ฉู่รั่วหลานกรีดร้องอย่างเป็บ้าเป็หลังใส่มู่เสวียนเย่ สภาพของนางราวกับเสียสติไปแล้ว
โรงน้ำชาที่เดิมทีเงียบสงบ ทว่าเพราะเสียงกรีดร้องของฉู่รั่วหลานจึงเรียกให้ผู้คนโดยรอบเดินมาชม พวกเขายืนอยู่ล้อมรอบประตู พากันมุ่งเข้ามาเพื่อร่วมชมความสนุก
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่ตึงเครียด ทว่ามือที่กุมมือของมู่เฉิงอินไว้กลับมิได้คลายลง
มู่เฉิงอินอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของมู่เสวียนเย่ แต่เมื่อนางหันกลับไปมองฉู่รั่วหลาน พลันต้องตกตะลึงกับสภาพของอีกฝ่าย
เห็นเพียงดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง จ้องมองมาที่พวกนางทั้งสองคน
ดวงตาที่บ้าคลั่งดังกล่าวทำให้มู่เฉิงอินขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกอึดอัดเป็อย่างยิ่ง
“องค์หญิง ระหว่างกระหม่อมกับท่าน มีเพียงมารยาทที่พึงต้องรักษาไว้ แต่ไรมามิเคยละเมิดกฎ องค์หญิงทรงถนอมพระวรกายที่มีค่าดั่งทองคำพันชั่งเถิด กระหม่อมมิคู่ควรกับพระองค์ อีกทั้งในใจมีเฉิงอินเพียงหนึ่ง ไร้สตรีอื่นใดทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”
มู่เสวียนเย่บังเกิดความไม่พอใจขึ้นในใจ แต่เขายังต้องไว้หน้าให้ฉู่รั่วหลานอยู่สามส่วน อย่างไรนางก็เป็ถึงองค์หญิง หากเขาไม่เคารพนาง เื่ราวถูกพูดออกไปคงจะไม่ดีต่อตระกูลมู่นัก
ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิเสธของมู่เสวียนเย่ก็ชัดเจนเป็อย่างยิ่ง ผู้ใดเข้าใจความหมายก็สมควรตื่นรู้รับความจริงได้แล้ว ทว่าฉู่รั่วหลานล้วนฟังคำพูดใดไม่เข้าหูเลยสักนิด ไม่เพียงไม่สนใจ นางยังคงจับจ้องไปที่ร่างของมู่เสวียนเย่พร้อมกัดริมฝีปากตน หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “เป็ขุนนางที่ภักดียิ่ง เป็คนดีที่มิอาจละเมิดกฎ ร่างกายดั่งทองพันชั่งอันใด เ้าก็แค่ดูถูกข้า มิใช่หรอกหรือ แค่นั้นมิใช่หรือ?”
ฉู่รั่วหลานกรีดร้องออกมาเสียงดัง ไม่สนใจผู้ชมที่รายล้อมอยู่ทั้งสิ้น อีกทั้งไม่สนหน้าตนเองด้วย
คนที่มุงดูต่างกระซิบกระซาบกัน ศีรษะล้วนแนบชิดกับใบหู
“ท่านนี้คือองค์หญิงฉู่ ส่วนท่านนั้นคือคุณชายใหญ่ตระกูลมู่ ในอ้อมแขนของเขาเหมือนจะเป็แม่นางจากตระกูลมู่ มู่เฉิงอิน ว่ากันว่าทั้งสองคนเจรจางานแต่งกันเรียบร้อยแล้ว”
มีผู้ชมบางคนไม่ทราบสถานการณ์จึงแอบถามคนที่อยู่ข้างๆ ดังนั้นจึงมีคนกระซิบคำอธิบาย
นี่ถือเป็เื่ซุบซิบระดับแคว้น สายตาของคนที่อยู่รอบข้างล้วนลุกเป็ไฟ เพราะกลัวว่าจะพลาดเื่สนุกสนานใดไป
สีหน้าของมู่เสวียนเย่มืดครึ้มโดยสมบูรณ์ เขาไว้หน้าฉู่รั่วหลานมามากพอแล้ว ทว่าองค์หญิงผู้นี้ช่างไร้สมองอย่างแท้จริง ต้องเสียหน้าต่อหน้าผู้ชมมากมายให้เื่ราววุ่นวายกว่าเดิม
และทำให้เขาหรือแม้กระทั่งเฉิงอิน ต้องกลายเป็หัวข้อสนทนายามมื้อค่ำของคนอื่น จุดนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่ไม่น่ามองเลยสักนิด ยามต้องเผชิญหน้ากับฉู่รั่วหลานที่ใช้วาจาข่มขู่ตน คิ้วคมของเขาก็ขมวดจนเป็ปม ริมฝีปากถูกเม้มแน่น คิดถึงหลักการที่จะไม่ทำร้ายสตรี รวมถึงเื่ที่คนตรงหน้าเป็ถึงองค์หญิง ท้ายที่สุดเขาจึงทำเื่ผลักไสคนออกไปมิได้จริงๆ
“องค์หญิง กระหม่อมมีการอื่นต้องทำ จึงขอตัวพร้อมกับคู่หมั้นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ในเมื่อทำร้ายไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่ายุ่งเกี่ยวไปมากกว่านี้
ยั่วโมโหมิได้ หากจะหลบก็ยังหลบมิได้อีกหรือ? เวลานี้มู่เสวียนเย่คิดเพียงว่าจะพามู่เฉิงอินออกจากสถานที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด
มู่เฉิงอินไม่คิดจะพูดอันใดออกไปเช่นกัน ขณะนี้นางอยู่ในอ้อมกอดของมู่เสวียนเย่ ได้รับการปกป้องจากเขา วาจาของอีกฝ่ายที่กล่าวอย่างเต็มปากว่านางเป็คู่หมั้น ทำให้ใบหน้าของนางเปี่ยมด้วยความหวานหยด แม้ว่าต้องเข้าไปวุ่นวายพัวพันกับองค์หญิงฉู่รั่วหลาน นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยสักนิด
กล่าวโดยสรุปคือตอนนี้นางทั้งรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวาน และมีความสุขนัก
ทว่าผู้ใดจะทราบ วันนี้ฉู่รั่วหลานถูกกระตุ้นจนเป็บ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว แค่เห็นท่าทางคร้านจะคุยกับนางและพร้อมจะประคองกอดมู่เฉิงอินจากไปของมู่เสวียนเย่ นางยังจะทนไหวอยู่อีกหรือ? ทั่วทั้งร่างนางสั่นสะท้าน หญิงสาวก้าวเท้าไปข้างหน้า ก่อนจะคว้าแขนของมู่เสวียนเย่เอาไว้ “เ้าไปไหนมิได้ ไม่ว่าที่ใดล้วนไปไม่ได้ทั้งสิ้น ข้าองค์หญิงขอสั่งเ้า รีบถอนหมั้นกับมู่เฉิงอินเดี๋ยวนี้ ข้าจะให้เสด็จพ่อออกราชโองการอภิเษกสมรส นอกจากข้าแล้ว เ้าจะแต่งกับผู้ใดมิได้ทั้งสิ้น!”
ฉู่รั่วหลานะโ
ผู้ชมโดยรอบหูตั้งขึ้นมาทันที แตง [1] เม็ดนี้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ช่างเป็ละครรักสามเส้าที่วิเศษนัก คาดว่าใช้เวลาไม่ถึงวัน เื่ก็คงกระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
“หากเ้า้าแต่งกับนาง ข้าผู้นี้ใจกว้างมีเมตตา อนุญาตให้เ้ารับนางเข้ามาเป็อนุได้”
ฉู่รั่วหลานเหลือบมองมู่เฉิงอิน พลางกำแขนของมู่เสวียนเย่แน่น นางเปิดปากกล่าวอย่างใจกว้าง
นางปรารถนาในตัวมู่เสวียนเย่ หน้าตาศักดิ์ศรีใดๆ ล้วนไม่้า แม้อีกฝ่ายจะมีเงื่อนไขใด นางก็พร้อมตอบรับทันที
ทว่าคำพูดเหล่านี้เป็ดั่งฝ่ามือที่ตบหน้ามู่เสวียนเย่ และยิ่งทำให้ใบหน้าของมู่เฉิงอินดำทะมึน นางเป็คุณหนูที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์และมีเกียรติ แต่กลับให้นางแต่งเข้าเป็อนุ ถือว่าเป็การหยามเกียรตินางอย่างยิ่ง ฉู่รั่วหลานกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
ใบหน้างดงามของมู่เฉิงอินเครียดขมึง นางกำลังจะเปิดปากโต้ตอบ ทว่ากลับเห็นมู่เสวียนเย่ยกแขนขึ้นสะบัดฉู่รั่วหลานออกไป
เนื่องจากโทสะ แรงที่ใช้จึงไม่เบาเลยสักนิด ร่างของฉู่รั่วหลานถูกสะบัดจนล้มลงไปกองกับพื้น ยังไม่ทันที่นางจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงเย็นของมู่เสวียนเย่เอ่ยว่า “องค์หญิง โปรดระมัดระวังวาจาของพระองค์ด้วย เฉิงอินคือคู่หมั้นของกระหม่อมมู่เสวียนเย่ กระหม่อมไม่อนุญาตให้ผู้ใดก็ตามหยามเกียรตินาง แม้เพียงน้อยก็มิได้ ส่วนคำว่าอนุนั้น เป็คำพูดไร้สาระที่ไม่มีมูลความจริง ระหว่างกระหม่อมกับองค์หญิงไม่เคยมีเื่อันใดเกิดขึ้นเลยสักนิด และต่อให้องค์หญิงขอพระราชทานการอภิเษกสมรสต่อหน้าฮ่องเต้ กระหม่อมมู่เสวียนเย่ก็จะปฏิเสธ มิขอแต่งกับพระองค์ และกระหม่อมมู่เสวียนเย่จะมีเพียงมู่เฉิงอินเป็ภรรยาเพียงผู้เดียวตลอดชีวิต ไม่รับอนุหรือหญิงอื่นอีกเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงของมู่เสวียนเย่ทั้งเ็าและลึกล้ำ ทว่าระดับเสียงกลับไม่เบานัก ตระกูลมู่ของพวกเขามีคุณงามความดีมากว่าร้อยปี อีกทั้งบิดาของเขายังได้รับพระราชทานนามอ๋อง ตัวเขาเองก็สร้างความดีความชอบไว้นับไม่ถ้วน ในฐานะที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ยามอยู่ต่อหน้าฉู่รั่วหลานหรือฉู่หลิวซวง องค์หญิงและจวิ้นจู่ เขาก็ควรเคารพให้เกียรติพวกนาง ทว่าที่จริงแล้วก็มิจำเป็ต้องทำถึงขั้นนั้น แม้เขาจะเป็ขุนนางผู้หนึ่ง ทว่าก็เป็ขุนนางของฮ่องเต้ มีอันใดเกี่ยวข้องกับฉู่รั่วหลานกัน?
ความสำคัญของเขา ในสายตาขององค์ฮ่องเต้ ย่อมเหนือกว่าองค์หญิงฉู่รั่วหลานมากมายนัก
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำกล่าวที่หยามศักดิ์ศรีของมู่เฉิงอิน โทสะของเขาจึงพุ่งสูง ตัวเขาสามารถอดทนได้ ทว่าเฉิงอินคือสตรีที่เขา้าจะปกป้อง เป็สตรีที่เขาปรารถนาจะแต่งงานด้วย ย่อมมิอาจถูกหยามเกียรติได้เช่นนี้
“คุณชายใหญ่ตระกูลมู่ ออกหน้าปกป้องแม่นางมู่เฉิงอินถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล่าวว่าจะไม่รับอนุหรือหญิงอื่น ช่างสมเป็ชายชาตรียิ่งนัก”
“คุณชายใหญ่ตระกูลมู่และมู่เฉิงอินมีความรักที่งดงามลึกซึ้ง ช่างเป็คู่แท้์สร้าง”
“ข้าเองก็อยากแต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลมู่เช่นกัน...”
ทันทีที่เสียงของมู่เสวียนเย่สิ้นสุดลง ดวงตาของสตรีจำนวนไม่น้อยรอบตัวล้วนเต็มไปด้วยรูปทรงหัวใจ หัวใจตรงหน้าอกเต้นแรงตึกตักไม่หยุด คุณชายใหญ่ตระกูลมู่เป็บุรุษที่สตรีชั้นสูงในเมืองหลวงหลายคนปรารถนาจะแต่งงานด้วย
ทว่าแม้บุรุษผู้นี้จะงดงามหล่อเหลา แต่ก็มักทำสีหน้าเ็า ความรู้สึกดีๆ ที่สตรีหลายคนมีให้กลับถูกปิดประตูใส่หน้า ในแวดวงสังคมจึงตั้งฉายาให้เขาว่า ‘รูปแบบที่ยากจะเข้าใจ’ แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อเขามีความรัก กลับลึกซึ้งดั่งห้วงทะเลลึก
เพราะคำพูดของมู่เสวียนเย่ ฉู่รั่วหลานจึงรู้สึกเสียหน้าเป็อย่างยิ่ง นางได้ยินเสียงจากคนที่อยู่รอบตัว ล้วนเป็คำที่แสดงความอิจฉาต่อมู่เฉิงอินและคำอวยพรพวกเขาทั้งสอง เทียบกันแล้วตัวนางที่แม้จะมีฐานะเป็ถึงองค์หญิงกลับไม่ได้รับคำกล่าวใดแม้สักน้อย ทว่าในสายตาของคนเหล่านี้ต่างฉายแววดูถูกและเยาะเย้ย เป็ดั่งดาบนับไม่ถ้วนที่ทิ่มแทงบนร่างนาง ช่างเป็เื่ที่น่าขายหน้ายิ่งนัก
ขณะนี้มู่เฉิงอินรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง คลื่นอารมณ์ในหัวใจสั่นกระเพื่อมขึ้นทีละน้อย นางอิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมแขนของมู่เสวียนเย่ รู้สึกเพียงตัวนางห้อมล้อมด้วยความสุข ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ มิอาจบรรยายออกมาเป็คำพูดได้จริงๆ
บุรุษผู้นี้ บุรุษที่นางมีใจให้ มีแผงอกอันอบอุ่น ปกป้องนาง รักถนอมนาง ป้องกันนางจากลมและฝน นางสามารถจินตนาการได้ว่าชีวิตของนางจะมีความสุขมากเพียงใดหลังจากที่นางแต่งงานกับเขาในภายหน้า
ซาบซึ้งจนร้องไห้
มีความสุขจนอยากจะแต่งงานเสียพรุ่งนี้
“พี่เย่ ขอบคุณเ้าค่ะ...” ขอบคุณที่ปกป้องข้า
เชิงอรรถ
[1] แตง เป็คำสแลงหมายถึง เื่ให้สอดส่อง เื่ให้นินทา มาจากคำว่า 吃瓜 ที่แปลว่าสอดรู้สอดเห็น สนใจเื่ของคนอื่นแต่ทำทีเฉยๆ ไม่แสดงความเห็นใด ตรงกับคำสแลงในภาษาไทยว่า “กินเผือก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้