้