โจวมู่ไป๋คิดเช่นเดียวกับเฉินเซี่ยงเทียน ตอนนี้เขาและหนานกงหลิงซวงทำการทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว และได้เข้าพรรคเทียนจี ดังนั้นถึงการทดสอบดำเนินต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร
เย่เฟิงมองโจวมู่ไป๋ ดวงตาภายใต้หน้ากากสีเงินเผยประกายแสงแห่งความเหยียดหยาม กล่าวว่า “งั้นเ้าอยากให้ข้าทำอย่างไร?”
โจวมู่ไป๋เชิดหน้ามอง เหมือนคิดว่าเย่เฟิงยอมรับความคิดของเขา กล่าวอย่างโอหังว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้าควรอยู่ ลงจากเวทีประลองและปล่อยวางการทดสอบตอนนี้ คือสิ่งที่เ้าควรทำ อย่าเสียเวลาเลย”
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ มองโจวมู่ไป๋ด้วยสายตาดูแคลน กล่าวว่า “การทดสอบจัดขึ้นโดยสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ไม่ใช่หมาแมวจะตัดสินใจเองได้ เ้านับเป็สิ่งใด ก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์เช่นนี้”
“เ้า...”
คำพูดเย่เฟิงไม่เกรงใจแม้แต่นิด ถูกเย่เฟิงตบหน้าท่ามกลางฝูงชน ทำสีหน้าของโจวมู่ไป๋อึมครึม อยากโต้กลับแต่ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี
เย่เฟิงไม่สนใจโจมู่ไป๋ต่อ เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมแสงประหลาดเรืองรองที่ร่างกาย ย่างก้าวของเขาเหมือนมีท่วงทำนองพิเศษ ทุกก้าวล้วนหนักแน่นและมั่นคง
แรงกดดันจากม่านกระจกมาเยือน แต่เย่เฟิงไม่หยุดแม้เสี้ยววินาที เขายังคงก้าวต่อไป จนกระทั่งไปถึงด้านหน้าม่านกระจก ก่อนดวงตาภายใต้หน้ากากสีเงินจะเปล่งแสงอันคมกริบ
“หนานกงหลิงซวงใช้ิญญาาหงส์ สำแดงพลังโจมตีเกินระดับการบ่มเพาะ หากข้า้าให้เหนือกว่านาง จำต้องทุ่มสุดกำลัง”
เย่เฟิงรู้ว่าที่หนานกงหลิงซวงยโสโอหังก็เพราะพลังของนาง ตอนนี้เคล็ดวิชาหอกเงินประกายของเขาฝึกถึงระดับห้าแล้ว น่าจะทรงพลัง
สายตาของเย่เฟิงส่องประกายคมปลาบ ควบแน่นพลังหยวนที่ฝ่ามือ เคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรอยู่ภายในร่างกาย ราวกับมีเจตจำนงหอกรายล้อมร่างกายของเย่เฟิง
“ระหว่างเ้ากับข้ามันห่างชั้นกันจริง ๆ งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองหนานกงหลิงซวง ก่อนจะปล่อยหมัดที่อันแน่นด้วยเจตจำนงหอกออกไป ห้วงอากาศราวกับหยุดนิ่ง
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ แขนของเขาดุจดั่งหอก เจตจำนงหอกโคจรบนหมัดของเขา ตอนนี้หมัดของเขาก็คือหอกเล่มหนึ่ง ทั้งยังเป็หอกที่แหลมคมและไร้เทียมทาน!
“ปัง!” เสียงะเิดังกังวานไปทั่วบริเวณ หมัดของเย่เฟิงโจมตีเข้าที่ม่านกระจก พลันอักขระบนม่านกระจกเคลื่อนไหว ก่อนจะปลดปล่อยแสงจ้า
แรงะเืมาเยือนในพริบตาประหนึ่งรังสีหอกอันคมกริบมหาศาล เข้าจู่โจมผู้คนบนเวทีประลอง!
“พลังหมัดของชายผู้นี้ทำให้ม่านกระจกสะท้อนพลังกลับแค่ครั้งเดียว ดูท่าพลังของเขาก็คงงั้น ๆ” เห็นหมัดของเย่เฟิงไม่แกร่งอย่างที่คิดไว้ ผู้คนจึงเผยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“หึ!” โจวมู่ไป๋แค่นเสียงเ็า มองเย่เฟิงด้วยความเย้ยหยัน กล่าวว่า “ข้าบอกแล้วไง คนแบบเ้าทำไปก็รังแต่จะเสียเวลา รีบไสหัวไปเสียจะดีกว่า”
“เป็แค่เศษสวะ แต่ก็ยังกล้าขึ้นไป น่าอับอายนัก” คนของตระกูลเฉินต่างเหยียดหยาม
พลังโจมตีของเย่เฟิงอ่อนแอ ทุกคนจึงดูถูกและพากันส่ายหัวไม่หยุด แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงของพวกเขา ทางด้านม่านกระจกก็เกิดความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“วูบ ครืน!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนมีเงามายาปรากฏที่ด้านหลังเย่เฟิง เงามายานี้คล้ายหอกคล้ายั เรืองรองแสงโชติ่ ปลดปล่อยพลังอันแกร่งกล้า และมีเสียงคำรามของัดังกึกก้องทั่วฟ้า เงามายานั่นอัดแน่นไปด้วยความเกรงขามของั ก่อนจะเข้าปะทะกับม่านกระจก!
“ตูม ๆ ปัง ๆ!” เสียงที่ราวกับฟ้าผ่าดังติดต่อกันสี่ครั้ง ะเืไปถึงแก้วหูทุกคน พลอยทำให้หัวใจของผู้คนสั่นระรัวไปด้วย
“สี่ครั้ง สี่ครั้งงั้นหรือ!” เหล่าผู้คนต่างตกตะลึง นาทีต่อมาเห็นม่านกระจกปล่อยแสงแห่งการทำลายล้าง ก่อนแรงะเืจะสะท้อนกลับคล้ายเทพัโห่คำราม ้าเขมือบทุกสิ่ง ส่งผลให้ผู้คนกว่าครึ่งที่อยู่บนอัฒจันทร์อดทนไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?” อวัยวะภายในกายของโจวมู่ไป๋เกิดสั่นไหวอย่างแรง เืตีขึ้นมาถึงคอ แต่โจวมู่ไป๋กลืนมันกลับไปเสียก่อน
หนานกงหลิงซวงปลดปล่อยิญญาาหงส์ ก่อนจะปล่อยเพลิงนิพพานเข้าต้านทานพลังโจมตีนั่น
อย่างไรก็ตามด้วยพลังสะท้อนกลับจากการโจมตีที่เย่เฟิงปลดปล่อย หนานกงหลิงซวงรู้สึกว่ามีพลังทำลายล้างแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย ทำให้นางตัวสั่นเทาเล็กน้อย
“เป็ไปได้ยังไง? เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?” หนานกงหลิงซวงคิดในใจพลางกัดฟันกรอด นางไม่เชื่อว่าตัวเองจะทนต่อแรงะเืนี้ไม่ได้
“นี่...” ทุกคนต่างตกตะลึงเพราะพลังโจมตีของเย่เฟิง
“ครืน ครืน!” ฟ้าดินสั่นไหวเสียงดังกังวาน พลังโจมตีแห่งการทำลายล้างกลายเป็พายุทำลายล้าง ผู้คนบนเวทีประลองรู้สึกถึงจุดจบที่กำลังมาเยือน ฟ้าดินถล่มทลาย แล้วพวกเขาจะหนีได้อย่างไร? ทันใดนั้นมีคนจำนวนนับร้อยถูกซัดกระเด็นตกเวทีประลอง
นาทีนี้หัวใจของเหล่าผู้คนมิอาจสงบนิ่งได้ พลังโจมตีเช่นนี้ดูเหมือนจะแกร่งกว่าพลังโจมตีของิญญาาหงส์ที่หนานกงหลิงซวงปล่อยออกมา!
หนานกงหลิงซวงเผยสีหน้าไม่สู้ดี ตัวนางสั่นสะท้านแรงกว่าเดิม รู้สึกร้อนที่อก ก่อนจะกระอักเืออกมา
“นี่น่ะหรือความห่างชั้นที่เ้าว่ามา?” เย่เฟิงเย้ยหยันขณะมองหนานกงหลิงซวง เขาในตอนนี้อาบแสงแห่งการทำลายล้างกลายเป็เทพา
พลังโจมตีนั่นยังคงอาละวาดอยู่ในม่านกระจก ทำให้อักขระของม่านกระจกเคลื่อนไหวเร็วขึ้น แปรปรวนขึ้น คล้ายทนรับพลังโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ได้
“ตูม!” ภายใต้การอาละวาดของพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนั่น ม่านกระจกเริ่มปรากฏรอยร้าว และมีพลังสะท้อนกลับถูกปลดปล่อยไม่หยุดคล้ายทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
มีเพียงหนานกงหลิงซวง และโจวมู่ไป๋สองคนที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ ส่วนคนอื่น ๆ ตกจากเวทีประลองไปหมดแล้ว
ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างเบิกตาโพลงด้วยความใ ความรู้สึกเย็น ๆ วาบผ่านแผ่นหลังเล็กน้อย
“ปัง!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวทั่วฟ้าดิน ม่านกระจกแตกะเิก่อนจะสลายเป็ผุยผง
สายน้ำมรณะถูกปลดปล่อย หนานกงหลิงซวงหน้าขาวซีด สายน้ำที่ไหลบ่านั่นทำนางกระอักเื ถอยร่นไปหลายก้าว กว่าจะยืนให้มั่นคงได้ต้องไปจับขอบเวทีประลอง
แต่สถานการณ์ของโจวมู่ไป๋ร้ายแรงกว่า เสื้อผ้าขาดรุ่ย ปากเต็มไปด้วยเื ต้องพึ่งเสาริมเวทีประลองถึงจะยืนอย่างมั่นคงได้
“แกร่งมาก! แค่การโจมตีเดียวก็ทำม่านกระจกแตก ทุกคนตกรอบ เหลือเพียงหนานกงหลิงซวงกับโจวมู่ไป๋ แต่คงลำบากมาก ดูจากสภาพนั่นก็ได้รับาเ็ด้วย ชายผู้นี้คืออัจฉริยะอย่างแท้จริง หนานกงหลิงซวงกับโจวมู๋ไป๋ก็เทียบไม่ได้”
“เขาเป็ใครกันแน่? อาณาจักรจ้าวมีอัจฉริยะเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน ไม่นึกว่าพลังต่อสู้จะแกร่งจนกำราบหนานกงหลิงซวงกับโจวมู่ไป๋ได้!” ผู้คนพากันกระซิบกระซาบ มีคนบางส่วนไม่กล้าเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ซ่งซินหลิงกะพริบตาปริบ ๆ ใกับพลังโจมตีที่เย่เฟิงแสดงออกมา ศิษย์พี่ของนาง โจวมู่ไป๋ เรียกได้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งสุดในระดับต่ำกว่าขั้นรวมชี่ของเมืองหลวง ทว่าภายใต้พลังสะท้อนกลับของเย่เฟิงที่สร้างขึ้นมา โจวมู่ไป๋กลับมีสภาพดูไม่ได้ นี่เป็การพิสูจน์ถึงความห่างชั้นของพลังระหว่างทั้งสองคนที่อยู่ระดับการบ่มเพาะเดียวกันแล้ว
ขณะมองเย่เฟิงจากบนอัฒจันทร์ ซ่งซินหลิงคลับคล้ายคลับคลาแต่นึกไม่ออกและไม่แน่ใจว่าเคยเจอกันที่ไหน
ผู้าุโทั้งสี่พรรคลุกขึ้นยืน ส่วนแววตาของเยว่กู่ทอประกาย ในที่สุดคนที่เขาเล็งไว้ก็ปลดปล่อยแสงโชติ่ของตัวเองแล้ว
“เห็นหรือยัง นี่แหละความห่างชั้นระหว่างเ้ากับข้า!” เย่เฟิงเอามือไพล่หลัง ผมยาวพลิ้วไหว คืนคำพูดโอหังทุกอย่างที่หนานกงหลิงซวงพูดกับเขา พอได้ฟังแล้วก็ช่างน่าอับอาย
หนานกงหลิงซวงเผยสีหน้าบูดเบี้ยว ตาเผยประกายแสงเยือกเย็น กลับไร้ซึ่งคำพูด
“เ้าหนานกงหลิงซวงคืออัจฉริยะผู้เย่อหยิ่ง แต่กลับเปราะบางขนาดนี้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เป็คำพูดที่เฉียบคมประหนึ่งมีดเล่มหนึ่งที่แทงเข้ากลางหัวใจของหนานกงหลิงซวง
สีหน้าของเฉินเซี่ยงเทียนดูอึมครึม เขาไม่อยากเชื่อว่าเย่เฟิงจะมีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก่อนกล่าวคล้ายปลอบใจตัวเองว่า “พลังโจมตีแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่มีิญญาาที่ทรงพลัง เหนือกว่าขั้นรวมชี่ขึ้นไป เช่นเดียวกับผู้ปลุกิญญาาระดับสูง คนผู้นี้ถูกกำหนดให้เทียบเคียงหนานกงหลิงซวงไม่ได้”
ได้ยินคำพูดของเฉินเซี่ยงเทียน เหล่าผู้คนนิ่งงันไปชั่วครู่ แต่ก็จำต้องยอมรับว่าที่อีกฝ่ายพูดมามีเหตุผล
อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา ข้อได้เปรียบของพลังต่อสู้ที่ิญญาาระดับสูงมอบให้ยังไม่ชัดเจน
เช่นเดียวกับจงเทาและเซี่ยเหวินหลง จงเทาปลุกิญญาาสิงโตขั้นเหลือง ระดับของิญญาาสูงมาก แต่ตอนโจมตีม่านกระจก แรงะเืสะท้อนกลับที่จงเทาสร้างขึ้นกลับด้อยกว่าเซี่ยเหวินหลงที่ยังไม่ปลุกิญญาา
ข้อได้เปรียบของิญญาาระดับสูงจะค่อย ๆ ปรากฏหลังจากถึงขั้นรวมชี่ ถึงแม้ตอนนี้หนานกงหลิงซวงถูกกดการบ่มเพาะ พลังโจมตีก็สู้เย่เฟิงไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงสิ่งใด ระดับของิญญาาคือสิ่งสำคัญที่สุด
ที่อาณาจักรจ้าว ผู้มีิญญาาจะมีสักกี่คนที่เทียบเคียงหนานกงหลิงซวงได้ ?
ผ่านการใคร่ครวญหนึ่งรอบ เดิมผู้าุโจากพรรคเทียนเซียวและพรรคเทียนอวิ๋นคิดที่จะเสนอเงื่อนไขให้เย่เฟิง แต่ก็ไม่พูดออกไป เพียงมองดูอยู่เฉย ๆ
“หลิงซวง เ้าเป็ไงบ้าง?” หนานกงเฉินลุกขึ้นและเผยสีหน้าเป็กังวล
“ข้าไม่เป็ไร” หนานกงหลิงซวงกล่าวพลางยิ้มให้หนานกงเฉิน ขณะมีสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
จากนั้นยาเม็ดก็ปรากฏขึ้นในมือนาง ก่อนจะโยนเข้าปาก พลังยาแปรเปลี่ยน เพียงพริบตาสีหน้าของหนานกงหลิงซวงก็ฟื้นกลับเป็ปกติ
หนานกงหลิงซวงได้ยินคำพูดของเฉินเซี่ยงเทียนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง สำหรับิญญาาของตัวเอง หนานกงหลิงซวงนั้นมีความมั่นใจเป็อย่างมาก
อย่างไรก็ตามด้านพลังโจมตี หนานกงหลิงซวงกลับเป็รองเย่เฟิง นี่ทำให้หนานกงหลิงซวงรู้สึกอับอาย พ่ายแพ้ให้กับคนไร้นามต่อหน้าชาวอาณาจักรจ้าว ดังนั้นนางจึง้ากู้หน้ากลับคืนมา
“ข้า้าสู้กับเ้า!” หนานกงหลิงซวงกล่าว ขณะดวงตาส่องแสงเยือกเย็น ทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจ หนานกงหลิงซวงเป็ฝ่ายเริ่มท้าชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากก่อน ดูแล้วนาง้าให้อีกฝ่ายคุกเข่าต่อหน้านาง
“ชายผู้นี้ต้องไม่กล้าสู้แน่เลย” ผู้คนคิดในใจ การต่อสู้ที่แท้จริงเทียบกับการทดสอบไม่ได้ หนานกงหลิงซวงเก่งกาจถึงเพียงนี้ พลังต่อสู้ต้องน่ากลัวมากแน่นอน มีหรือชายหนุ่มคนนี้จะใช่คู่ปรับ?
พวกเขาต่างมองเย่เฟิงไม่ละสายตา ดูว่าเขาจะเลือกอย่างไร
“ช้าก่อน!” ขณะนั้นเห็นโจวมู่ไป๋เดินออกมา หันไปมองหนานกงหลิงซวงแล้วกล่าวว่า “เ้ากับข้าต่างมีิญญาาขั้นเขียว มาตัดสินผู้แพ้ชนะกัน”
จากนั้นโจวมู่ไป๋หันไปมองเย่เฟิง พลันไอเย็นแผ่กระจาย กล่าวว่า “ระดับการต่อสู้เช่นนี้ เ้าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้