จบประโยค ได้มีขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่คนหนึ่งเข้ามาฉวยถ้วยน้ำแกงเทาเที่ยและช้อนไปจากมือหนิงมู่ฉือ หยิบไปแล้วก็ตักน้ำแกงเข้าปาก จากนั้นยกนิ้วโป้ง สัญลักษณ์ของการชมเชยขึ้นมา
“แม่นางหนิง ตลอดชีวิตของข้า น้ำแกงถ้วยนี้เป็น้ำแกงที่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ลิ้มรสมาเลย โดยเฉพาะหนังหมูที่อยู่ในน้ำแกง นุ่มแทบจะละลายในปาก”
หนิงมู่ฉือได้ยินเช่นนั้น ริมฝีปากยกขึ้นเป็รอยยิ้ม มองเหล่าขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ทั้งหลายเข้าไปรุมล้อมถ้วยน้ำแกงก็รู้สึกปวดศีรษะยิ่ง นางหันไปเอ่ยกับขันทีหัวหน้าพ่อครัว “ท่านกงกง หลังจากนี้ข้ายกให้ท่านจัดการ ข้าขอตัวไปดื่มน้ำแกงก่อน เฮ้อ วันนี้ข้าเหนื่อยมากจริงๆ”
“แม่นางหนิง ช้าก่อน…” ยังไม่ทันที่ขันทีหัวหน้าพ่อครัวจะได้กล่าวจบ หนิงมู่ฉือก็เดินเข้าไปด้านในห้องเครื่อง ตักน้ำแกงใส่ถ้วย ทานอย่างเอร็ดอร่อยไปพลาง เดินไปพลางแล้ว
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นเองสายตาเหลือบไปเห็นเหล่านางกำนัลและขันทีทั้งหลายที่กำลังปรี่ตรงมาทางนี้ จึงหันไปะโสั่งลูกศิษย์ของตนเอง “ปกป้องน้ำแกงเอาไว้!”
เหล่านางกำนัลและขันทีเดินตรงมายังทิศทางเดียวกันคือห้องเครื่อง ขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ทั้งหลายต่างกัดฟันตั้งโล่มนุษย์ เพื่อกำบังหม้อน้ำแกงจากคนเหล่านี้เอาไว้ “ทุกคน อย่าเบียดกัน!”
“ท่านกงกง ตักให้ข้าถ้วยหนึ่งได้หรือไม่ เ้านายของข้าได้กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล ตอนนี้รู้สึกหิวยิ่งนัก”
“ท่านกงกง ท่านเป็คนจิตใจดีมีเมตตา หากตักให้ข้าก่อน เ้านายของข้าจะตอบแทนท่านอย่างงาม”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวส่ายหน้า ในวัง การแจกจ่ายอาหารต้องเป็ไปตามตำแหน่งและขั้น เขาจึงโบกไม้โบกมือปฏิเสธทุกคนพลางเอ่ยเสียงดัง “ทุกคนยืนกันให้ดีๆ เข้าแถวตามตำแหน่งและขั้นเพื่อรอรับน้ำแกง!”
จบประโยค ทุกคนต่างบ่นพึมพำกันระงม เข้าแถวอย่างไม่ยินยอมนัก หนิงมู่ฉือที่ยืนอยู่แถวนั้นมองแถวที่ยาวเหยียดจนไม่เห็นท้ายแถวก็ให้รู้สึกตกตะลึงยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักเจินหลง ขณะที่ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินกำลังอ่านฎีกาอยู่นั้น หูพลันได้ยินเสียงดังจากด้านนอกก็รู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก วางพู่กันในมือลง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ข้างนอกเกิดเื่ใดขึ้น ไยถึงเสียงดังเอะอะเช่นนี้!”
จางกงกงเห็นฮ่องเต้มีท่าทีไม่พอพระทัยก็รู้สึกหวาดกลัวนัก รีบคุกเข่าทูลตอบอย่างรวดเร็ว “ทูลฝ่าา ได้ยินว่าวันนี้แม่นางหนิงทำน้ำแกงหนึ่งหม้อ เ้านายจากตำหนักต่างๆ จึงส่งนางกำนัลและขันทีไปรับน้ำแกงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้สดับฟังสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นึกถึงรสชาติอาหารจากฝีมือหนิงมู่ฉือที่ได้ชิมเมื่อคราก่อน ใบหน้าเปลี่ยนเป็สนอกสนใจขณะมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มน้อยๆ “วันนี้นางหนูนั่นจะมาไม้ไหนอีกนะ”
จางกงกงมองพระพักตร์ของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินซึ่งมีรอยแย้มสรวลบางๆ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะทูลตอบ “เหมือนแม่นางหนิงจะทำน้ำแกงเทาเที่ยพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าในน้ำแกงใส่วัตถุดิบลงไปหลายอย่าง ฝ่าา วันนี้พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้บ่าวไปนำมาให้ลองเสวยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้ฟัง ท้องพลันส่งเสียงร้องออกมา เขากระแอมแก้เก้อหนึ่งทีขณะเอ่ย “ก็ดีเหมือนกัน เ้าไปนำมาให้เราคลายความหิวสักถ้วยก็ดี”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” จางกงกงเห็นพระพักตร์ของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินดูอ่อนโยนขึ้นก็ลอบถอนหายใจในใจ หมุนตัวเดินออกจากตำหนักตรงไปยังห้องเครื่อง
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถคาดถึงแน่ว่า บรรยากาศการยื้อแย่งน้ำแกงเทาเที่ยจะดุเดือดถึงเพียงนี้ ขันทีที่เคยขอให้หนิงมู่ฉือดูแลเื่อาหารเป็พิเศษก็มาร่วมวงด้วยเช่นกัน ใช้เสียงเล็กแหลมของตนเองเอ่ยกับหนิงมู่ฉือ “แม่นางหนิง พวกเรามาแล้วขอรับ!”
หนิงมู่ฉือได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกปวดศีรษะยิ่ง เดินออกมาจากด้านในห้องเครื่องอย่างไม่ค่อยจะยินยอมเท่าใดนัก ครั้นได้เจอขันทีทั้งสามคนจากตำหนักของพระสนมเต๋อเฟย สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม ทักทายอย่างกระตือรือร้น ไม่เพียงแค่นั้นยังถามถึงพระสนมเต๋อเฟยอย่างห่วงใยอีกด้วย “ที่แท้ก็พวกท่านเองหรอกหรือ ข้าก็นึกว่าใคร หลายวันมานี้พระสนมทรงพระพลานามัยแข็งแรงดีหรือไม่”
ขันทีทั้งสามแย้มยิ้มตอบกลับไป “อาการไข้ก่อนหน้านี้ของแม่นางหนิงหายดีแล้วหรือ พระสนมของพวกเราเป็ห่วงท่านมาก ถึงกับเคยดำริจะส่งพวกเราไปถามข่าวคราวท่านที่ตำหนักอ๋อง”
หนิงมู่ฉือรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนักเมื่อได้ฟัง พยักหน้าอย่างแรงให้ขันทีทั้งสาม ครั้นเห็นว่าในมือถือถ้วยมาด้วยก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ข้าหายดีแล้ว พระสนมทรงวางพระทัยได้เลย พวกท่านจะมารับน้ำแกงเทาเที่ยใช่หรือไม่ เดี๋ยวข้าไปตักมาให้”
ได้ยินเช่นนั้นขันทีทั้งสามดีใจยิ่งนัก กล่าวขอบคุณหนิงมู่ฉือยกใหญ่ หนิงมู่ฉือเดินไปตักน้ำแกงให้พระสนมเต๋อเฟยจนเกือบล้นถ้วย ก่อนจะยื่นให้ขันทีทั้งสาม “พวกท่านรีบนำไปให้พระสนมเถิด ฝากทูลพระสนมด้วยว่า ขอให้พระนางดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ไม่กี่วันก่อนหิมะเพิ่งจะตก อากาศจึงหนาวเย็นมาก”
ขันทีทั้งสามพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างดีอกดีใจพร้อมกับน้ำแกงถ้วยใหญ่
ทันใดนั้นเอง สายตาหนิงมู่ฉือเหลือบไปเห็นชุนเถาที่มาต่อแถวซึ่งกำลังจ้องเขม็งมายังนางด้วยประกายตาดุดันอยู่พอดี ทำให้นางเหงื่อไหลด้วยความหวั่นเกรง ยิ่งนึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน ในใจนางยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
จางกงกงวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ห้องเครื่อง นางกำนัลและขันทีทั้งหลายเห็นเช่นนั้นต่างหลีกทางให้ ครั้นจางกงกงเห็นหนิงมู่ฉือก็เดินเข้ามาทักทาย “ไอโยว แม่นางหนิงกลับมาแล้วหรือ ฝ่าาทรงเอ่ยถึงท่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านช่วยตักน้ำแกงให้ข้าสักถ้วยได้หรือไม่ วันนี้ฝ่าาทรงงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จึงอยากได้นำแกงไปคลายความหิว”
หนิงมู่ฉือลอบกลอกตาอยู่ในใจเมื่อได้ฟัง ยุ่งเื่ใดกัน ยุ่งกับการฆ่าคนมากกว่ากระมัง
แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น หากใบหน้ากลับแย้มออกเป็รอยยิ้ม “ได้เ้าค่ะ ท่านกงกง”
นางยื่นมือไปรับถ้วยซึ่งทำจากทองมาจากจางกงกง ก่อนจะตักน้ำแกงใส่ถ้วย ปิดฝาเสร็จเรียบร้อยค่อยยื่นคืนให้
จางกงกงพยักหน้าอย่างพึงพอใจให้แก่หนิงมู่ฉือ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
จางกงกงยกถ้วยน้ำแกงเข้ามาในตำหนักเจินหลง ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินรีบวางพู่กันในมือลงโดยพลัน สีหน้าเต็มไปด้วยความรอคอย
จางกงกงยกน้ำแกงไปวางลงตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน ยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ทูลฝ่าา พระองค์คงไม่ทราบว่า ตอนนี้ที่ห้องเครื่องมีคนไปรวมตัวกันเยอะนักพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองน้ำแกงสีขาวข้นซึ่งส่งกลิ่นหอมโชยขึ้นมาอยู่ตลอด เขาสูดกลิ่นเข้าไปเต็มปอด ขณะที่สดับฟังคำบอกเล่าจากจางกงกง “ในวังของเราในเวลานี้ ห้องเครื่องคือสถานที่ที่ได้รับความนิยมที่สุด ถือเป็เื่ดี”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินตักน้ำแกงเข้าปากหนึ่งคำ เคี้ยวสิ่งที่อยู่ในน้ำแกงแล้วกลืนลงคอ จากนั้นเอ่ยชมออกมา “เดิมทีเรานึกว่าน้ำแกงจะมีรสชาติเลี่ยนเสียอีก ไม่คิดเลยว่ารสชาติจะอร่อยถึงเพียงนี้ ใช่แล้ว ในน้ำแกงใส่สิ่งใดลงไปบ้างหรือ”
จางกงกงยิ้มขณะทูลตอบ “ฝ่าาทรงโปรดน้ำแกงถ้วยนี้มากใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้ยินแม่นางหนิงกล่าวให้ฟังว่า ครานี้นางใจกล้าใส่หนังหมูลงไปในน้ำแกง บ่าวเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า หนังหมูจะมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพ่ะย่ะค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้