ลูกเตะนี้แฝงไปด้วยพลังและความรวดเร็ว อั้นจิ่วสั่นสะท้านด้วยความเ็ป เนื่องจากเขาเพิ่งรู้สึกถึงความเ็ปจากการถูกเตะซึ่งในความเป็จริงเขาต้องหลบเลี่ยง แต่ในขณะนั้น เขากลับถูกพลังลมปราณอันทรงพลังกดอัดไว้ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งหมายความว่าพื้นฐานวรยุทธ์ของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่นั้นสูงส่งกว่าเขา
ดวงตาของเขาสั่นไหว เขาไม่เข้าใจว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ที่หายตัวไปเป็เวลาสี่ปีนั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้เช่นไร แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เ็าของนาง อีกทั้งยังคำพูดที่บอกว่าจะทำให้เขาไม่สามารถมีลูกได้อีกตลอดชีวิต ก็ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว เขารู้สึกว่าคุณหนูมู่ผู้นี้มิได้บอบบางไร้ภัยเหมือนดั่งข่าวลือที่ถูกปล่อยออกไป
“ข้าแค่ทำตามคำสั่ง คุณหนูมู่โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองกันเลย”
อั้นจิ่วทนความเ็ปที่แขน ก่อนจะพูดขึ้น
ฮวาเหยียนพ่นลมหายใจเ็า นางี้เีที่จะระบายอารมณ์กับผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้แล้ว เพราะเมื่อได้เตะออกก็นับนางได้ระบายโทสะแล้ว
นายท่านของอีกฝ่ายเหมือนจะมีเื่ปิดบังอำพรางซ่อนเร้น แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเื่อะไรแต่ก็ไม่ใช่กลอุบายที่หมายเอาชีวิต มิฉะนั้นคงไม่จับหยวนเป่าไปเพื่อข่มขู่นาง แต่พฤติกรรมลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ ช่างเป็การดูถูกนางเสียจริง
ในไม่ช้าฮวาเหยียนก็ตามอั้นจิ่วไปถึงจวนไท่จื่อ จากนั้นก็เดินเข้าไปทางประตูลับซึ่งฮวาเหยียนไม่เห็นแม้แต่ป้ายหน้าประตู
ในเวลานี้เป็เวลาพลบค่ำ แสงและเงาสาดทับกันอย่างหนักหน่วง มีอากาศเย็นพัดผ่านสนามหลังบ้านของจวน
"บุตรชายของข้าอยู่ที่ไหน?? "
ฮวาเหยียนส่งเสียงถาม
"ข้างหน้า คุณหนูมู่เดินเข้าไปเองเถิด"
ทั้งสองหยุดอยู่ในลานมืดท่ามกลางเงาไม้รกชัฏ อั้นจิ่วก้าวไปข้างหน้า เพื่อเปิดคุกลับ เมื่อเกิดเสียงดังปัง ประตูลับก็ปรากฏขึ้นบนผนังทันที
“เฮอะ...”
ฮวาเหยียนยิ้มเยาะ
ประตูลับนี้ถูกซ่อนไว้อย่างดี โดยปกติสถานที่ประเภทนี้ย่อมเป็คุกมืดในจวนตระกูลชั้นสูงซึ่งมีไว้ใช้สำหรับฆ่าคนและซ่อนศพโดยเฉพาะ
“เ้าขังลูกของข้าไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ? ”
ฮวาเหยียนมองไปที่อั้นจิ่วทันที
อั้นจิ่วเป็คนฉลาดมีไหวพริบ แววตาของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก พาให้ไหล่ที่เคยถูกเตะก็ปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนูมู่จะรู้เมื่อท่านเข้าไปข้างใน นายท่านกำลังรอท่านอยู่ขอรับ”
อั้นจิ่วกล่าว
เขาจ้องที่ฮวาเหยียนอย่างระมัดระวัง เพราะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูราวกับว่าพร้อมที่จะลงมือกับเขาได้ตลอดเวลา เขารู้สึกถึงความตึงเครียดแบบนี้ในตัวนายท่านและตอนนี้ก็มีคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน
อั้นจิ่วสบถด่ามารดามันเถิดอยู่ในใจ เมื่อสี่ปีที่แล้วเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่มาก่อน นางเป็ผู้ที่มีความรู้ เป็แม่นางที่อ่อนโยนเป็อย่างยิ่ง ผู้คนในจวนขององค์ไท่จื่อล้วนพอใจกับพระชายาแห่งองค์รัชทายาทผู้นี้เป็อย่างยิ่ง จนกระทั่งในภายหลังเกิดเื่ที่หอนางโลมขึ้น...
แต่ใน่สี่ปีนี้ เด็กสาวที่อ่อนโยนและสง่างามเช่นนี้กลับกลายเป็คนดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้อย่างไร
ตอนนี้พวกเขามาถึงแล้ว ฮวาเหยียนไม่จำเป็ต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอีก นางพ่นลมอย่างเ็า และทันใดนั้นรอยยิ้มที่ี้เีก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง อั้นจิ่วเห็นคุณหนูใหญ่พูดเบาๆ "ใช่แล้ว เ้ามีนามว่ากระไร? "
อั้นจิ่วมึนงงไปชั่วครู่ “ผู้ใต้บังคับบัญชามีนามว่าอั้นจิ่ว”
ฮวาเหยียนพยักหน้าและปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าทันที “อั้นจิ่วใช่หรือไม่? ข้าแนะนำให้เ้าทำดีกับบุตรชายของข้า ไม่อย่างนั้น...”
มิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ฮวาเหยียนไม่ได้พูด แต่อั้นจิ่วกลับรู้สึกว่านี่เป็ภัยร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนามของเขาถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ ทำเอาเขาสั่นไปทั้งตัวจริงๆ
ฮวาเหยียนไม่ได้มองเขา นางก้าวเท้าไปทางประตูเหล็กและผลักมันให้เปิดด้วยฝ่ามือเดียว นางเดินตรงเข้าไปโดยที่บนใบหน้าของนางนั้นไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
อั้นจิ่วมองไปที่แผ่นหลังของฮวาเหยียนแล้วส่ายหัว เขายกมือลูบแขน คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ช่างกล้าหาญเสียจริง นางรู้หรือไม่ว่าตอนนี้นางอยู่ในสถานการณ์เช่นไรกัน?
สิบสองขั้นบันได ภายในประตูลับนั้นมืดสนิทยิ่งนัก แถมกลิ่นเืก็รุนแรงกลิ่นคาวทะลุเข้ามาในจมูก
“อา...”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกับเสียงขอความเมตตา ฮวาเหยียนหยุดก้าวเดินครู่หนึ่งแล้วเดินลงบันไดต่อ
นางเห็นห้องที่ข้างในมืดและอับชื้นยิ่งนัก ตะเกียงน้ำมันหลายดวงทั้งสองข้างมีไฟริบหรี่จางๆ เมื่อลมหนาวพัดมา ไฟสองข้างก็ดับลงทันที คุกมืดที่ไม่เห็นดวงอาทิตย์ตลอดเลยทั้งปีแม้แต่อากาศภายในยังสกปรก แสงเทียนไหวราวกับะโไปมา ติดๆ ดับๆ นั้นได้สร้างเงาคล้ายภูตผีิญญาบนกำแพง ในอากาศก็มีกลิ่นอับชื้น เื และความตายคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
เมื่อมองดูภายใต้แสงและเงา นางพลันเห็นคนคนหนึ่งหันหลังยืนให้อยู่ แผ่นหลังของเขานั้นสง่างาม เพียงมองดูก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แสงเทียนสลัวแสดงให้เห็นสีที่เยือกเย็น รูปร่างนั้นได้สัดส่วนชัดเจน ผมดำยาวสยายยาว เมื่อร่างของเขากับความมืดผสานเข้าด้วยกันกลับทำให้ตัวของเขายิ่งโดดเด่น
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ชายคนนั้นก็หันศีรษะกลับมาอย่างช้าๆ ...
อ่า
ฮวาเหยียนสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด
ในใจนึกด่ามารดามันเถอะ นี่นางกำลังมองอะไรอยู่?
ภายใต้แสงเงาจากแสงเทียน ชายผู้นั้นกำลังยืนตระหง่านอยู่ด้วยอาภรณ์และผมสีดำ ใบหน้าหล่อเหลา แววตาหยิ่งยโสนั้นช่างเฉยเมยและเ็าราวกับูเาที่อยู่ห่างไกลในม้วนภาพ มองดูเหมือนเอื้อมถึงแต่แท้จริงกลับห่างไกลลิบลับ
ภายใต้ขนตาสีดำหนา ดวงตาที่เรียวยาวปรากฏแววตาเ็าในนั้น
ช่างเป็ชายที่งามสง่า...
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ฮวาเหยียนตกตะลึงเพราะในเงามืดมีเพียงแสงสลัวที่ทำให้ฮวาเหยียนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ในยามนั้น บุรุษผู้นั้นหันร่างของเขาไปทางด้านข้าง และเมื่อมองทะลุผ่านแสง ฮวาเหยียนก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีชายวัยกลางคนถูกแขวนไว้กลางอากาศด้วยโซ่เหล็กที่ห้อยผ่านกระดูกของเขา
ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่สมบูรณ์ ยกเว้นใบหน้าที่เปื้อนเื ร่างของเขาสามารถมองทะลุเห็นหมดทั้งเนื้อหนังและโลหิตสีแดงเข้ม
ชายคนนั้น...
ถูกถลกผิว
โลหิตสีแดงสดจากร่างของชายผู้นั้นค่อยๆ หยดลงพื้นดังติ๋งๆ
มองดูชายรูปงามที่หาเปรียบมิได้ สวมถุงมือผ้าไหมสีเงิน ้าถูกย้อมไปด้วยเื เห็นเขาค่อยๆ บรรจงถอดถุงมืออย่างช้าๆ และโยนทิ้งไปด้านข้าง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองฮวาเหยียนด้วยสายตาเ็า
ฮวาเหยียนรู้สึกว่าหนังศีรษะของนางชาวาบ หลังของนางสั่นสะท้านทันที
มารดามันเถิด คนผู้นี้เป็ใครกัน? เหตุใดถึงโรคจิตถึงเพียงนี้ ช่างเลวร้ายยิ่งนัก ปล่อยให้สาวงามอย่างนางมาดูเขาถลกหนังคน
ดังนั้นแล้ว เป็คนผู้นี้หรือที่จับหยวนเป่าไป?
เหอะๆ…
ฮวาเหยียนหรี่ตาลง ช่างเป็การแสดงพลังอำนาจที่น่ากลัวเสียจริง ไม่พูดไม่จาอันใดก็ทำให้เห็นว่าเขาถลกหนังคนเลยทันที ถ้าเป็คนขี้ขลาด นางอาจจะเป็ลมเพราะความใก็เป็ได้ แต่นางเป็ใคร? นางเป็บุตรคนที่เจ็ดแห่งตระกูลฮวา ไม่เกรงกลัวต่อฟ้าดินใดๆ ทั้งสิ้น
“เ้าเป็คนจับบุตรชายของข้าไปหรือ? ”
ฮวาเหยียนเชิดคางขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงเ็า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโอหัง
แม้ว่าความงามของชายตรงหน้าจะทำให้ทั้งโลกไร้สีสันถึงขนาดได้ใจนางไปครอง แต่เขาเป็พวกวิปริต ทั้งยังจับลูกของนางไปด้วย
ตี้หลิงหานไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาจะเห็นเขา นอกจากความประหลาดใจที่สาดประกายในแววตาตอนแรกและความประหลาดใจในตอนท้าย นางมีท่าทีที่สงบยิ่งนัก เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา “มู่อันเหยียน พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้ว”
ตี้หลิงหานเปิดปาก น้ำเสียงเ็ายิ่งนัก
คิ้วของฮวาเหยียนขยับไหว ที่แท้แล้วก็เป็คนรู้จักเก่าจริงๆ แต่ว่านาง ไม่! รู้! จัก!
"เ้าเป็ใคร? แล้วมีความแค้นอะไรระหว่างเรา? "
ฮวาเหยียนถาม
สำนวนที่ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แน่นอนว่านางต้องถามว่าคนคนนี้เป็ใคร มีความเกลียดชังแบบใดถึงจับลูกชายของนางและยังพานางมาที่นี่เพื่อดูการถลกหนังคน คนที่อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้วิปริตมากแค่ไหนกัน???
จู่ๆ คำพูดก็หายไป นางเห็นใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้านั้นเ็ายิ่ง บรรยากาศรอบๆ ตัวของนางเย็นลงเช่นกัน เขาจ้องมองไปที่ฮวาเหยียนราวกับว่าเขา้าเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าของนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้หลิงหานก็เปิดปากกล่าวขึ้นก่อน “ของล่ะ? ”
เสียงนั้นทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูด
"ของอะไร? "
ฮวาเหยียนไม่ตอบสนอง และถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว
“เหอะ... มู่อันเหยียน เปิ่นกงไม่รู้ว่าการที่เ้าหายไปเป็เวลาสี่ปี จะทำให้ความสามารถในการแสร้งทำเป็โง่เขลาของเ้านั้นร้ายกาจถึงเพียงนี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้