บทที่ 36 ภัยพิบัติหรือฝีมืุ์
ขณะที่จินต้าจงพุ่งตัวออกจากม่านน้ำ กลิ่นอายเืพวกนั้นยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นทุกที จากนั้นเขาก็เจอเข้ากับรอยเืหยดหนึ่งในหุบเขาที่ยังไม่ถูกฝนชำระล้าง เมื่อเขานำเืหยดนั้นแตะลงที่ปลายลิ้น ก็รู้สึกได้ว่าลมปราณในเืของตัวแทบจะเดือดพล่าน ร่างกายของเขาพลันตื่นตัวขึ้น เขามั่นใจได้ในทันทีว่านี่ต้องเป็เืของสัตว์อสูรเซวี่ยเลี่ยนแน่นอน อีกทั้งระดับของอสูรเซวี่ยเลี่ยนก็ไม่ใช่น้อยเสียด้วย ราวกับกลิ่นเืนี้ถูกกระแสน้ำสายหนึ่งพัดลงไปยังใต้ผาปากเหยี่ยว ถึงทำให้เขาได้กลิ่นของมัน
เมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็เืของสัตว์อสูรเซวี่ยเลี่ยนจริง แล้วเขาจะทิ้งโอกาสทองเช่นนี้ไปได้อย่างไร อีกทั้งอสูรเซวี่ยเลี่ยนตัวนี้ก็าเ็อยู่แล้วด้วย ตลอดทางที่ผ่านมามีกลิ่นเืลอยฟุ้งอยู่เรื่อยๆ บางทีอาจเป็เพราะฝนตกหนักเกินไป ทำให้รอยเืบนพื้นเห็นไม่ค่อยชัดเจนนัก ทูหลางพาหยวนอีและหยวนเอ้อตามมาด้วย พวกเขาไล่ตามจินต้าจงไป ประการแรกเขาเองก็อยากจะเห็นหน้าตาของอสูรเซวี่ยเลี่ยนเช่นกัน และประการที่สองเขากังวลว่าหากจินต้าจงไปคนเดียวอาจเกิดเื่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจินแห่งติ้งจงกับเขาไม่ธรรมดา ถึงจินต้าจงจะเป็คนเงียบๆ แต่พี่ใหญ่ของเขาจินหวางซินเป็สหายที่ดีของเขา ที่วางใจฝากฝังจินต้าจงให้ตนดูแล และตัวเขาจะไม่ยอมให้เกิดเื่กับจินต้าจงแน่นอน
จินต้าจงยิ่งเดินไปยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลิ่นเืตรงหน้าเข้มข้นขึ้นทุกที และในที่สุดกลิ่นเืก็หายเข้าไปในถ้ำมืดมิดแห่งหนึ่ง เขาแทบจะก้าวเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ทูหลางกังวลเล็กน้อยว่าด้านในอาจมีอันตรายบางอย่างซุกซ่อนอยู่ก็เป็ได้ จึงคิดจะหยุดจินต้าจงไว้ก่อน เพียงแต่จินต้าจงที่ตื่นเต้นจนเกินไปมีหรือจะฟังคำพูดเขา กล่าวได้ว่าที่นี่ต้องเป็ถ้ำสัตว์อสูรเท่านั้น ด้านในถึงได้ส่งกลิ่นคาวรุนแรงออกมาจนถึงด้านนอก เท่านี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าถ้ำแห่งนี้ไม่มีทางมีมนุษย์อยู่แน่นอน ส่วนเื่ที่ว่าเป็สัตว์อสูรชนิดใดนั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้ว และถ้ำนี้ก็เป็ไปได้มากว่าจะเป็รังของอสูรเซวี่ยเลี่ยน เขาไม่อยากให้เืของสัตว์อสูรเซวี่ยเลี่ยนตัวนี้ต้องไหลทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ หากสังหารมันได้เร็วสักหน่อย ก็สามารถเก็บเืสัตว์อสูรได้มากขึ้นไปอีก...
ทูหลางทำได้เพียงสั่งให้หยวนอีกับหยวนเอ้อเฝ้าปากทางเข้าถ้ำไว้ ส่วนตัวเขาตามเข้าไป เพียงแต่หลังจากเขาเข้าไปในถ้ำ กลับเห็นเพียงหมีดำที่ใกล้ตายตัวหนึ่งเท่านั้น และบนร่างของหมีก็มีเืไหลท่วม ทำให้ทั้งถ้ำแห่งนี้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเืนั่นเอง ทว่าในตอนนั้นเองเงามืดบางอย่างกลับเข้าปกคลุมในใจของเขา แต่จินต้าจงได้พุ่งไปยังร่างของหมีดำอย่างบ้าคลั่ง และปาดเืเข้าปากทันที
“โฮก... ” หมีดำดูคล้ายจะทั้งใทั้งหวาดกลัว ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายหนีความตายสุดชีวิต
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” เมื่อร่างของหมีดำขยับ เสียงธนูหลายเสียงก็ดังขึ้นตามมา หน้าไม้แกร่งหลายคันยิ่งศรออกจากมุมมืดทันที
“ท่าไม่ดีแล้ว...” ทูหลางรับรู้ได้ในทันที หมีดำไม่มีทางวางกลไกได้ ยิ่งไม่มีทางยิงธนูได้ด้วย ในถ้ำนี้ต้องมีกับดักวางอยู่แน่นอน ร่างของเขาพุ่งออกจากถ้ำ แต่จินต้าจงกลับคำรามลั้นยกสองมือขึ้นหวดลงไปทันที ทำให้ลูกศรที่ยิงมาทางเขาถูกทุบกระเด็น แต่ยังมีอีกสองดอกที่ยิงถูกร่างของเขา แต่กลับมีเพียงเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น ลูกธนูไม่มีทางยิงทะลุร่างของเขาอยู่แล้ว
“ครืน ครืน... ” จินต้าจงยังคงร้องคำรามราวกับมีพลังทำลายล้างไม่รู้หมด ในถ้ำปรากฏรอยแตกเกิดขึ้นเป็ริ้วๆ อย่างฉับพลัน จากนั้นรอยแตกก็ลามขึ้นสู่้าอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ... ” ทูหลางส่งเสียงใ “รีบหนีเร็ว... ” จากนั้นวิ่งหนีออกไปอย่างสุดชีวิต เพราะเขาพบว่ารอยแตกขนาดใหญ่ที่ผนังนอกถ้ำเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เขาเพิ่งออกพ้นปากถ้ำได้ไม่ทันไร ก้อนหินขนาดั์ก็ตกลงมาจากเหนือหัวของเขาเสียแล้ว
“ทำไมกัน... ” เสียงคำรามด้วยความโมโหของจินต้าจงดังลอดออกจากในถ้ำ เืที่อยู่บนร่างของหมีดำเป็เืของอสูรเซวี่ยเลี่ยนไม่ผิดแน่ ทั้งยังเป็อสูรเซวี่ยเลี่ยนระดับห้าอีกด้วย ทว่ากลับมีคนกลับใช้เืของอสูรเซวี่ยเลี่ยนมาวางกับดัก ทิ้งเืล้ำค่าไปเช่นนี้ นี่ต่างหากคือสาเหตุที่ทำให้เขาโมโห แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบหนีออกไปด้านนอก เพียงสิ้นเสียง “ฟุ่บ ฟุ่บ” หินขนาดั์ที่ตกลงมาขวางทางก็ถูกเขาปล่อยหมัดทุบจนแหลกละเอียด แค่หมัดเดียวก็เพียงพอให้ทำลายหินั์ได้ทั้งก้อนแล้ว เพียงแต่หินที่ตกลงมาเป็เพียงจุดเริ่มต้นของหายนะเท่านั้น พอเขาพุ่งออกจากถ้ำวิ่งมาได้ราวสิบกว่าจั้ง ด้านหลังของเขาก็มีเสียงฟ้าถล่มดินทลายดังไล่หลังมาทันที จากนั้นูเาทั้งลูกก็เหมือนกับกองทรายที่ถล่มลงมา ูเาทั้งลูกไหลลงไปทางหุบเขา ก้อนหินั์อีกนับไม่ถ้วน ทราย ต้นไม้ดูราวกับแม่น้ำที่ไหลลงไปในหุบเขาจนหมด
จินต้าจงได้แต่กรีดร้องโหยหวน เขาไม่สนใจหินก้อนใหญ่ที่ตกลงมาเป็ก้อนๆ อยู่แล้วด้วยพลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงโบกมือก็ทำลายก้อนหินพวกนั้นได้แล้ว ทว่าเมื่อเป็ูเาทั้งลูกถล่มทับใส่เช่นนี้ ถึงร่างของเขาจะแข็งแกร่งสักเท่าไร ก็ต้องรู้สึกว่าตัวหดเล็กลงเหมือนเรือกลางสมุทรอันกว้างใหญ่ เขาหนีออกมาไม่ทันแล้ว ความหวาดกลัวกระแสหนึ่งกดทับเขาเข้าให้จมลงสู่ความมืดมิดอันไร้สิ้นสุด
ในหุบเขาแห่งนี้ราวกับส่งผลกระทบต่อกันเป็ทอดๆ เมื่อก้อนหินดินถล่มที่บ้าคลั่งไหลลงมาทางหุบเขา พร้อมกับน้ำฝนไถลลงไปกว่าสิบลี้ถึงจะหยุดลง ทั่วทั้งหุบเขากระทั่งทั้งผาปากเหยี่ยวเองก็เปลี่ยนรูปร่างไปด้วย...
หลังจากเขาถล่มบริเวณที่เดิมทีเคยเป็หุบเขากลับมีบ่อน้ำปรากฏขึ้น ป่าไม้ทั้งผืนพลันอันตรธาน ส่วนจินต้าจง และกระทั่งทูหลางก็หายตัวไปเช่นกัน... ภายใต้พลังที่น่าพรั่นพรึงของธรรมชาติ ถึงจะเป็ศิษย์าขั้นแปดก็เป็ได้เพียงตั๊กแตนไร้พลังตัวน้อยเท่านั้น
……
ทั้งหุบเขาเกิดดินถล่มขึ้นถือเป็ภัยธรรมชาติอย่างหนึ่ง สัตว์อสูรที่อยู่ในระยะสิบลี้ใวิ่งหนีไป ไม่สนใจพายุที่โหมกระหน่ำแล้ว สถานการณ์ของทั่วทั้งป่าเดือดพล่านขึ้นทันที
ศิษย์าของธงซ้ายหลายสิบคนที่อยู่บนผาปากเหยี่ยวทั้งหมดหยัดกายลุกขึ้นจากใต้ก้อนหิน ยืนมองไปยังูเาครึ่งลูกที่ถล่มลงไปท่ามกลางสายฝน หุบเขาลึกถูกเติมเต็มไปด้วยโคลนจนกลายเป็พื้นดินเหนียวราบเรียบ ต้นไม้ก้อนหินนับไม่ถ้วนกองเละเทะถูกกวาดลงไปในบ่อโคลน ทำเอาทุกคนล้วนตะลึงจนอ้าปากค้าง... เหมือนกับลืมไปแล้วว่าบนท้องฟ้ายังมีฝนตกหนักอยู่
“เ้าธงกับคุณชายสามอยู่ไหน?” ในตอนนั้นเองใครบางคนเริ่มนึกถึงทูหลางกับจินต้าจงขึ้นมาได้ พวกเขาออกไปก็สักพักแล้ว ทั้งที่เกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ขึ้น แต่พวกเขากลับไม่ปรากฏตัวสักที ช่างไม่ควรเป็เช่นนี้เอาเสียเลย
เมื่อได้ยินคนถามขึ้นเช่นนี้ สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้ ในสายตาของบางคนแนวดินเหนียวที่ถล่มลงมาช่างดูยาวเสียอย่างกับเป็ัโคลนไม่มีผิด...
“ทุกคนรีบออกค้นหา... ต้องหาเ้าธงกับคุณชายสามให้เจอ... ”
……
ในขณะเดียวกันบนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ใบหน้าของหลิวฉงเหวินตื่นเต้นเสียจนหน้าแดง แต่บนหลังของเขากลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เย็นเฉียบ เมื่อครู่ถ้าเขาช้าอีกนิดเดียว เขาคงถูกฝังลงในดินเหนียวพวกนั้นไปแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ัักับูเาถล่มใกล้ขนาดนี้ ความรู้สึกนี้ทำเอาเืลมของเขาเดือดพล่าน การยืนอยู่ระหว่างความเป็ตาย รู้สึกราวกับตัวเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดของตัวเองได้อย่างไรอย่างนั้น...
“เ้าคิดว่าพวกเขาจะตายหรือไม่?” หลิวฉงเหวินหันหน้าไปถามลั่วถู
“ยากที่จะกล่าว ข้าไม่รู้ว่าศิษย์าขั้นแปดที่แท้แล้วเก่งกาจเพียงไหน แต่ว่าความเร็วของเ้าโล้นสูงมาก จะตายหรือไม่ยังยากจะกล่าวได้ แต่อย่างน้อยต้องาเ็หนักแน่นอน สำหรับเ้าโง่จิน ด้วยน้ำหนักของร่างกระดูกเหล็กทำให้เวลาวิ่งอุ้ยอ้ายไม่ต่างกับหมีตัวหนึ่ง ต้องถูกฝังอยู่ในดินแน่นอน กายาทองกลั่นโลหิตเกรงว่าวันนี้คงถูกทำลายแล้ว... ” ลั่วถูมองไปยังแนวดินถล่มยาวเหยียด ดูท่าครั้งนี้คงหนักมือเกินไปแล้ว
“เ้าทำได้อย่างไรกัน?” หลิงฉงเหวินถามด้วยความสงสัย ลั่วถูเป็เพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง กลับสร้างคลื่นดินเหนียวที่ยาวราวกับัได้ ทำให้ทั้งูเาถล่มลงมา สงสารก็แต่ผู้แข็งแกร่งศิษย์าขั้นแปดทั้งสองคน กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับคนธรรมดาที่ยังไม่แม้แต่จะเปิดิญญาด้วยซ้ำ เื่นี้แทบทำให้เขาเลิกดูถูกคนธรรมดาเลยทีเดียว
“ที่จริงแล้วพูดไปก็ง่ายนิดเดียว สำหรับคนที่ฝึกวิชากายาทองกลั่นโลหิตเืของอสูรเซวี่ยเลี่ยนนับว่าเป็เหยื่อชั้นเลิศ พวกเขาอ่อนไหวกับกลิ่นเืสดมาก และช่างพอดิบพอดีว่าตอนที่พวกเราสังหารอสูรเซวี่ยเลี่ยน ข้าได้หยดเืของอสูรเซวี่ยเลี่ยนเอาไว้ที่ใต้ผาปากเหยี่ยว แน่นอนว่าทำให้จินต้าจงถูกดึงดูดมายังกับดักใต้ผาูเาของพวกเราได้อย่างง่ายดาย ส่วนเ้าคนหัวโล้น ก็นับว่าเป็อุบัติเหตุ เดิมทีข้าคิดว่าเ้าโล้นคงส่งคนบางส่วนตามจินต้าจงไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะไปด้วยตัวเอง บางทีอาจเป็เพราะเขาประมาทเกินไป หรือไม่ก็เพราะมั่นใจในตัวเองเกินไปก็เป็ได้”
ผ่านไปครู่หนึ่งลั่วถูก็กล่าวต่อ “หน้าผาตรงนั้นถูกลมพัดจนเปลี่ยนรูปไปมากแล้ว อีกทั้งยังเป็ชั้นหินที่เปราะมาก บางที่เรียกชั้นหินพวกนี้ว่าหินปูน พอถูกแช่น้ำก็มีแต่จะอ่อนตัวลง ฝนตกหนักครั้งนี้เดิมทีก็ทำให้หน้าผาถูกแช่น้ำไว้มากพอแล้ว ขอแค่พวกเราหาจุดค้ำจุนของชั้นหินปูนในหน้าผาให้เจอ จากนั้นทำลายมันเสีย ูเาทั้งลูกก็เหมือนบ้านถูกดึงเสาออก ย่อมไม่พ้นต้องพังถล่มในทันที... และเมื่อครู่จุดที่ข้าขอให้ท่านจะเอาไม้ั์ไปตี ก็คือเสาที่อ่อนแอที่สุดของชั้นหินปูนนั่นเอง”
“คิดๆ ดูแล้ว ูเาลูกนี้หนักมากกว่าหนึ่งล้านจิน มิหนำซ้ำยังมีดินและน้ำที่ไหลไปพร้อมกันอีก เมื่อเริ่มไหลลงไปก็เกิดเป็ผลกระทบส่งกันไปเป็ทอดๆ กับหุบเขาทันที เดิมทีหน้าผาพวกนี้คงอยู่ได้อีกสักร้อยปีถึงจะถล่มลงมา แต่เมื่อปะทะเข้ากับน้ำหนักหลายล้านจินหรือมากกว่านั้น ก็มีแต่ต้องถล่มไปไม่ต่างกัน ยิ่งไหลลงไปก็ยิ่งกลายเป็เหมือนก้อนหิมะกลิ้งลงเขา ยิ่งกลิ้งไปก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หยุดไม่อยู่เสียแล้ว... เสียดายก็แต่ยอดฝีมือของสิบสามธงแห่งเยี่ยนเป่ยพวกที่อยู่ใต้ผาปากเหยี่ยวไม่ได้ตามมาด้วย ถ้าตามไปพร้อมกันเสีย เช่นนั้นพวกเราคงประหยัดแรงได้อีกมาก...”
ได้ยินลั่วถูกล่าวออกมาอย่างใจเย็น หลิวฉงเหวินก็ได้แต่เย็นสันหลังวาบ นี่คือคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นหรือ? ถ้าเปลี่ยนเป็เขาที่เป็ศัตรูของลั่วถูบ้าง นี่คงเป็โศกนาฏกรรมอย่างหนึ่งไม่ผิดแน่ พลังที่แข็งแกร่งแต่ไม่ทันได้แสดงออกมา ก็มีแต่ต้องตายไปในภัยธรรมชาติอย่างไร้สาเหตุ สิ่งนี้เองที่เรียกว่าผู้ฝึกวรยุทธ์ต้องสู้จนตัวตาย ส่วนผู้ใช้สมองกลับสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย ถึงจะเป็คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่ออาศัยเพียงแผนการที่แยบยลของลั่วถู ก็มากพอให้ผู้แข็งแกร่งต้องถอยห่างไปไกลได้แล้ว ไม่มีใครอยากเป็ศัตรูกับคนที่ดูแล้วไม่มีอันตรายทว่ากลับเต็มไปด้วยแผนการแยบยลดุจเทพสร้าง หากเผลอดูถูกเมื่อไร คงไม่วายถูกหยอกเล่นจนตายโดยไม่รู้สาเหตุเป็แน่
“เ้าเป็คนธรรมดาคนแรกที่ข้านับถือ...” หลิวฉงเหวินสูดลมหายใจหายเข้าลึกและกล่าวอย่างชื่นชม
“อ่า ท่านผู้บัญชาการอย่าพูดเล่นกับข้าเลย ข้าเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ยังไม่มีแรงจับไก่เสียด้วยซ้ำ จะมีอะไรให้น่านับถือ ครั้งนี้เพียงแต่เวลา พื้นที่ และกำลังคนพร้อม ถึงจะบังเอิญยืมแรง์เข้าช่วย แต่การจะมีเวลาพร้อม พื้นที่ก็พร้อมไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก ดังนั้นพลังที่แท้จริงต้องเหมือนท่านผู้บัญชาการต่างหาก พลังที่แข็งแกร่งมาจากตัวเอง วันนี้ถ้าหากไม่มีท่านผู้บัญชาการลงมือสังหารอสูรเซวี่ยเลี่ยน แผนการครั้งนี้คงไม่รู้จะสำเร็จได้อย่างไร หรือท่านว่าไม่ใช่? ขั้นตอนทั้งหมด ก็เป็ท่านผู้บัญชาการลงมือเยอะที่สุด พุ่งชนผนังผาูเาด้วยตัวท่านเอง ลั่วถูเพียงแค่ขยับปากเท่านั้น ไม่อาจนับเป็ผลงานอะไรได้”
หลิวฉงเหวินอดหัวเราะไม่ได้ เขารู้ว่าลั่วถูเจตนายกผลงานให้เขา และนี่ก็เป็ทางเลือกที่ดีที่สุดเช่นกัน ถ้าคนธรรมดามีผลงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ รังแต่จะเป็ภัยหาใช่เื่ดี แต่ไม่ใช่กับเขา เพราะเมื่อกลับไปตระกูลตงหลี่ครั้งนี้ บางทีตำแหน่งของเขาอาจสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมอบรางวัลเล็กน้อยกับส่วนหนึ่งให้ลั่วถูก็พอแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้